คนท้องกับการทำนายฝัน
ความเชื่อในเรื่องการทำนายฝันกับคนไทยบางครั้งก็กลายเป็นเสน่ห์ประจำชาติอย่างหนึ่งที่หลายคนยังคงฝังใจและยึดมั่นเชื่อเป็จริงเป็นจัง เช่นหลายคนอาจเคยได้ยินคนท้อง แม่ตัวเองเล่าให้ฟัง หรือบางคนก็ฝันเองว่าก่อนท้องจะฝันว่ามีคนนำของมีค่าแก้วแหวนเงินทองมาให้บ้าง บางคนฝันว่ามีคนให้พระมาบ้าง ฝันว่ามีคนมาขออยู่ด้วยบ้าง พอตื่นปุ๊บก็รู้ตัวว่าท้องปั๊บเลยเหมือนกันถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์จนบางครั้งวิทยาศาสตร์ก็หาคำตอบให้ไม่ได้
ทำไมท้องต้องฝันร้าย
แต่สำหรับฝันร้ายกับแม่ท้องนั้นบอกได้เลยว่ามาจากความเครียดล้วนๆ ช่วงตั้งท้องร่างกายคุณแม่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงทำให้อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ทั้งความกังวลกลัวไปต่างนานา ว่าลูกในท้องจะแข็งแรงไหม จะครบ 32 รึเปล่า รูปร่างก็เแปลี่ยนไป ไหนจะผลข้างเคียงจาการตั้งท้องทำให้ไม่สบายตัว ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเหมือนเมื่อก่อน จนกลายเป็นความเครียดสะสมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของชีวิตแล้วเก็บไปฝันร้ายตอนกลางคืน
ยิ่งพอเริ่มเข้าสู่ช่วงอายุครรภ์ประมาณ 4 เดือนขึ้นไปลูกเริ่มดิ้นได้ ตอนกลางคืนก็ดิ้นจนแม่ต้องตื่นกลางดึก อีกทั้งลูกตัวโตขึ้นหาท่านอนที่สบายไม่ทำอึดอัดได้ยากทำให้นอนหลับไม่สนิท หรือต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำบ่อยๆ พอกลับมานอนต่อก็หลับไม่ลงบวกกับความเครียด ความวิตกกังวลต่างๆที่แอบสะสมไว้โดยอาจไม่รู้ตัวพอนอนหลับจึงทำให้ฝันร้าย
ซึ่งส่วนใหญ่เรื่องที่ฝันก็จะวนเวียนเกี่ยวกับลูก ลูกหายบ้าง แท้งลูกบ้าง ผีสาง ความตายหรือเรื่องราวลุ้นระทึกพาให้อกสั่นขวัยหายอื่นๆ ตื่นมาก็เครียดและกังวลหนักยิ่งไปกว่าเดิม
ถ้าฝันร้ายบ่อยต้องรับมืออย่างไร
เริ่มต้นที่ตัวคุณแม่เองต้องพยายามไม่เครียด หยุดคิดถึงเรื่องอนาคตที่ยังไม่เกิดและทำหน้าที่ของตัวเอง ณ ขณะนี้คือดูแลตัวเองเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ลูกในท้องได้รับสารอาหารที่จำเป็นในการพัฒนาส่วนต่างของร่างกายได้อย่างเต็มที่ ทำจิตใจให้ปลอดโปร่งแจ่มใสมากกว่าเรื่องอื่นใด หากฝันร้ายแล้วรู้สึกไม่สบายใจก็มาเล่าให้สามี เพื่อนสนิทหรือญาติฟัง เพื่อเป็นการระบายความเครียดที่สะสมไว้ลึกๆในใจของเราออกมาจะได้รู้สึกดีขึ้น
ออกกำลังกายบ้างเพื่อช่วยให้นอนหลับสนิทขึ้น และหลับได้นานขึ้น ก่อนนอนก็ไม่ควรดื่มชา กาแฟหรือดื่มน้ำเยอะจะได้ไม่ต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำบ่อยเกินไปจนกลายเป็นการรบกวนการนอนได้
คุณแม่ต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่าความฝันก็คือความฝัน อย่านำมาปะปนกับชีวิตจริงจนส่งผลกระทบแง่ลบกับสุขภาพกายและจิตใจของคุณแม่ เพราะอาจส่งผลไปถึงพัฒนาการของลูกในท้องได้ หากเริ่มวิตกกังวลควรหากิจกรรมอย่างอื่นทำเพื่อดึงความสนใจตัวเองให้ไปจดจ่อกับเรื่องอื่น จะได้ไม่ต้องจมอยู่กับความเครียดจนเก็บไปนอนฝันร้าย
พยายามหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำเช่นฟังเพลงเบาๆ เล่นโยคะ หรือฝึกสมาธิก็ช่วยได้ และอย่าลืมฟังคำโบราณที่เขาว่ากันว่า ฝันร้ายจะกลายเป็นดีนะเออ เพราะลูกคือของขวัญที่มีค่าอย่าให้ความฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงมาทำร้ายลูกตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลยนะคะ
ที่มา
https://www.gotoknow.org/posts/111464