งานวิจัยจาก Queensland School of Health and Rehabilitation Sciences นักวิจัยทำวิจัยในเรื่อง สายสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก แม่ลูกผูกพัน ซึ่งส่งผลดีมากต่อพัฒนาการที่ดีขึ้นของเด็กในระยะยาว และกระบวนนี้เริ่มตั้งแต่ลูกยังไม่ลืมตาออกมาดูโลกเลยละค่ะ ซึ่งได้ตีพิมพ์ในนิตยสาร Maternal and Child Health
แม่ลูกผูกพัน เพิ่มศักยภาพให้ทักษะลูกผ่านสายสัมพันธ์
ทักษะที่พุ่งกระฉูด ก็อย่างเช่น ความรู้ความเข้าใจทางสังคมอารมณ์ หรือ social-emotional cognition ทักษะด้านภาษา การปรับตัว ทักษะด้านการเคลื่อนไหว ที่จะเห็นเด่นชัดก่อนเจ้าตัวน้อย 2 ขวบ
แม่ลูกผูกพัน สานสัมพันธ์เริ่มตั้งแต่อยู่ในครรภ์
คนทั่วไปคิดว่าสายสัมพันธ์ของแม่ลูกเริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกคลอดออกมาแล้ว โดยกิจกรรมต่างๆ นั่นเป็นตัวกระชับความสัมพันธ์ เช่น การโอบกอด ไกวเปล หรือการสบตาของคุณแม่กับลูกน้อย แต่งานวิจัยชิ้นนี้พบว่า ทารกในครรภ์นั้นเริ่มสร้างบุคลิกภาพต่างๆ ตั้งแต่อยู่ในครรภ์ แม่ที่มีสายสัมพันธ์กับลูกอย่างเหนียวแน่น ลูกจะมีทักษะต่างๆ ที่ชำนาญหลายทักษะมากกว่า เมื่อเทียบกับแม่ที่ไม่ค่อยมีสายสัมพันธ์กับลูก ส่วนทักษะการเดิน การพูด และการแก้ไขปัญหาต่างๆ ยังอยู่ในระยะต่อไปของงานวิจัย
แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายค่ะ สำหรับคุณแม่บางคนที่จะรู้สึกถึงสายสัมพันธ์นี้ แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือการดูแลตัวเอง ดูแลลูกในครรภ์ อย่างดีที่สุดที่ตัวเองสามารถทำได้ แล้วคุณแม่ก็จะพบว่าตัวเองนั้นมีสายสัมพันธ์ที่เหนียวแน่นกับลูกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้
วิธีสร้างความสัมพันธ์ง่ายๆ แม่ลูกผูกพัน ก็แค่การงีบ
โดยสายสัมพันธ์ที่ว่านี่ ก็สร้างได้ไม่ยากเลย คุณแม่คงเคยได้ยินถึงการเสริมพัฒนาการต่างๆ ของลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์ใช่ไหมละคะ อย่างเช่น การคุยกับลูกในท้อง ร้องเพลงที่ชอบโดยไม่จำเป็นต้องถูกโน๊ตด้วยซ้ำ ซึ่งเด็กๆ จะได้เริ่มได้ยินเสียงคุณแม่ในสัปดาห์ที่ 18 เป็นต้นไปค่ะ ขณะที่ทำกิจกรรมเหล่านี้ เด็กๆ แม้ว่าจะอยู่ในถุงน้ำคร่ำก็ตาม สิ่งเดียวที่เขามีปฏิสัมพันธ์ด้วยก็คือคุณแม่ไงละคะ
โดยคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญที่ค่อนข้างน่าแปลกใจก็คือ การงีบพัก สามารถเป็นตัวช่วยสานสัมพันธ์ระหว่างคุณแม่กับลูกน้อยได้เช่นเดียวกัน เป็นเรื่องดีสุดๆ เลยใช่ไหมละคะ
แม่ลูกผูกพัน เรื่องเครียดก็สำคัญ
และอยากจะขอย้ำอีกหนึ่งเรื่อง สำหรับเรื่องความเครียดนั้น สำคัญอย่างยิ่งนะคะ เพราะเด็กๆ เขาสัมผัสได้ไวมาก คุณแม่เครียด ลูกก็เครียด และการเครียดของเด็ก ส่งผลถึงพัฒนาการต่างๆ มากมายเลยค่ะ คุณแม่จึงควรต้องหาทางระบายความเครียด หรือปรึกษาจิตแพทย์ เนื่องจากอาจจะมีขั้นตอนบำบัดความเครียดที่ได้ผลกับตัวคุณแม่ก็ได้ค่ะ
ที่มา fitpregnancy