การเรียนรู้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยพัฒนาไปได้อย่างเต็มที่และสมวัย เด็ก ๆ จะพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อ อารมณ์ การเข้าสังคม และความคิดสร้างสรรค์ผ่านการเล่นของพวกเขา ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรเร่งเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูก เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงพร้อมเรียนรู้อยู่เสมอ
โรคที่พบได้บ่อยเมื่อลูกมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
ทุก ๆ เปิดเทอม ลูกไปโรงเรียนได้ไม่กี่วัน ทางคุณครูก็มักจะแจ้งงดการเรียนการสอน เพราะมีเพื่อนร่วมชั้นของลูกเป็นโรคติดต่อ และพอไปโรงเรียนอีกครั้ง ไม่กี่วันก็ต้องหยุดเรียนอีก บ้านไหนลูกแข็งแรงก็จะไม่ติดเชื้อ ส่วนบ้านไหนที่ภูมิตกภูมิคุ้มกันอ่อนแอก็มักจะติดเชื้อไปตามระเบียบ ซึ่ง 2 โรคที่เด็ก ๆ เป็นกันบ่อย คือ
- RSV (Respiratory Syncytial Virus) โรคทางระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยในเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กที่มีอายุน้อยกว่า 5 ปี สามารถทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง หากมีอาการรุนแรงอาจทำให้เป็นปอดบวมหรือปอดอักเสบ และทำให้เกิดภาวะหายใจล้มเหลวได้ในที่สุด
- ไข้หวัดใหญ่ (Influenza virus) มักจะระบาดในฤดูฝนและฤดูหนาวของบ้านเรา ซึ่งจะเป็นช่วงที่เด็ก ๆ เปิดเทอม เชื้อไข้หวัดใหญ่ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิด A, B และ C โรคไข้หวัดใหญ่มีอาการเริ่มต้นเหมือนไข้หวัด แต่หากมีอาการรุนแรงจะทำให้เกิดปอดอักเสบ และเสียชีวิตได้
โรคที่เกิดขึ้นเมื่อภูมิคุ้มกันของลูกอ่อนแอยังมีอีกมาก ซึ่งหนทางที่จะป้องกันลูกจากเชื้อโรคเหล่านี้ได้ จำเป็นต้องสร้างความแข็งแรงให้กับระบบภูมิคุ้มกันของลูกน้อย
สร้างภูมิคุ้มกันหลังคลอดให้ลูกได้อย่างไร
เมื่อลูกได้ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน หรือเข้าสู่สังคมโรงเรียนจะมีโอกาสสัมผัสเชื้อโรคได้บ่อย ซึ่งระบบภูมิคุ้มกันจะมีการจดจำเชื้อโรคที่เป็นสิ่งกระตุ้น และตอบสนองได้เร็วขึ้น เมื่อได้รับการ กระตุ้น ซึ่งภูมิคุ้มกันที่ได้รับมาในภายหลัง แบ่งออกได้ 2 แบบ ดังนี้
- ภุมิคุ้มกันแบบเจาะจง (Adaptive Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้เอง หลังจากได้รับเชื้อเข้ามา เพื่อลดความเสี่ยงที่ผู้ป่วยจะต้องติดเชื้อเดิม
- ภูมิคุ้มกันที่รับมาจากภายนอก (Passive Immunity) เป็นภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากภายนอก ที่ร่างกายนำมาช่วยป้องกันการติดเชื้อ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เช่น ลูกดื่มนมแม่จะได้รับภูมิคุ้มกัน ในช่วงที่ร่างกายกำลังเจริญเติบโต และเมื่อผ่านไประยะเวลาหนึ่ง ภูมิคุ้มกันนี้จะค่อย ๆ ลดลงและหมดไป
จะเห็นได้ว่าการดื่มนมแม่นั้นสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้เป็นอย่างดี แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งหลังจากลูกไม่ได้ดื่มนมแม่ต่อเนื่อง ภูมิคุ้มกันของลูกจะอ่อนแอลง เพื่อให้ลูกมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง คุณแม่ควรปฏิบัติดังนี้
- ดูแลให้ลูกได้รับโภชนาการที่ดี
การให้ลูกดื่ม น้ำนมเหลือง หลังคลอดจะเป็นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้ดีที่สุด เพราะในน้ำนมเหลืองมีสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน อย่าง แลคโตเฟอร์ริน โปรตีนที่มีความสำคัญในการกำจัดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสที่ก่อโรคบริเวณลำไส้ และ MFGM ที่มีการศึกษาแล้วพบว่า MFGM ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน (1) รวมทั้งลดการติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนบนและภูมิแพ้ในเด็ก (2) การดูแลให้ลูกดื่มนมแม่ระยะที่ 3 อย่างต่อเนื่องก็มีความสำคัญ เพราะในน้ำนมแม่ยังมีสารอาหารช่วยเสริมสร้างดูแลระบบภูมิคุ้มกันอยู่มาก แต่หากลูกไม่ได้ดื่มนมแม่แล้ว การเสริมโภชนาการที่มี แลคโตเฟอร์ริน และ MFGM อย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับลูกได้
- ดูแลระบบทางเดินอาหารให้ทำงานได้เป็นปกติ
หากลำไส้มีแบคทีเรีย ไวรัสก่อโรคเป็นจำนวนมาก แต่มีแบคทีเรียดีน้อย หรือมีปริมาณ แลคโตเฟอร์ริน น้อย จะทำให้ลำไส้ขาดสมดุลและส่งผลเสียต่อระบบภูมิคุ้มกันตามมา ถ้าหากการดูดซึมอาหารทำงานได้ไม่ดี ก็จะส่งผลให้พัฒนาการด้านต่างสะดุดได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนพักผ่อนเป็นการช่วยทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดี้ ที่เป็นเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกันขึ้นมา ส่งผลทำให้ร่างกายแข็งแรงมากยิ่งขึ้น สำหรับเด็กเล็กการนอนหลับให้เพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากจะช่วยในเรื่องของภูมิคุ้มกันแล้ว ยังทำให้พัฒนาการด้านต่าง ๆ พัฒนาได้อย่างเต็มที่ได้อีกด้วย
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ทั้งยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อเม็ดเลือดขาวในการจัดการกับเชื้อโรคต่าง ๆ ที่เข้ามาในร่างกาย คุณพ่อคุณแม่สามารถชวนเด็ก ๆ ทำกิจกรรมขยับร่างกาย อย่างการตีแบด เต้นแอโรบิก ปั่นจักรยาน นอกจากจะทำให้ร่างกายแข็งแรง ยังทำให้สมาชิกในครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันด้วย
- โรคร้ายมีมาใหม่เรื่อย ๆ วัคซีนต้องอัปเดต
การมาของ โควิด-19 ทำให้เรารู้ว่าวัคซีนมีความสำคัญ และสามารถต้านทานโรคได้จริง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรดูแลให้ลูกได้รับวัคซีนเป็นพื้นฐานตามช่วงวัยที่กำหนดไว้ และอาจจะพิจารณาให้ลูกได้รับวัคซีนเสริมตามสมควร
นอกจากนี้ การฝึกให้ลูกมีสุขอนามัยที่ดี เช่น กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่ชุมชน ก็เป็นหนทางที่จะช่วยให้ลูกไม่เจ็บป่วยบ่อยและมีภูมิคุ้มกันแข็งแรงได้เช่นกัน สำหรับคุณแม่ที่ต้องการเสริมโภชนาการให้ลูกน้อย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่นี่
อ้างอิง
(1) Timby N et al.Pediatr Gastroenterol Nutr.2013;60:384-389
(2) Birch EE et al.J Nutr.2010;156 (6):902-906
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :
11 อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันเด็ก เสริมภูมิต้านทาน แข็งแรงสมวัย
ลูกผ่าคลอดแข็งแรงได้ ด้วยโภชนาการที่ถูกต้อง สร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกตั้งแต่แรกเกิด
แลคโตเฟอรินในนมแม่ ป้องกันแบคทีเรียให้ทารก ให้นมลูกไม่ได้ควรทำอย่างไร
ตารางอาหารทารกแรกเกิด – 1 ปี ลูกน้อยควรกินเท่าไหร่ใน 1 วัน