ช่วงอายุประมาณ 6 -10 ปี เรียกได้ว่าเป็นช่วงวัยแห่งการเปลี่ยนแปลง ก้าวพ้นจากวัยเด็กเล็กสู่วัยเด็กโต เพราะในช่วงอายุนี้เด็กจะมีความพร้อมในด้านของอารมณ์ สติปัญญา อยากรู้อยากลอง และพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อย่างเต็มที่ ทำให้คุณพ่อคุณแม่ยุคใหม่ พยายามส่งเสริมสิ่งดีๆ ให้ลูกได้ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย ทั้งด้านดนตรี เต้น ร้อง ศิลปะ กีฬา รวมไปถึงพาลูกออกค่ายอาสา เพื่อให้โลกของลูกกว้างขึ้น เสื้อซับใน
นอกจากทักษะ และความสนุกที่ลูกจะได้รับแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่คุณพ่อคุณแม่ต้องคำนึง และต้องเลือกสิ่งที่ดีให้กับลูกเช่นกัน นั่นก็คือ เสื้อซับใน เพื่อลดความกังวลต่างๆ ที่ต้องเผชิญระหว่างวัน โดยเฉพาะวันที่เด็กๆ ไปโรงเรียน เพื่อช่วยซัพพอร์ทพวกเขาให้ทำกิจกรรมได้อย่างเต็มที่ คุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่านอาจคิดว่า แบบไหนก็เหมือนกัน ความเชื่อนี้จริงหรือไม่? ลองมาดูกันว่าเสื้อซับในมีผลต่อเด็กๆ อย่างไร และต้องเลือกเสื้อซับในลักษณะใดถึงจะทำให้ลูกสบายตัว และแม่ก็สบายใจด้วย..
-
ความสบายตัวต้องมาเป็นที่ 1 เพราะทำกิจกรรมเยอะ –
อย่างที่บอกว่าในวัยนี้พวกเขามีกิจกรรมที่ต้องทำค่อนข้างแน่นในแต่ละวัน ช่วงเช้าไปเรียนหนังสือ ตกเย็นเล่นกีฬากับเพื่อน ต่อด้วยเข้ากิจกรรมเสริมทักษะอื่นๆ ที่รอพวกเขาอยู่อีกเพียบ ถ้าเสื้อซับในที่ต้องสัมผัสร่างกายโดยตรง ใส่แล้วไม่สบายผิว ทั้งหนา ทั้งอึดอัด ที่ต้องใส่ตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ผลกระทบตรงนี้อาจทำให้พวกเขาไม่อยากทำกิจกรรม เพราะรู้สึกอึดอัด หรือไม่ค่อยอยากเคลื่อนไหวมาก ดังนั้น ควรเลือกเสื้อซับใน ที่เนื้อนุ่ม ไม่บาดผิว เพื่อให้พวกเขาได้สนุกกับกิจกรรมที่ทำ
-
กลิ่นกาย ทำให้ขาดความมั่นใจ –
เรื่องกลิ่นกาย หรือกลิ่นเหงื่อสะสม ไม่ว่าจะเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง การมีกลิ่นตัวก็เป็นเรื่องที่ทำให้พวกเขาขาดความมั่นใจมากๆ อีกทั้งอาจเป็นปมทำให้เป็นเด็กที่ไม่มั่นใจ และส่งผลต่อบุคลิกเด็กได้ เพราะหลังจากทำกิจกรรมกลางแจ้ง อย่าง การเล่นกีฬา หรือวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ เด็กๆ มักกลิ่นเหงื่อสะสม เนื่องจากเสื้อซับในที่สวมใส่อยู่ระบายเหงื่อได้ไม่ดี ทำให้รู้สึกเหนอะหนะตัว และกักเก็บกลิ่นอับชื้น ทำให้หงุดหงิดกับกลิ่นที่ติดอยู่ที่เสื้อ จนไม่อยากจะทำอะไร เผลอๆ อาจโดนเพื่อนล้อจนเสียเซลฟ์ ดังนั้น ควรเลือกผ้าที่มีเทคโนโลยีที่ช่วยดูดซับและระบายความชื้นได้ดี อีกทั้งไม่สะสมกลิ่นไม่พึงประสงค์ เพื่อให้พวกเขาสนุกแบบไม่ต้องมาคอยกังวล
-
อากาศร้อนแค่ไหน แต่ก็ยังต้องใส่เสื้อซับใน –
อากาศร้อนนี่แหละคือปัญหาหลัก ปัญหาใหญ่ ทำให้เด็กๆ ไม่อยากใส่เสื้อซับใน เพราะประสบการณ์ที่ผ่านมา (ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้อผ้า Cotton หรือผ้าฝ้าย) ทำให้ยิ่งใส่ยิ่งร้อน แต่ก็ยังต้องใส่ เพื่อความเรียบร้อย และช่วยกันโป๊ จนบางครั้งก็อาจทำให้เด็กเลี่ยงกิจกรรมที่กลางแจ้ง หรือหมดสนุกไป
แบบดื้อๆ คุณแม่จึงควรเลือกแบบเนื้อผ้าที่บางเบานุ่มลื่นใส่สบาย อีกทั้งเย็นสบาย จากผ้าที่มีคุณสมบัติระบายความร้อนได้ดี
-
ทั้งฝน ทั้งเหงื่อ เจอแบบนี้เซ็งเลย –
เล่นจนเหงื่อชุ่มตัว แต่ผ่าน 2 ชม. ก็ยังไม่ทันแห้งสักที แต่ต้องไปทำกิจกรรมอื่นต่อ หรือดันต้องมาเจอสภาพอากาศไม่เป็นใจ งานนี้ถ้าเด็กๆ เป็นคนชอบทำกิจกรรม ต้องนั่งเซ็งทั้งวันแน่ๆ แต่จะให้พกเสื้อไปเผื่อเปลี่ยนหลายๆ ตัวก็คงจะยุ่งยาก ดังนั้นคุณแม่ ควรเลือกเสื้อซับในที่เนื้อผ้าแห้งไว จะได้ไม่ทำให้กิจกรรมที่พวกเขาทำอยู่ต้องสะดุด
อ่านมาถึงตรงนี้ คุณพ่อคุณแม่สงสัยใช่มั้ยคะ? ว่าต้องเลือก เสื้อซับใน แบบไหน ที่จะตอบโจทย์ทุกกิจกรรมของลูกได้ทั้งหมด?
ซึ่งการเลือกเสื้อซับในให้เหมาะกับพวกเขานั้น ต้องเลือกในสิ่งที่พวกเขาใส่แล้วสบายตัวสุด อย่าง เสื้อซับใน AIRism เป็นเทคโนโลยีที่ของ UNIQLO ที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับสภาพอากาศร้อนอับชื้นอย่างประเทศไทย ทำจากผ้าที่นุ่ม ลื่นใส่สบาย อีกทั้งใส่แล้วเย็นสบาย เพราะผ้าสามารถระบายความร้อนได้ดี ช่วยดูดซับความชื้นได้ดี แต่แห้งไว และไม่สะสมกลิ่นที่เกิดขึ้นระหว่างวันอีกด้วย
เท่านี้ทั้งคุณพ่อคุณแม่ และคุณลูก ก็สามารถตัดความกังวลระหว่างวันไปได้เลย รับรองว่าถ้าเด็กๆ ได้ลองใส่ ทุกคนต้องชอบ และรักในการทำกิจกรรมที่ต้องทำมากขึ้นแน่นอนเลยค่ะ แต่ถ้าอยากเคลียร์ความข้องใจ ว่าเสื้อซับในตัวนี้ทำได้จริงหรือไม่ ลองดูวีดีโอพิสูจน์ประสิทธิภาพของแอริซึ่ม (AIRism) ด้านบนกันได้เลย
หลังจากอ่านบทความนี้แล้ว เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่น่าจะเข้าใจถึงความสำคัญ และเหตุผลที่ควรเลือกซื้อเสื้อซับในที่มีคุณภาพดีแล้วใช่ไหมล่ะคะ ดังนั้นหากสนใจ อย่าลืมไปหาซื้อเสื้อซับใน AIRism ได้ที่ Uniqlo ทุกสาขา หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ https://www.uniqlo.com/th/store/
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!