นี่คือ 5 เหตุผลหลักๆที่ทำไมคุณถึงชอบที่จะหงุดหงิดใส่ลูกหลาน
1. คุณเก็บเอามาเป็นเรื่องส่วนตัวมากเกินไป ยกตัวอย่างเช่น บอกให้ลูกทำอย่างแต่พวกเขากลับไปทำอีกอย่าง ทำไมพวกเขาไม่ทำตามสิ่งที่เราบอก ทำไมแค่นี้ถึงคิดไม่ได้ ณ จุดนี้คุณแม่ลืมอะไรบางอย่างไรหรือเปล่าคะ ว่าลูกของเรายังเป็นเด็กและพวกเขาต้องการคำแนะนำจากเรา เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณแม่จะเริ่มปรี๊ด อยากให้คุณแม่ลองหยุดใช้เวลากับตัวเองสักหนึ่งนาทีคิดถึงสาเหตุจริงๆของปัญหานั้นก่อนว่ามาจากอะไรกันแน่ มันยุติธรรมกับลูกแล้วเหรอที่เราจะเอาอารมณ์ของเราไปใส่พวกเขา เพราะในบางครั้งพวกเขายังไม่รู้และเข้าใจเสียด้วยซ้ำว่าตนเองได้ทำอะไรผิด ใจเย็นอีกสักนิดนะคะคุณแม่ จำไว้ว่าทุกอย่างต้องใช้เวลาค่อยๆฝึกวินัยและใช้เหตุผลกับลูกๆดีกว่าที่จะให้ลูกรู้สึกหวาดกลัวกับอารมณ์ของคุณแม่ตัวเอง
2. ปรับความคาดหวังของตัวเราเอง มันยากที่จะรู้ได้ว่าความคาดหวังของคุณแม่ที่ถูกต้องจริงๆแล้วเป็นอย่างไร ยกตัวอย่างเช่นคุณแม่มีลูกอายุสามขวบแต่มีความต้องการให้ลูกนั้นทำตัวเปรียบเสมือนกับเด็กอายุหกขวบ มันยากใช่ไหมละคะที่เราจะไปคาดหวังให้เด็กอายุแค่นั้นทำตัวเหมือนพี่ๆคนอื่นๆได้ บางครั้งคุณแม่ต้องกลับมาคิดว่าที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะตัวฉันเองมีความคาดหวังอะไรมากเกินไปใช่หรือไม่ พอหันกลับไปดูลูกตัวเอง เพิ่งนึกได้ว่าอ้าว! ก็เด็กตัวแค่นี้จะไปทำอะไรมากมายไปกว่านี้ได้ จะให้ช่วยเหลือตัวเองน่ะเหรอยังทำไม่เป็นเลย คุณแม่คะ ความคาดหวังเป็นสิ่งที่ดีค่ะแต่ไม่จำเป็นที่เราจะต้องคาดหวังให้ทุกอย่างสมบูรณ์แบบไปเสียทั้งหมดก็ได้ เช่น คาดหวังให้ลูกๆเชื่อฟังคำสั่งให้ได้ทุกข้อ ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องทำให้ได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์แค่พวกเขาทำได้บ้างก็เพียงพอแล้วไม่ใช่หรือคะ
3. ให้เวลาส่วนตัวกับตัวเองบ้าง จริงอยู่หน้าที่คุณแม่อย่างเราๆนั้นต้องอาศัยความเสียสละเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสละเวลาส่วนตัว แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจำเป็นที่จะต้องเสียสละสุขภาพจิตของตัวเราเองนี่คะ หันมาให้เวลากับตัวเราเองได้พักหายใจหรือทำอะไรสักอย่างเพื่อตัวเองบ้าง แล้วให้สามีดูแลบ้านและลูกๆแทน เพื่อที่เราจะได้สามารถไปทำกิจกรรมต่างๆได้ ไม่ว่าจะเป็นงานอดิเรก เสริมสวย ออกกำลังกายเป็นต้น แต่ถ้าหากตอนนี้ยังนึกอะไรไม่ออก คุณแม่ก็ลองค่อยๆลิสต์มาดูก็ได้ค่ะว่ามีอะไรบ้างน๊าที่ฉันอยากทำ แล้วเราก็ค่อยๆจัดสรรเวลาแล้วก็ลงมือทำเลยค่ะ
4. ปล่อยให้อยู่เหนือการควบคุมบ้าง ตอนนี้คุณแม่คงรู้สึกว่าโอ้ย! ใครจะไปรับได้ เช่นเดียวกัน ดิฉันก็รับไม่ได้ค่ะแต่เราก็ต้องทำ เพราะว่าส่วนใหญ่พฤติกรรมของเด็กที่แสดงออกมานั้นส่งผลมาจากการเลี้ยงดูของตัวเราเองค่ะ เด็กๆต้องการเป็นตัวของตัวเองอยากที่จะมีอิสระ เราก็ควรที่จะปล่อยให้พวกเขาได้มีอิสระบ้าง เข้มงวดบ้าง และถ้าหากดูแล้วเหมือนกับบ้านของเราอยู่เหนือการควบคุมมากเกินไปเราก็ค่อยกดปุ่มรีเซ็ทใหม่ แล้วก็พูดคุยกับเขาด้วยเหตุผลถ้าพวกเขายังทำอีก คุณแม่ก็ต้องสอนใหม่จนกว่าพวกเขาจะทำได้
5. ถ้าหากกำลังเครียดก็ค่อยๆหาทางออก เวลาที่เราเครียดเรามักจะหาทางออกไม่เจอแล้วก็หงุดหงิดกับสิ่งต่างๆรอบข้าง ทุกๆอย่างขัดหูขัดตาไม่ได้ดั่งใจไปเสียหมดใช่ไหมคะ แล้วก็บ่อยครั้งเลยที่เราจะลืมตัวหันไประเบิดใส่ลูกโดยที่พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรผิดเสียด้วยซ้ำ และสุดท้ายพอเราได้สติเราก็รู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้ายังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในตอนนั้น หยุดวางเอาไว้ก่อนเถอะค่ะ แล้วหันมาให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะท้ายที่สุดแล้วเราจะเจอทางออกของปัญหาเอง
เด็กๆเปรียบเสมือนผ้าขาว ซึมซับสิ่งต่างๆรอบตัวได้ง่าย หากไม่อยากให้พวกเขากลายเป็นคนขี้หงุดหงิดก็จงอย่าเป็น “คุณแม่เจ้าอารมณ์” เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของลูกและทุกคนในครอบครัวค่ะ
คุณแม่เคยไหมคะที่ลืมตัวเอาอารมณ์ความรู้สึกของตนเองไประบายที่ลูก ถ้าใช่ คุณแม่มีวิธีการพูดคุยกับลูกอย่างไรบ้างคะ
ขอบคุณที่มา: amotherfarfromhome.com
บทความที่สัมพันธ์กัน:
เด็กทารกเรียนรู้อารมณ์ขันมาจากไหน