คุณแม่ท้องทั้งหลายคะ หลาย ๆ ท่านอาจจะมีอาการที่เกิดขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์แตกต่างกัน แล้วเคยคิดไหมคะว่า อาการที่เกิดขึ้นนี้ เกิดขึ้นเฉพาะกับเราคนเดียว หรือว่าเป็นอาการปกติของคนท้องที่เกิดขึ้นได้กับแม่ท้องทุกคน วันนี้เรามีตัวอย่างอาการมาฝากกันค่ะ
1. มีตกขาว ไม่ต้องตกใจนะคะ หากในระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้น คุณแม่จะพบว่าตัวเองมีตกขาวไหลออกมา การมีตกขาวในระหว่างที่ตั้งครรภ์นั้น ถือเป็นเรื่องปกติค่ะ โดยสี ปริมาณ กลิ่นที่ออกมาจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนของคุณแม่แต่ละคน แต่เมื่อใดก็ตามที่ตกขาวเริ่มมีกลิ่น มีสีเข้ม หรือมีเลือดปนออกมา เมื่อนั้นคุณแม่อย่าได้นิ่งนอนใจนะคะ รีบไปปรึกษาแพทย์ทันที
2. ปัสสาวะเล็ด คุณแม่ท้องส่วนใหญ่มักจะต้องมีอาการนี้ ไม่ว่าจะไอ จาม หรือหัวเราะ … ชอบมีปัสสาวะเล็ดออกมา ซึ่งอาการนี้เป็นอาการที่เกิดขึ้นเพราะท่อปัสสาวะมีการขยายตัว แรงดันในกระเพาะปัสสาวะมีเพิ่มขึ้น จนแรงดันในกระเพาะปัสสาวะมีมากกว่าแรงรัดของหูรูดกระเพาะจากการที่มดลูก เคลื่อนลงมาทับกระเพาะปัสสาวะทำให้กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ดังนั้นวิธีการแก้ก็คือ หากคุณแม่รู้สึกว่าปวดปัสสาวะ อย่าอั้นค่ะ ให้รีบเข้าห้องน้ำทันที และเพื่อป้องกันการอับชื้น คุณแม่ควรใส่แผ่นซับอนามัยด้วยนะคะ
3. ผายลมและเรอบ่อยมากกก น้ำลายเปรี้ยว ไม่ต้องกังวลไปนะคะคุณแม่ เพราะอาการนี้บอกได้เลยน้อยคนมากที่จะไม่เป็น ทำไมน่ะเหรอคะ เพราะอาการดังกล่าวเกิดจาก การรับประทานอาหาร ความเครียด ลำไส้มีแบคทีเรียมากเกินไป รวมถึงขนาดของมดลูกที่ใหญ่ขึ้นนั้น ไปเบียดกับกระเพาะอาหาร ทำให้พื้นที่ในการเก็บอาหารนั้นน้อยลง กระเพาะอาหารก็ทำงานได้ไม่เต็มที่ ย่อยอาหารไม่สะดวก จึงส่งผลให้มีลมในกระเพาะอาหารขึ้นได้ วิธีการแก้ไขก็คือ รับประทานอาหารมื้อเล็ก ๆ แต่บ่อย ๆ เลือกที่จะรับประทานแต่อาหารที่ย่อยได้ง่าย และหลีกเลี่ยงของมันของทอด รวมถึงน้ำอัดลม
4. รู้สึกเหมือนจะเป็นหวัดง่ายขึ้น ทราบไหมคะว่า คุณแม่ท้องนั้นมักมีอาการเป็นหวัดง่ายกว่าคนปกติทั่วไป สาเหตุเป็นเพราะ ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายนั้นต่ำลง ทำให้ชอบไอ และจาม รวมถึงมีจมูกที่แห้ง จนในบางครั้งก็อาจเกิดเลือดกำเดาไหลได้ หากคุณแม่เลือดกำเดาไหลในขณะตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ไม่ควรหงายศรีษะไปด้านหลัง แต่ควรนั่งทำศรีษะให้ตรง และหาน้ำแข็งมาประคบบริเวณจมูกประมาณ 5 – 10 นาที หากเลือดยังไม่หยุดไหล แนะนำว่าควรพบแพทย์ทันทีค่ะ
5. นอนกรนดังมาก ทั้ง ๆ ที่ตอนยังไม่ท้องไม่ใช่คนนอนกรนเลย แต่พอท้องเท่านั้นแหละ สาเหตุที่เป็นเช่นนี้นั่นเป็นเพราะน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณช่องคอส่วนบนขยายออกมาปิดช่องทางเดินหายใจ ทำให้ช่องทางเดินหายใจแคบลง รวมถึงฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณช่องปากส่วนบนและหลอดลมบวม อาการภูมิแพ้ รวมถึงท่านอนด้วยเป็นต้น วิธีการแก้ไขก็คือ หนุนหมอนให้สูงขึ้น เลือกนอนตะแคงซ้าย เพราะการนอนตะแคงซ้ายนั้น นอกจากจะช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงทารกในครรภ์ให้ดีขึ้น ยังช่วยให้การนอนกรนนั้นลดลงด้วย
6. เหงื่อชอบออก เป็นเรื่องปกตินะคะ ที่คุณแม่ท้องจะขี้ร้อน และรู้สึกว่าตัวเองมีเหงื่ออกมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน ทั้ง ๆ ที่อากาศเย็นเหงื่อก็ยังออก สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่า ร่างกายของคุณแม่ท้องนั้น มีการเพิ่มปริมาณเลือด เพื่อมารองรับการเจริญเติบโตของทารก ทำให้หลอดเลือดขยายตัว เป็นเหตุให้ร่างกายเกิดความร้อนได้มากกว่าคนปกติทั่วไป วิธีการแก้ไขก็คือ สวมใสเสื้อผ้าสบาย ดื่มน้ำเยอะ ๆ ทานผักและผลไม้ เป็นต้น
7. น้ำลายสอตลอดเวลา ไม่ต้องกังวลไปนะคะ หากรู้สึกว่า น้ำลายเยอะตลอดเวลา บ้วนใส่แก้วใส่ถุงทิ้งก็แล้ว ก็ยังจะคอยสออยู๋ได้เรื่อย ๆ … ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่า ทำไมเวลาท้องถึงชอบมีน้ำลายออกเยอะ แต่เชื่อว่าที่เกิดขึ้นนั้น เป็นเพราะฮอร์โมนในขณะตั้งครรภ์มากกว่า วิธีการลดอาการดังกล่าว นอกจากจะคอยบ้วนน้ำลายใส่แก้วหรือใส่ถุงแล้ว คุณแม่ท้องก็ควรดื่มน้ำหรือดื่มน้ำมะนาวนะคะ เพราะอาจช่วยให้อาการดังกล่าวนั้นดีขึ้น
8. อะไร ๆ ก็ดำไปหมด ไม่ว่าจะเป็น รักแร้ ต้นคอ ขาหนีบ และหัวนม สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเป็นเพราะฮอร์โมนในระหว่างการตั้งครรภ์เกิดการเปลี่ยนแปลงนั่นเอง ร่างกายมีการสร้างฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน รวมไปถึงฮอร์โมนที่รกเป็นตัวสร้างขึ้น นั้นคือ hCG ทำให้ร่างกายของคุณแม่ท้องเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณแม่ไม่ต้องกังวลมากไปนะคะ เพราะอาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง ภายหลังจากการคลอดบุตรค่ะ
9. หัวนมและลานนมมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะ การเปลี่ยนแปลงของเต้านมอันเกิดจากฮอร์โมนนั่นเองค่ะ ว่ากันว่าที่ขยายใหญ่ขึ้นเป็นเพราะต้องการให้ทารกสามารถสัมผัสกลิ่นเพื่อหานมแม่ได้เจอนั่นเอง ซึ่งอาการนี้จะหายไปเอง ภายหลังจากที่คุณแม่เลิกให้นมลูกค่ะ
10. เส้นเลือดขอด เคยสงสัยไหมคะว่า ทำไมตอนท้องแล้วมักจะมองเห็นเส้นเลือดฝอยชัดขึ้น จนขาจะเริ่มกลายเป็นแผนที่ นั่นเป็นเพราะ ทารกมีขนาดตัวใหญ่ขึ้น จึงไปกดทับเส้นเลือดบริเวณหน้าท้อง หลังและต้นขา ทำให้การไหลเวียนเลือดนั้นผิดปกติ เลือดไหลกลับสู่หัวใจได้ยากขึ้น ทำให้ไปเหลือค้างอยู่ที่ขา รวมถึงขานั้นเป็นอวัยวะที่อยู่ด้านล่างที่สุด ทำให้เลือดไหลลงไปค้างได้มากกว่าที่อื่น วิธีการแก้ไขก็คือ ยกขาให้สูง หลักเลี่ยงการนั่งไขว่ห้าง และยืนนาน ๆ ในขณะที่นั่งเก้าอี้นั้น และเวลานอน ให้ใช้หมอนรองขา เพื่อยกให้ขาอยู่สูงขึ้น
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!