ในช่วงนี้ยังมีฝนตก ร่วมกับอากาศเริ่มหนาวเย็นในบางวัน เพราะเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนฤดู ปลายฝนต้นหนาว อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย จึงอยากฝากให้คุณพ่อคุณแม่ระมัดระวังการเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ที่มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ (โรคติดต่อ) และโรคไม่ติดเชื้อ ต่างๆ ที่มักเกิดขึ้นในช่วงรอยต่อของสองฤดูนี้ มาดูกันนะคะว่ามีโรคอะไรบ้าง และมีการป้องกันและดูแลอย่างไร
โรคของระบบทางเดินหายใจในเด็ก ที่จะมาในช่วงปลายฝนต้นหนาวมีอะไรบ้าง?
โรคของระบบทางเดินหายใจในเด็กที่จะมาในช่วงปลายฝนต้นหนาว มีทั้งกลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบติดเชื้อ ซึ่งปกติจะพบบ่อยได้เกือบตลอดปีแต่จะพบบ่อยเป็นพิเศษในช่วงหน้าหนาว ยาวต่อมาถึงหน้าฝน และโรคไม่ติดเชื้อ ที่มีอาการกำเริบเมื่อฝนตกและอากาศเย็น เช่น หอบหืด หรือ โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ค่ะ
การป้องกันโรคของระบบทางเดินหายใจในเด็กที่จะมาในช่วงฤดูนี้ ทำได้อย่างไร?
คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันโรคเหล่านี้ได้ โดยการหลีกเลี่ยงไม่พาลูกไปอยู่ในที่ชุมชนคนเยอะ อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เช่น ห้างสรรพสินค้า โรงภาพยนตร์ ไม่พาลูกไปคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ที่เจ็บป่วยอยู่ สอนให้ลูกรู้จักล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ สอนให้ลูกรู้จักรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอในช่วงที่อากาศหนาวเย็น
ทราบได้อย่างไรว่าลูกมีอาการของโรคของระบบทางเดินหายใจจากการติดเชื้อ?
กลุ่มโรคติดเชื้อ เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบติดเชื้อ ในเด็ก มักจะมีอาการเริ่มแรกคล้ายกันค่ะ โดยอาการของไข้หวัด จะเริ่มด้วย มีไข้ต่ำๆ ไอ จาม น้ำมูกไหล เจ็บคอ ปวดศีรษะ หากมีอาการไข้สูง หนาวสั่น ปวดหรือเวียนศีรษะมาก ปวดเมื่อยตามตัว คลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับมีน้ำมูกใสปริมาณมาก หรือไอบ่อยๆ ก็อาจเป็นอาการของไข้หวัดใหญ่ซึ่งมีอาการรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา แต่หากลูกมีอาการคล้ายไข้หวัดที่ยืดเยื้อเกิน 5-7 วัน โดยไอมาก มีเสมหะ อาจเป็นอาการของโรคหลอดลมอักเสบได้ และถ้ามีอาการหายใจเร็ว หอบเหนื่อย ตัวเขียวปากเขียว หรือหายใจมีซี่โครงบุ๋มต้องระวัง โรคปอดอักเสบติดเชื้อ หรือปอดบวม ซึ่งอาจมีอาการรุนแรงได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
สังเกตได้อย่างไรว่าลูกมีอาการของโรคภูมิแพ้ของระบบทางเดินหายใจกำเริบขึ้น?
หากลูกเป็นโรคภูมิแพ้อยู่ คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตอาการที่กำเริบได้ดังนี้ค่ะ
– โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หากพบว่าลูกมีอาการจาม คันจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นมากขึ้นกว่าปกติ หรือเป็นหวัดง่ายหรือบ่อยกว่าปกติ หรือเป็นหวัดแล้วมีอาการยืดเยื้อหายช้า หรือมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ไซนัสอักเสบได้ง่าย ก็อาจเป็นเพราะมีอาการจมูกอักเสบจากภูมิแพ้กำเริบขึ้นมา
– โรคหืด หากพบว่าลูกมีอาการหายใจหอบเหนื่อย มีเสียงหลอดลมตีบ อาจมีอาการของโรคหืดกำเริบขึ้นมาได้ในช่วงฤดูฝนจนถึงฤดูหนาว เพราะอากาศที่เย็นจะเป็นตัวกระตุ้นให้หอบเหนื่อยจากหลอดลมตีบได้ง่ายกว่าปกติ
ควรทำอย่างไรหากสงสัยว่าลูกมีอาการเจ็บป่วยจากโรคของระบบทางเดินหายใจ?
หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตว่าลูกเริ่มมีอาการไข้หวัด ก็ควรให้นอนพักและดื่มน้ำมากๆ เช็ดตัวลดไข้ ให้ทานยาลดไข้ อาการอาจหายได้เอง ภายใน 5-7 วันแต่หากมีอาการหอบเหนื่อย แน่นหน้าอก นอนไม่ได้ หายใจไม่ออก ไอมากขึ้น เสมหะเยอะ หรือเสมหะสีเหลืองเขียว ควรรีบพาลูกไปพบคุณหมอโดยเร็วนะคะ เพราะอาจเป็นอาการของโรคปอดอักเสบติดเชื้อที่อาการรุนแรง ซึ่งต้องนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
หากลูกมีอาการของโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจกำเริบในช่วงฤดูนี้ คุณพ่อคุณแม่ควรใช้ยาเพื่อควบคุมอาการที่คุณหมอเคยให้ไว้อย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้อย่างเคร่งครัด โดยไม่ควรหยุดการใช้ยาเองอย่างเด็ดขาด แต่หากอาการกำเริบมากขึ้น เช่น อาการหอบเหนื่อยกำเริบบ่อยๆ มีน้ำมูกมากหรือยืดเยื้อ ก็ควรไปพบคุณหมอเช่นกันนะคะ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
สงสัยว่าลูกเป็นโรคภูมิแพ้ หมอจะมีวิธีทดสอบอย่างไรบ้าง
อันตรายไหม ถ้าใช้สเตียรอยด์ทาผื่นภูมิแพ้ให้ลูก ?