การเป็นไข้ชักนั้น อาจเป็นเรื่องธรรมดาในสายตาของคนบางกลุ่มคน แต่ที่แน่ ๆ คงไม่ใช่กับคนที่เป็นพ่อเป็นแม่แน่ ๆ เช่นเดียวกับคุณแม่ชาวมาเลเซียท่านนี้
เมอร์ลีน มีลูกชายอยู่สองคนคือ อีธาน วัย 8 ปีและ เอเดน วัย 2.5 ปี เรื่องราวนี้เกิดขึ้นหลังจากที่อีธานไม่สบายนานห้าวัน และกำลังที่จะหาย แต่เอเดนลูกชายคนเล็กก็เป็นต่อ ในขณะที่เด็ก ๆ ทั้งสองคนกำลังหลับ ฉันก็ไปเตรียมอาหารเย็น แล้วก็ไปจับตัวของเอเดน “โอ้พระเจ้า เอเดนตัวร้อนมาก” ฉันรีบเอาปรอทวัดไข้มาวัดเขาโดยทันที ไข้เขาสูงถึง 39.6 องศา ฉันรีบเอาผ้าเช็ดตัวเขาทันที เพื่อให้ความร้อนในร่างกายของเขาได้ระบายออกมาให้ไวที่สุด
ตอนนั้นร่างกายของเอเดนสั่นน่ากลัวมาก ดวงตาของเอเดนดูหลุดลอย เห็นก็แต่ตาขาวเท่านั้น ตอนนั้นบอกไม่ถูกเลยว่าฉันรู้สึกอย่างไร ฉันทำอะไรไม่ถูก ร่างกายของเอเดนสั่นแรงกว่าเดิม ฉันภาวนาขอให้หยุดเดี๋ยวนี้ แต่เขากลับสั่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนฉันตะโกนเสียงดังออกไปว่า “เอเดนหยุดทำแบบนี้เดี๋ยวนี้นะ!!”
เสียงของฉันทำให้อีธานตื่น ตอนนี้ริมฝีปากของเอเดนเริ่มเปลี่ยนสีกลายเป็นสีฟ้าแล้ว อีธานร้องไห้ ฉันบอกไม่ได้เลยว่าตอนนั้นหัวใจของฉันมันจะขาด ฉันจะต้องทำอย่างไรดี ฉันทำได้แต่เพียงกอดเขาแน่น ๆ ให้เขาให้จากการชัก แต่แล้ว เขาก็หยุดชักจริง ๆ มือเขาไร้เรี่ยวแรง ฉันร้องไห้และตะโกนออกมาเหมือนคนบ้า “เอเดน กลับมาลูก กลับมาอยู่กับแม่นะลูก” ตอนนั้นฉันรู้ทันทีว่าฉันกำลังจะสูญเสียเขาไป แต่แล้วด้วยสัญชาตญาณของความเป็นแม่ ฉันรีบทำ CPR ให้ลูกโดยทันที แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังคงไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้น
ฉันตะโกนบอกให้อีธานรีบโทรหาสามีทันที ฉันได้ยินอีธานบอกกับพ่อของเขาว่า “เอเดนไม่หายใจแล้ว! เอเดนไม่หายใจแล้ว!!” สามีของฉันรีบกลับบ้านทันทีที่
และแล้วเอเดนก็หายใจ และลืมตา “ฉันถามว่าแม่เองลูก จำแม่ได้ไหม” ไม่มีเสียงตอบใด ๆ เอเดนหลับตาอีกครั้ง ณ ตอนนั้นสามีของฉันยังมาไม่ถึงบ้าน ฉันรอไม่ได้อีกแล้ว รีบคว้ากุญแจรถแล้วบอกให้อีธานกระโดดขึ้นรถ ฉันรีบอุ้มเอเดนขึ้นรถทันที แล้วให้อีธานคอยอุ้มน้องไว้
คลิกเพื่ออ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ที่หน้าถัดไปค่ะ
ขณะที่ฉันกำลังขับรถอยู่นั้น “แม่!!!” พระเจ้ามันคือเสียงของเอเดน ฉันบอกให้อีธานคอยคุยกับน้อง อย่าให้น้องเงียบโดยเด็ดขาด ถามคำถามอะไรก็ได้จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล หมอรีบนำตัวเขาเข้าห้องฉุกเฉินและแอทมิทโดยทันที พอสามีฉันมาถึง ฉันบอกให้เขาพาอีธานกลับบ้าน ฉันรู้ว่าเขาทั้งสองคนไม่มีใครอยากทิ้งเอเดนไป แต่พวกเขาสมควรที่จะพักบ้าง โดยเฉพาะอีธานที่เพิ่งจะหายจากการเป็นไข้
คืนนั้นฉันแทบข่มตาไม่ลงจริง ๆ ฉันเฝ้าดูแต่ที่วัดไข้ เพราะเอเดนยังไข้สูงอยู่ และฉันก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นอีก 38-39 องศา ฉันบอกให้พยาบาลมาให้ยาลดไข้อีก แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าเพิ่งให้ไป มันอันตรายเกินไปที่จะให้ซ้ำ พยาบาลบอกฉันว่า ใจเย็น ๆ ไข้มันจะค่อย ๆ ลดลง เด็ก ๆ ไข้สูงไว และจะลดช้า
เช้ามืดของวันต่อมา เอเดนชักอีกครั้ง ฉันทั้งกดออกร้องตะโกนเรียกให้พยาบาลให้เข้ามา พยาบาลเข้ามาวัดค่าออกซิเจน และรีบให้ออกซิเจนกับเอเดน ไม่นานเอเดนก็หยุดชัก แต่ร่างกายของเขานั้นไม่ตอบสนองอะไรเลย ฉันได้แต่ภาวนาขอให้เขาปลอดภัย อ้อนวอนขอพระเจ้าให้เขากลับมาอยู่กับเรา
เอเดนกลับมาอีกครั้ง เขาดูเหมือนเหนื่อยมาก พยาบาลจึงให้เขานอนดมออกซิเจนไปด้วย เวลานั้นฉันไม่สามารถละสายตาไปจากเขาได้จริง ๆ ตอนนั้นไข้เขาสูงมาก 39.2 องศา ฉันทำได้แต่ร้องเรียกเขา “เอเดนกลับมานะลูก กลับมาอยู่กับแม่ กลับมากอดแม่ กลับมาเล่นด้วยกันนะลูก แม่รักลูกมากนะ กลับมานะลูกนะ” ถึงแม้จะเป็นเพียงไม่กี่นาที แต่เวลานั้นสำหรับฉันมันเหมือนตลอดชีวิต มันนานเหลือเกินกว่าที่เขาจะตอบสนองต่อเสียงของฉัน
เขาลืมตาแล้ว ฉันรีบตะโกนเรียกพยาบาลอีกครั้งให้มาดู เอเดนถูกให้เฝ้าดูอาการตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยเพราะฤทธิ์ไข้และอาการชัก เอเดนถูกนำตัวไปสแกนสมอง เพื่อตรวจสอบว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่ แต่โชคดีที่เอเดนปกติ หมอเฝ้าดูอาการเอเดนถึงสามวัน จนวันที่สี่ หมอเริ่มให้ยาที่เบาลง และอนุญาตให้เอเดนกลับบ้านได้ในวันถัดมา
สิ่งฉันอยากฝากบอกถึงคุณแม่ทุกคนก็คือ “อย่าประเมินการเป็นไข้ตัวร้อนของเด็กต่ำเกินไป อะไรก็เกิดขึ้นได้ คุณควรที่จะเฝ้าระวังตลอดเวลา เพราะมันขึ้นเร็วและลงช้า นอกจากนี้คุณจะต้องเรียนรู้ถึงการปฐมพยาบาลเบื้องต้นด้วย เพราะคุณคงไม่อยากให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเอเดนต้องเกิดขึ้นกับลูกของคุณแน่ ๆ มันน่ากลัวจริง ๆ”
ที่มา: https://sg.theasianparent.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:
ลูกมีไข้สูงไม่ทราบสาเหตุ อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
อาการไข้จากการฉีดวัคซีน ป้องกันได้อย่างไร