เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกาย จากที่เคยสุขภาพดี ก็อาจมีภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เกิดขึ้นได้ เพราะการตั้งครรภ์ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้าน ทั้งทางด้านร่างกายคุณแม่ เช่น การเพิ่มขนาดมดลูกที่ใหญ่ขึ้นดันช่องอกทำให้หายใจลำบาก เหนื่อยง่ายขึ้น รวมทั้งด้านอารมณ์ เนื่องความเครียดและวิตกกังวลใจต่อการตั้งครรภ์ อาจส่งผลกระทบต่อสภาวะของร่างกายได้เช่นกัน การตั้งครรภ์จึงมีผลทำให้อาการของโรคภูมิแพ้ของคุณแม่เปลี่ยนแปลงได้ค่ะ
การเปลี่ยนแปลงของอาการโรคภูมิแพ้ในคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างไร?
ภาวะการตั้งครรภ์มีผลต่ออาการของโรคภูมิแพ้ แต่ไม่ได้หมายความว่าผู้ป่วยภูมิแพ้จะมีอาการแย่ลงเสมอไปนะคะ อาจมีอาการคงเดิมระหว่างตั้งครรภ์ บางคนอาจมีอาการลดลง ซึ่งแตกต่างกันออกไปในโรคภูมิแพ้แต่ละชนิดค่ะ
- โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ซึ่งพบได้บ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์ โดยอาจมีอาการอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ หรือมีอาการกำเริบชัดเจนในช่วงตั้งครรภ์ และอาจพบไซนัสอักเสบร่วมด้วยในคุณแม่ตั้งครรภ์บ่อยกว่าหญิงที่ไม่ตั้งครรภ์ นอกจากนี้ยังพบว่าคุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีอาการจมูกอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากภูมิแพ้ โดยเป็นผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งจะดีขึ้น หลังจากคลอดบุตรค่ะ
- โรคหืด ในคุณแม่ตั้งครรภ์อาจมีการเปลี่ยนแปลงของอาการได้ 3 แบบคือ 1ใน 3 ของคุณแม่ตั้งครรภ์จะมีอาการดีขึ้น อีกประมาณ 1ใน 3 อาการจะคงเดิม และอีก 1ใน 3 อาการจะแย่ลง โดยเฉพาะถ้าก่อนตั้งครรภ์มีอาการเดิมของโรครุนแรงอยู่แล้ว กลไกที่ทำให้โรคหืดแย่ลงจากการตั้งครรภ์ยังไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าปัจจัยที่ทำให้อาการของโรคหืดแย่ลงได้อาจเกิดจากการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบนที่บ่อยกว่าก่อนตั้งครรภ์จากการเปลี่ยนแปลงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเป็นปัจจัยกระตุ้นที่สำคัญที่ทำให้อาการของโรคแย่ลง และการที่ผู้ป่วยใช้ยาไม่สม่ำเสมอ หรือการได้รับการรักษาที่ไม่เหมาะสมเพราะความกังวลและความเข้าใจผิดเรื่องการใช้ยาในคุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งยารักษาโรคหืดบางชนิดสามารถใช้ได้ในคุณแม่ตั้งครรภ์โดยไม่มีอันตรายต่อลูกในครรภ์ ภายใต้การดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิดนะคะ
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะมีผลกระทบต่อลูกในครรภ์อย่างไร?
โรคภูมิแพ้ที่ควบคุมอาการได้ไม่ดีในคุณแม่ตั้งครรภ์อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อความผิดปกติของลูกในครรภ์ได้ เช่น คุณแม่ที่เป็นโรคหืด อาจส่งผลทำให้ลูกในครรภ์มีน้ำหนักตัวน้อย คลอดก่อนกำหนด รวมทั้งอาจทำให้คุณแม่เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นต้น
ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์ที่เป็นโรคภูมิแพ้ โดยเฉพาะโรคหืดควรติดตามสุขภาพของลูกน้อยกับสูติแพทย์อย่างต่อเนื่อง และใช้ยารักษาโรคภูมิแพ้เพื่อควบคุมอาการตามที่คุณหมอสั่งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมอาการของโรคให้ดีและไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนกับลูก นอกจากนี้คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ที่กระตุ้นให้เกิดอาการ และใช้ยาตามที่คุณหมอสั่งเท่านั้น เนื่องจากยาบางชนิดอาจมีผลต่อลูกในครรภ์ได้ค่ะ