เตือนภัยสาว ๆ ที่ชอบทำเล็บ อันตรายใกล้ตัวสาว ติด HIV เพราะการทำเล็บ

New York Daily News รายงานว่าหญิงสาวอายุ 22  ปี ติด HIV เพราะการทำเล็บ เธอถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV จากการที่เธอไปทำเล็บแล้วทางร้ายใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เตือนภัยสาว ๆ ที่ชอบทำเล็บ อันตรายใกล้ตัวสาว ติด HIV เพราะการทำเล็บ

ติด HIV เพราะ การทำเล็บ

New York Daily News รายงานว่าหญิงสาวอายุ 22  ปีชาวบราซิล ติด HIV เพราะการทำเล็บ เธอถูกวินิจฉัยว่าติดเชื้อ HIV จากการที่เธอไปทำเล็บ โดยที่ทางร้านนั้นใช้อุปกรณ์ที่ไม่สะอาด ทั้งยังเป็นอุปกรณ์ที่มีความเสี่ยงในการส่งต่อเชื้อผ่านเลือดสู่เลือดได้อีกด้วย ข่าวนี้มีที่มาจาก AIDS Research and Human Retroviruses ที่คุณหมอกล่าวถึงการติดเชื้อ HIV ในวิธีที่ไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อน

 

เธอไม่มีความเสี่ยงใด ๆ

จากข่าวมีการรายงานว่าได้รับการวินิจฉัยว่าเธอติดเชื้อ HIV ขั้นรุนแรง แต่! เธอไม่ได้มีความเสี่ยงใด ๆ ที่จะทำให้เธอดูจะติดเชื้อได้เลยแม้แต่น้อย เธอไม่ได้มีเซ็กซ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือใช้เข็มร่วมกับผู้อื่นแต่อย่างใด เมื่อหมอได้วิเคราะห์ไปเรื่อย ๆ เขาพบว่าเธอใช้อุปกรณ์ทำเล็บร่วมกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ ซึ่งมีผลเลือดบวก จากการวิจัยด้วยเลือด ผลลัพธ์ที่ได้คือเธอติดเชื้อนี้มานานกว่า 10 ปีแล้ว

ติดHIVเพราะการทำเล็บ

ผลเลือดของเธอแสดงผลว่าเลือดผู้ติดเชื้อทั้งสองคนมีบรรพบุรุษคนเดียวกัน ทำให้การวินิจฉัยแล้วได้ผลออกมาว่าเธอติด HIV จากการไปทำเล็บแล้วใช้อุปกรณ์ร่วมกับผู้อื่น

แต่อย่าตื่นตระหนกไป

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อ้างอิงจาก Dr Brian Foley นักวิจัยจากสถาบันวิจัยเก็บฐานข้อมูล HIV ที่ตั้งอยู่ในเมื่อง Los Alamos ประเทศอเมริกา กล่าวว่าเหตุการณ์นี้ไม่ควรทำให้คนทั่วไปตื่นตระหนก เพราะการที่คนที่ผลเลือดลบจะติดเชื้อจากผู้ที่มีผลเลือดบวกนั้นมีความเป็นไปได้ต่ำมาก

 

ติด HIV เพราะ การทำเล็บ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เขากล่าวว่า “HIV ไม่ใช่โรคที่สามารถติดกันผ่านอะไรได้ง่ายขนาดนั้น ผ่านกิจกรรมทั่วไป เช่น ใช้ช้อน-ส้อมร่วมกัน ดื่มน้ำจากแก้วเดียวกัน ไม่สามารถทำให้คุณติดเชื้อได้ การติดเชื้อ HIV ในกรณีนี้เกิดจากการใช้อุปกรณ์ทำเล็บร่วมกัน ซึ่งมีความเป็นไปได้ต่ำมากที่จะติดเชื้อ และไม่ควรทำให้คนกลัว หรือไม่กล้าที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อคนอื่น

อย่างไรก็ตามข่าวนี้น่าจะทำให้คนตระหนักถึงการใช้อุปกรณ์ที่เปื้อนเลือดร่วมกันมากกว่า ผู้คนจะได้ทราบว่าการใช้สิ่งของที่ต้องผ่านเลือด เช่น เข็มที่ใช้ในการเสพยาเสพติด หรือ การสักนั้น อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อ HIV หรือ HVC (ไวรัสตับอักเสบ) ได้

 

ใครบ้างคือผู้มีความเสี่ยง…

ทั้งนี้ เชื้อ HIV สามารถติดต่อกันได้ 3 ช่องทาง ดังนี้

1. ทางเพศสัมพันธ์ แม้จะเป็นการมีเพศสัมพันธ์เพียงครั้งเดียวในชีวิต หรือมีเพศสัมพันธ์กับสามีและภรรยาของตนเองก็ตาม หากไม่มีการป้องกันในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ ก็ถือว่าเป็นผู้มีความเสี่ยง เนื่องจากจะไม่มีทางรู้ได้ว่าสามีหรือภรรยาของเรานั้น เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครมาก่อน เพราะฉะนั้นหากใครคิดว่าตนเองมีพฤติกรรมที่เสี่ยงไม่มากนัก ก็ควรตรวจเลือดสักครั้งในชีวิต แต่หากรู้ตัวว่าพฤติกรรมเสี่ยงสูง ก็ควรตรวจปีละ 1 ครั้ง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ติด HIV เพราะการ ทำเล็บ

2. ทางเลือด จะเป็นการติดต่อกันจากการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เช่น เข็มฉีดยาเสพติด เข็มฉีดโบท็อกซ์  เข็มฉีดฟีลเลอร์ หรือแม้แต่ใช้เข็มฉีดร่วมกันเอง เป็นต้น

3. จากแม่สู่ลูก ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยกำลังเข้าสู่ยุคที่จะไม่มีเด็กที่ติดเชื้อจากแม่อีกต่อไป แต่อาจเหลือเพียงส่วนน้อยหรือแทบจะเป็น 0% แล้ว ซึ่งที่กำลังเป็นปัญหาและเกิดขึ้นอยู่คือ เด็กที่คลอดจากแม่ต่างด้าว

พญ.นิตยา กล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ยินยอมที่จะตรวจเลือด คือ หลายคนมักคิดว่าตัวเองไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง เพราะไม่ได้สำส่อน ฉะนั้น จึงต้องให้ความรู้กันใหม่ว่า หากคุณคือผู้ที่มีความเสี่ยงเพียงครั้งเดียวในชีวิต ก็ควรตรวจเลือดหาเชื้อ HIV เพราะหากตรวจพบว่าเลือดเป็นบวก จะได้รีบเข้าสู่กระบวนการรักษาได้ทัน หากเลือดเป็นลบ ก็จะได้ทราบถึงวิธีป้องกันต่อไป เพราะฉะนั้น ณ ปัจจุบัน ไม่ว่าผลตรวจเลือดจะเป็นบวกหรือลบ ล้วนเป็นสิ่งที่ดีทั้งสิ้น ขอแค่อย่ากลัวที่จะเดินเข้ามาตรวจเลือด

ติด HIV เพราะ การ ทำเล็บ

 

Source :theasianparent

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

เอดส์ กับ HIV แตกต่างกันอย่างไร

ถ้าแม่ป่วย ลูกในท้องจะเป็นรึเปล่า? ทำยังไงดี ความกังวลของคนเป็นแม่

อาการไข้หวัดใหญ่ 2019 Influenza วิธีป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สาเหตุของโรคไข้หวัดใหญ่

บทความโดย

Jitawat Jansuwan