ไขสันหลังอ่อนแอเฉียบพลัน เมื่อเด็กน้อย 2 คน ได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ามีอาการทาง ประสาทหายาก ที่เรียกว่า AFM หรือ Acute Flaccid Myelitis อาการไขสันหลังอ่อนแอเฉียบพลัน ซึ่งอาการนี้จะนำไป สู่การเป็นอัมพาตได้นั่นเองค่ะ
พอเด็กน้อย 2 คน ครอบครองการวินิจฉัยขนมจากหมอตวาดประกอบด้วยอาการมุขเส้นประสาทหาทราม ที่เรียกหาดุ AFM หรือ Acute Flaccid Myelitis ท่าทีไขสันหลังท้อแท้รุนแรง ซึ่งท่าทีนี้จักนำไปสู่งานเป็นอัมพาตได้มานั่นเองคะ โรคภัยไข้เจ็บหาทราม แต่ว่าสาหัส รูปการณ์นี้เกิดขึ้นครั้นมีลูกๆ ผลรวม 9 มนุษย์ ตั้งแต่อายุ 3-14 ปี เข้าไปรับการดำรงเนื้อตัวที่โรงพยาบาล ด้วยเหตุที่มีอาการอ่อนแรง เคลื่อนไหวแขนขาได้เปล่าดังเดิม ต่อจากนั้นลูก 5 มนุชสมรรถกลับบ้านได้ ลูก 1 มนุษย์สิ้นชีวิตหลังจากที่ริเริ่มประกอบด้วยท่า โดยนายแพทย์อีกต่างหากเปล่ายืนยันด้วยซ้ำดุเป็นโรคไขสันหลังทุพพลเฉียบพลัน และ 3 มนุชที่เหลือหลออีกทั้งต้องอยู่ที่โรงหมอเพื่อยอมรับการรักษาถัดไป เพราะว่าโรคภัยไข้เจ็บไขสันหลังท้อแท้เฉียบพลันไม่ใช่โรคติดต่อ นายแพทย์แล้วก็จำต้องเสาะหาสาเหตุตวาดไฉนโรคภัยไข้เจ็บที่ควานเลวแบบนี้ แล้วจึงก่อกำเนิดกับเด็กในเนื้อที่เดียวกันหลายมนุช ท่าทีของโรคภัยไข้เจ็บพอบังเกิดหลังจากนั้นจักมีผลกระทบต่อระบบประสาท เป็นพิเศษเส้นประสาทไขสันหลัง ขนมจากหลากหลายตัวการ รวมไปถึงงานติดโรคไวรัสต่างๆนาๆสายพันธุ์ ข้อความอุดมสมบูรณ์สิ่งของโรคภัยไข้เจ็บพอกพูนเยอะแยะ ในที่ปี 2016 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงดวงเดือนกันยายน มีกล่าวว่าประกอบด้วยมนุษย์จำนวน 89 มนุษย์ ใน 33 รัฐ แห่งถูกวินิฉัยดุเป็นโรคไขสันหลังทุพพลเฉียบพลันเพียง และในที่ปี 2015 ประกอบด้วยแค่เพียง 50 เคส ด้วยว่าก่อนหน้านี้นั้นในชันษา 2014 ประกอบด้วยคนดำรงฐานะหมดด้วยกัน 120 เคส ขนมจาก 50 เคส มาสู่ 89 เคสในปีนี้ ถือว่าดำรงฐานะสถิติที่ดอนเต็มที่ด้วยว่าความเจ็บไข้ควานสารเสพติดแบนี้นะคะ พิทักษ์กับแก้ไขยังไงดี เดี๋ยวนี้คณะทำงานวิจัยด้วยกันผู้เชี่ยวชาญความแข็งแรงหามูลเหตุและตัดสินการก่อกำเนิดสรรพสิ่งโรคภัยเพื่อพิทักษ์เปล่ามอบโรคภัยนี้ขยายจรใหญ่โต ด้วยเหตุที่ในชันษา 2014 ความเจ็บไข้เกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อ enterovirus D68 เกิดการกระจายเชื้อ จึ่งทำให้ประกอบด้วยหมู่คนเลิศสถานที่ตกเป็นโรคภัยไข้เจ็บไขสันหลังท้อแท้เฉียบพลัน เพราะสถานที่เชื้อไวรัสโรคโปลิโอก็ครอบครองอีกเชื้อโรคนึง ซึ่งทำเอาครอบครองไขสันหลังอ่อนแอเฉียบพลันได้พร้อมด้วยจ้ะ การป้องกันสถานที่บริสุทธ์เต็มที่รวมความว่างานเปล่านำพาเด็กไปอีกต่างหากที่ลองดูประกบงานติดเชื้อโรคภัยไข้เจ็บ ล้างมือบ่อยๆ ก็น่าจะเป็นขั้นตอนแห่งบริสุทธ์ที่สุดสถานที่พ่อมาตาสามารถทำกันได้ต่อจากนั้นละจ้ะ แต่ว่าสมมติว่าลูกมีท่าเสี่ยงเมื่อไหร่แล้วละก็ เร่งรีบจับตัวมาหาแพทย์เพื่อจะวินิจฉัยและทำรักษาแยกออกเร็วเต็มที่เลยนะคะ
โรคหายาก แต่รุนแรง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อมีเด็กๆ จำนวน 9 คน ตั้งแต่อายุ 3-14 ปี เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากมีอาการอ่อนแรง เคลื่อนไหวแขนขา ได้ไม่เหมือนเดิม หลังจากนั้นเด็ก 5 คนสามารถกลับบ้านได้ เด็ก 1 คนเสียชีวิตหลังจากที่เริ่มมีอาการ โดยแพทย์ยังไม่ยืนยันด้วยซ้ำว่าเป็น โรคไขสันหลังอ่อนแอเฉียบพลัน และ 3 คนที่เหลือยังต้องอยู่ใน โรงพยาบาลเพื่อรับการรักษา ต่อ ๆ ไป
เพราะโรค ไขสันหลังอ่อนแอ เฉียบพลันไม่ใช่โรคติดต่อ แพทย์จึงต้องค้นหาสาเหตุว่าทำไมโรคที่หายากแบบนี้ จึงเกิดกับเด็กในพื้นที่เดียว กันหลายคน อาการของโรคเมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะส่งผลต่อระบบประสาท โดยเฉพาะ เส้นประสาทไขสันหลัง จากหลากหลายสาเหตุ ๆ รวมไปถึงการติดเชื้อไวรัส หลากหลายสายพันธุ์ ๆ
ความชุกของโรคเพิ่มเยอะ
ในปี 2016 ตั้งแต่ ต้นปีจนถึง เดือนกันยายน มีรายงานว่ามีคนจำนวน 89 คน ใน 33 รัฐ ที่ถูกวินิฉัยว่าเป็น โรคไขสัน หลังอ่อนแอเฉียบพลันเพียง และ ในปี 2015 มีเพียงแค่ 50 เคส สำหรับก่อนหน้านั้นในปี 2014 มีคนเป็นทั้งสิ้น 120 เคส จาก 50 เคส มาสู่ 89 เคสในปีนี้ ถือว่าเป็นสถิติที่สูงมาก สำหรับโรคหายาแบนี้นะคะ
ป้องกันและแก้ไขยังไงดี
ไขสันหลังอ่อนแอเฉียบพลัน ขณะนี้ทีมงานวิจัย และ ผู้เชี่ยวชาญกำลังหาสาเหตุ และ วินิจฉัยการเกิดของโรคเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้โรคนี้ลุกลามไปใหญ่โต เนื่องจากในปี 2014 โรคเกิดจากไวรัสที่มีชื่อ enterovirus D68 เกิดการแพร่ระบาด จึงทำให้มีผู้คนมากมายที่กลายเป็น โรคไขสันหลังอ่อนแอเฉียบพลัน โดยที่ไวรัสโปลิโอก็ เป็นอีกไวรัสนึง ซึ่งทำให้เป็นไขสันหลัง อ่อนแอเฉียบพลันได้ เช่น กันค่ะ
การป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่พาลูกไปยังสถานที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรค ล้างมือบ่อยๆ ก็น่าจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่สามารถทำได้แล้วละค่ะ แต่หากลูกมีอาการเสี่ยงเมื่อไหร่แล้วละก็ รีบนำตัวมาหา คุณหมอ เพื่อวินิจฉัยและทำการรักษาให้เร็วที่สุดเลย นะคะ
ที่มา abcnews
ที่มาอ้างอิง https://kidstarclub.net
ลงทะเบียน รับการดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ กับ theAsianparent Thailand ตั้งแต่ช่วงไตรมาสแรก มาติดตามพัฒนาการ ของลูกอย่างใกล้ชิด ว่าลูกโตขึ้นแค่ไหนกันนะ ไตรมาสที่ 2 มาฟังเสียงลูกน้อย นับว่าหนึ่งวันลูกดิ้นไหมนะ และ ลูกดิ้นวันละกี่ครั้งด้วยแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand นี่เป็นแค่ตัวอย่างกิจกรรมบนแอพพลิเคชั่นในส่วนแรก เพราะ คุณแม่ จะได้รับการดูแล ทั้งอาหารการกินโดยการออกแบบจากผู้เชี่ยวชาญว่า ควรทานอะไรบ้างในแต่ช่วงอายุครรภ์ ยาที่เป็นอันตรายชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรทาน กิจกรรมใดบ้างที่ทำได้ หรือ ทำไม่ได้ เคล็ดลับการตั้งชื่อลูกอย่างไรให้เป็นมงคลทั้ง เด็กหญิง และ เด็กชาย รวมถึงเตรียมแผนการล่วงหน้าถึงอนาคต การเตรียมคลอด การดูแลตนเองหลังคลอด ที่ครอบคลุมทุกช่วงเวลาที่ คุณแม่ ต้องการ
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
องค์การอนามัยโลกเตือน ไวรัสซิกาอาจระบาดทั่วเอเชีย
ไวรัสRSV เชื้อร้ายในช่วงปลายฝนต้นหนาว