พากราบพระที่ วัดเชิงท่า วัดสำคัญทางประวัติศาสตร์ของอยุธยา

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

theAsianparent Thailand พาไหว้พระ 9 วัด วัดสุดท้าย วัดเชิงท่า หลังจากที่เราได้พาไปไหว้พระมาแล้วทั้งหมด 8 วัด โดยวัดที่ 8 ที่เราได้พาไปคือ วัดพุทไธศวรรย์ วันนี้เราไปต่อกันที่วัดสุดท้ายที่วัดที่ 9 วัดเชิงท่า

 

วัดนี้เป็นที่รู้จักกันในหลายชื่อ คือ วัดเชิงท่า, วัดตีนท่า, วัดติณ, วัดคลัง หรือ วัดโกษาวาสน์ ตั้งอยู่ที่ ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นวัดเก่า สร้างขึ้นในรัชสมัย สมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ หรือ พระเจ้าอู่ทอง แต่ไม่ปรากฏหลักฐานว่าใครเป็นผู้สร้าง 

วัดเชิงท่าตั้งอยู่ทางทิศเหนือของเกาะเมือง ริมฝั่งซ้ายของแม่น้ำลพบุรี ใกล้กับคูไม้ร้อง ซึ่งเป็นอู่เก็บเรือพระที่นั่ง ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ฝั่งตรงข้ามวัดคือ ป้อมท้ายสนม และปากคลองท่อ ซึ่งเป็นท่าเรือของฝั่งเกาะเมืองนั่นเอง

วัดเชิงท่า อยุธยา1

ตำนาน คำบอกเล่า เรื่องราว และประวัติความเป็นมา

เรื่องเล่านี้ถูกเล่าสืบต่อกันมา โดยมีหลวงจักรปาณี ได้นำมาประพันธ์ไว้ใน นิราศทวารวดี เรื่องราวกล่าวไว้ว่า เศรษฐีผู้หนึ่ง มีบุตรสาวสวยอยู่ ๑ คน ด้วยความมั่งคั่งของฐานะ จึงได้สร้างเรือนไม้อันวิจิตรไว้ให้บุตรสาวตอนออกเรือน คือ ยกให้เป็นเรือนหอนั่นเอง แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่ง บุตรสาวคนสวยของเศรษฐี ได้ลักลอบหนีออกจากบ้านไปกับผู้ชาย ครั้นบุตรสาวหนีออกจากบ้านไปแล้ว เศรษฐี ก็ตกอยู่ในอาการเศร้าโศก ตั้งหน้ารอคอย โดยหวังว่าสักวันหนึ่ง บุตรสาวของตนจะต้องกลับบ้าน รอแล้วรอเล่ารออยู่หลายปี บุตรสาวก็ไม่กลับมาสักที เศรษฐีจึงยกเรือนหอที่สร้างไว้เก้อ ถวายให้กับวัด ซึ่งเป็นวัดประจำตระกูล ต่อมาจึงได้ชื่อว่า วัดคอยท่า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

คำบอกเล่าเหตุที่มาของชื่อ วัดตีนท่า สืบเนื่องมาจากวัดสร้างอยู่ใกล้ ท่าเรือปากคลองท่อตรงกับ วัดพุทไธศวรรย์ ตามแนวคลองท่อทางด้านใต้ของเกาะ หรืออาจจะมาจากที่ตั้งของวัดซึ่งอยู่นอกเมือง และใกล้กับท่าเรือ ผู้คนสามารถสัญจรข้ามไปมาได้ ชาวบ้านจึงพากันเรียก วัดตีนท่า

 

ส่วนเหตุที่มาของชื่อ วัดติณ น่าจะมาจากคำว่า ติณ ซึ่งแปลว่า หญ้า เพราะตั้งแต่รัชสมัย สมเด็จพระเพทราชา ถึงรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ บริเวณที่ตั้งวัด คงจะเป็นที่รวบรวมหญ้า เพื่อนำข้ามฝั่งไปให้ ช้าง ม้า ใน พระบรมราชวัง จึงเป็นที่มาของชื่อ วัดติณ 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

วัดเชิงท่า อยุธยา2

ในรัชสมัย สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ระหว่างปีพุทธศักราช 2199 – 2231 กล่าวว่าครั้งเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) เป็นราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส ครั้นกลับจากฝรั่งเศสแล้ว ได้ทำการบูรณะปฏิสังขรณ์ วัดคอยท่าใหม่ทั้งอาราม เมื่อบูรณะเสร็จได้เปลี่ยนชื่อเป็น วัดโกษาวาสน์

 

วัดเชิงท่า มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กับพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของไทยพระองค์หนึ่ง คือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช กล่าวคือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช ทรงมีความเกี่ยวเนื่องกับวัดแห่งนี้ถึง 2 ครั้ง และเป็นช่วงสำคัญของชีวิตทั้ง 2 ครั้ง ของพระองค์เลยทีเดียว

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

ครั้งแรกในปีพุทธศักราช 2284 เด็กชายสิน (สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี มหาราช) อายุได้ 7 ปี เจ้าพระยาจักรี ซึ่งเป็นพ่อบุญธรรม ได้นำ เด็กชายสิน เข้าสำนักการศึกษากับ มหาเถรทองดี ณ วัดโกษาวาสน์

เนื่องจาก เด็กชายสิน เป็นเด็กเฉลียวฉลาด มีความคล่องแคล่ว เรียนรู้การงาน และการเรียนได้รวดเร็วกว่าเด็กทั่วไป จึงช่วยเหลืองานต่าง ๆ ของวัดได้เป็นอย่างดี และเป็นคนทำอะไรทำจริง มิหนำซ้ำ ยังมีใจนักเลงกล้าได้กล้าเสีย เด็กชายสิน จึงขึ้นขั้นเป็นหัวโจกลูกศิษย์วัดด้วยกันเลยทีเดียว 

วัดเชิงท่า อยุธยา3

วันหนึ่ง เด็กชายสิน ได้ชักชวนศิษย์วัด เปิดบ่อนพนันเป็นเจ้ามือเล่นกำถั่วขึ้นในวัด มีพระรูปหนึ่งเดินมาเห็นเข้า จึงได้นำเรื่องไปฟ้อง พระอาจารย์ทองดี พระอาจารย์ทองดี ไต่สวน สืบความ ได้ความกระจ่างว่า เด็กชายสิน เป็นหัวโจก ชักชวนเพื่อนเล่นการพนันจริง ฝ่าฝืนกฎระเบียบของวัด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่เด็กคนอื่น ๆ พระอาจารย์ทองดี จึงได้ทำการลงโทษ เด็กชายสิน สถานหนัก โดยนำตัวไปมัดมือคร่อมอยู่กับบันไดท่าน้ำ ตั้งแต่ตอนบ่ายจนตกค่ำ ส่วนพระอาจารย์ทองดี เมื่อจัดการลงโทษแล้ว ได้เข้าวัดปฏิบัติศาสนกิจตามปกติ เวลาพลบค่ำ น้ำขึ้นท่วมบันได และได้ท่วมร่างเด็กชายสิน

 

แต่ด้วยปาฏิหาริย์ เสาบันไดนั้นถอนหลุดลอยน้ำ นำร่างเด็กชายสิน ไปพร้อมกับบันได เวลาล่วงเลยนานเข้า พระอาจารย์ทองดีเกิดนึกขึ้นมาได้ จึงชวนพระลูกวัดไปดูที่ท่าน้ำ ปรากฏว่าไม่พบ เด็กชายสิน พระอาจารย์ทองดี ตกใจมาก เกรงว่าจะถูก เจ้าพระยาจักรี (โรงฆ้อง) ตำหนิ จึงพากันรีบค้นหา ในที่สุดก็พบ เด็กชายสิน ลอยผูกติดกับบันได อยู่ฝั่งตรงข้ามท่าน้ำ พระอาจารย์ทองดี รีบนำตัวเด็กชายสินให้พ้นจากน้ำทันที และพาเข้าไปในพระอุโบสถ ให้เด็กชายสิน นั่งลงต่อหน้าพระพักตร์พระประธาน อยู่ท่ามกลางคณะสงฆ์ จากนั้นพระสงฆ์ร่วมสวดพระพุทธมนต์ ชยันโต เป็นการรับขวัญที่ เด็กชายสิน รอดตายราวปาฏิหาริย์ ขณะอยู่ในสำนักของ พระอาจารย์ทองดี เด็กชายสิน ได้เรียนหนังสือขอมไทย เรียนคัมภีร์พระไตรปิฎก จนจบครบขบวนความ

วัดเชิงท่า อยุธยา4

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ครั้งที่ 2 ในปีพุทธศักราช 2298 มหาดเล็ก (สิน) (เข้าถวายตัวเป็น มหาดเล็ก อยู่ในพระบรมราชวังรับใช้ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ เมื่อปีพุทธศักราช 2290) อายุครบ 21 ปี ได้กราบถวายบังคมลาอุปสมบทต่อ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษฐ์ พระองค์ได้ทรงอนุญาตให้ นายสิน ได้บวชเป็น พระภิกษุสิน และจำพรรษาอยู่ที่ วัดโกษาวาสน์ วัดเดิมที่เคยเป็นศิษย์วัดอยู่กับพระอาจารย์ทองดี

 

ขณะพระภิกษุสินจำพรรษาที่ 3 นายทองด้วง ซึ่งมีอายุอ่อนกว่าพระภิกษุสิน 2 ปี ได้อุปสมบท และเนื่องจากวัดอยู่ใกล้กัน พระภิกษุทั้ง 2 รูป จึงมักได้พบกันบ่อยครั้ง เช้าวันหนึ่งขณะพระภิกษุสิน จาริกรับบาตร ผ่านบ้านเรือนไทย – จีน ซึ่งตั้งอยู่ในละแวกนั้น 

 

ครั้นเดินมาถึงมุมโบสถ์พราหมณ์ ถนนชีกุญ ได้พบกับ พระภิกษุทองด้วง ขณะภิกษุสหายทั้ง 2 รอรับบาตรข้าว ได้มีซินแสชาวจีนผู้หนึ่ง เดินผ่านมาพบพระภิกษุทั้ง 2 ซินแสผู้นั้นพินิจดูทั้งพระภิกษุสิน และ พระภิกษุทองด้วง พิจารณาได้สักครู่ จึงกล่าวว่า ไม่น่าเชื่อเลยที่ได้เห็น กษัตริย์ไทยสององค์ มาเดินบิณฑบาตด้วยกันอย่างนี้ และได้ทำนายต่อไป ว่าในภายภาคหน้า พระคุณเจ้าทั้งสองจะต้องได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์อย่างแน่นอน ขอให้คำทำนายนี้จงเป็นมงคลสืบไปเถิดพระคุณเจ้า 

 

ซินแสถวายคำทำนายแล้วได้อำลาจากไป ปล่อยให้พระภิกษุสิน และ พระภิกษุทองด้วง มองตากันด้วยความรู้สึกขบขัน แล้วเดินบิณฑบาตต่อไป โดยไม่ได้ไต่ถามอะไรเพิ่มเติม

 

ปัจจุบันวัดเชิงท่า อยู่ในตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา และยังเป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์จำพรรษาตลอดมา สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร ได้กำหนดให้วัดเชิงท่า เป็นแหล่งโบราณสถานของชาติ นอกเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา 

วัดเชิงท่า อยุธยา5

ทั้งนี้เนื่องจากภายในบริเวณวัดมีงานศิลปกรรมไทยสมัยอยุธยาตอนปลาย ในรูปแบบสถาปัตยกรรม ประติมากรรม และจิตรกรรมหลายอย่าง สมควรที่จะใช้เป็นแบบอย่างในการศึกษาอารยธรรมโบราณ จึงได้กำหนดเป็นโบราณสถานที่สำคัญ ในปีพุทธศักราช 2540 กรมศิลปากร ได้ดำเนินโครงการขุดแต่งเพื่อออกแบบบูรณะวัดเชิงท่า เนื่องจากโบราณสถานมีสภาพทรุดโทรม อาคารหลายหลังถูกขุดเจาะทำลายเพื่อหาโบราณวัตถุรวมทั้งการเสื่อมสภาพตามกาลเวลา

 

ที่มา : go.ayutthaya.go.th

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ :

พาทัวร์กรุงเก่า อยุธยา ไหว้พระ 9 วัด กับวัดที่ 8 วัดพุทไธศวรรย์

พาไหว้พระ 9 วัด ณ ตำบลพระขาว อยุธยา วัดที่ 7 วัดพระขาว

ไหว้พระ 9 วัด ที่พระนครศรีอยุธยา กับวัดที่ 6 วัดท่าการ้อง

บทความโดย

@GIM