อยากมีบ้านสักหลังให้ลูก พ่อแม่ต้องเลือกด้วย 3 ปัจจัยนี้
นอกจากการเลือกบ้านที่ดี สวยงาม ตอบโจทย์การอยู่อาศัยแล้วและตอบโจทย์กระเป๋าสตางค์แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามลืมเลยเมื่อคิดจะซื้อบ้านก็คือการเลือกทำเลให้เหมาะกับการใช้ชีวิตของตัวเองและครอบครัว หากพ่อแม่ อยากมีบ้านสักหลังให้ลูก การเลือกทำเลที่ดีสำหรับที่อยู่อาศัยนั้นจะต้องดูจากอะไรบ้าง มาดูกันเลย
1. เลือกทำเลที่สภาพการจราจรคล่องตัว และสามารถเลือกเดินทางได้หลายรูปแบบ
เรื่องการสัญจร เส้นทางคมนาคม และทางเลือกในการเดินทางถือเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการอยู่อาศัย หลายคนถึงกับไปขับรถอยู่บนทำเลที่อยู่อาศัยที่เลือกไว้ตลอดเช้าตลอดเย็นเพื่อเช็กสภาพการจราจร บางรายถึงกับห้องเพื่อทดลองอยู่บนทำเลนั้นๆ เลยก็ว่าได้ หากถามว่าทำไมต้องตรวจเช็กสภาพการจราจรกันจริงจังขนาดนี้ คงต้องตอบว่าทุกๆ วันเราจำเป็นต้องเดินทางไปกลับบ้านกับสถานที่ทำงาน
ดังนั้นการตรวจสอบสภาพจราจร และหาทางเลือกของเส้นทางคมนาคมที่ช่วยร่นระยะเวลา อาทิ รถไฟฟ้า ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะอื่นๆ ได้ ย่อมได้เปรียบในการใช้ชีวิตมากกว่าที่จะเลือกที่อยู่อาศัยบนทำเลที่รถติดหนักๆ โดยจะขอยกตัวอย่างโครงการบริเวณรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีปลายทางคลองบางไผ่ที่มีอาคารจอดแล้วจรสามารถเลือกเดินทางได้หลายรูปแบบ เป็นต้น
2. เลือกทำเลที่อยู่ไม่ไกลสิ่งอำนวยความสะดวกที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
หลายคนที่เลือกทำเลที่อยู่อาศัยแนวบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ส่วนใหญ่จะมีรถยนต์ส่วนตัวเป็นหลัก และมักจะมองหาทำเลที่มีการเดินทางสะดวกโดยสามารถให้รถยนต์พาตัวเองไปสู่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ แต่ทั้งนี้ความใกล้ไกลของการเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญต่างๆ ก็ต้องมีลิมิต ไม่ใช่ว่าเลือกโครงการที่ห่างไกลความเจริญที่ 20, 30 กม. โดยถึงแม้โครงการบ้านจัดสรรที่อยู่ไกลจากตัวเมืองมากๆ จะมีราคาไม่แพงมากก็จริง แต่ก็อย่าลืมว่ารถยนต์ก็ยังต้องใช้น้ำมัน เติมน้ำมันก็ต้องใช้เงิน
ดังนั้นต้องคำนวณความคุ้มค่าในการเดินทางให้ดี รวมไปถึงเลือกดูด้วยว่าทำเลนั้นเหมาะสมกับการใช้ชีวิตหรือไม่ อาทิ จำเป็นต้องมีโรงเรียนเพื่อรองรับการศึกษาของลูก ความปลอดภัยในชีวิต อาทิ สถานีตำรวจ โรงพยาบาล ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้า ซึ่งเอาจริงๆ แล้วสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ควรอยู่ห่างจากที่อยู่อาศัยเกิน 10 กม. หรือ ใช้เวลาในการเชื่อมต่อไปถึงไม่เกิน 10-15 นาที เพราะเมื่อเกิดความจำเป็นหรือมีเหตุฉุกเฉิน ยิ่งอยู่ไกลออกไปเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียโอกาสมากขึ้นไปเท่านั้น
3. เลือกทำเลที่ไร้ความเสี่ยงต่ออุบัติภัย และมลภาวะทางสิ่งแวดล้อมรอบโครงการ
ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้คนซื้อบ้านผิดหวังมานักต่อนักด้วยการคาดไม่ถึง ต้องยอมรับว่าคนซื้อบ้านส่วนใหญ่ละเลยการเลือกทำเลที่อยู่อาศัยจุดนี้ไปพอสมควร เพราะด้วยปัจจัยหลักสองปัจจัยข้างต้นจะเป็นตัวกำหนดและตัดสินใจการเลือกซื้อบ้านมากกว่าปัจจัยนี้ เนื่องจากปัจจัยสุดท้ายในเรื่องของอุบัติภัยไม่ว่าจะเป็น น้ำท่วม พายุเข้า ถือเป็นเรื่องที่ควบคุมยาก แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่หากเกิดขึ้นกับบ้านใดเพียงครั้งเดียว รับรองว่าคุณจะไม่อยากข้ามขั้นตอนการเลือกทำเลข้อนี้ไปแน่นอน
ยกตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆ ได้จากปี 54 ที่ผ่านมาจะเห็นว่าพื้นที่ฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ น้ำท่วมแทบทุกพื้นที่ เนื่องจากพื้นที่ฝั่งนั้นติดอยู่กับพื้นที่เขียวทแยงตามผังเมือง โดยที่ดินที่เป็นสีเขียวทแยงมุมนี้ทางราชการกำหนดให้เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่ราบต่ำ และรองรับน้ำ พื้นที่ข้างเคียงต่างๆ จึงโดนผลกระทบไปด้วย ไม่เพียงแค่อุทกภัยเท่านั้นเรื่องของมลภาวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงงาน วัด สุเหร่า ที่อยู่บริเวณรอบๆ โครงการในรัศมีไม่กี่ร้อยเมตรก็มีผลกระทบในการอยู่อาศัยชนิดที่เลือกผิดก็นอนไม่หลับไปหลายคืนเลยทีเดียว
3 ปัจจัยที่กล่าวมาถือเป็นปัจจัยเบื้องต้นที่สามารถช่วยให้คนที่กำลังมองหาบ้านใหม่สามารถเลือกซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น โดยทั้งนี้หากสามารถเลือกทำเลที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และสามารถตอบโจทย์การเดินทางการใช้ชีวิตได้
บทความข้างต้นเผยแพร่ครั้งแรกที่ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์ ที่รวบรวม ข่าวอสังหาฯ คู่มือซื้อขาย และรีวิวโครงการใหม่ ไว้กว่า 10,000 บทความ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
ลูกไม่ชอบทำการบ้านใช่ไหม! พ่อแม่ต้องจัดการด้วยวิธีนี้
วิจัยชี้! เด็กที่ชอบโกหก มักจะเป็นเด็กฉลาด
มีข้อสงสัยเรื่องการตั้งครรภ์ หรือมีคำถามเรื่องการเลี้ยงลูกหรือเปล่าคะ? ติดตามอ่านบทความ หรือสอบถามสิ่งที่คุณอยากรู้ผ่านแอปของเราได้เลย
ดาวน์โหลด theAsianparent แอปพลิเคชัน ทั้ง IOS และ Android ได้แล้ววันนี้!