แนวคิดสอนลูกตัวน้อยจากหนังดิสนีย์ เรื่อง The Lion King
พูดถึงหนังการ์ตูนหรือหนังแอนิเมชั่นเมื่อไหร่ เชื่อว่าหนังจากค่ายดิสนีย์ย่อมจะมีอยู่ในลิสต์ของคอหนังแนวนี้หลายต่อหลายเรื่อง และเมื่อนึกถึงหนังดิสนีย์ หนึ่งในหลายเรื่องของค่ายนี้ที่เป็นที่จดจำ ประทับใจไม่เสื่อมคลาย นั่นก็คือ The Lion King เพราะนอกจากความสนุกสนานของเรื่องราวการผจญภัยของเจ้าสิงโตหนุ่มตัวเอก บทเพลงที่แสนไพเราะแล้ว ยังสอดแทรกเรื่องราวปรัชญาชีวิตไว้ได้อย่างไม่มีที่ติอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่ได้ชมแล้ว อาจจะได้ แนวคิดสอนลูกตัวน้อยจากหนังดิสนีย์ เรื่อง The Lion King ไม่มากก็น้อย
The Lion King เป็นภาพยนตร์ฉบับแอนิเมชันในปี ค.ศ.1994 ประสบความสำเร็จทั้งด้านรายได้ คำชื่นชมจากนักวิจารณ์ และรางวัลในวงการภาพยนตร์มากมาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็ได้นำมารีเมกเป็นภาพยนตร์ Live Action และเป็นที่พูดถึงไม่น้อยไปกว่ากัน
เรื่องราวของ The Lion King เกิดขึ้น ณ ดินแดนของป่าไพร็อก โดยสิงโต “มูฟาซา” เจ้าแห่งสรรพสัตว์ทั้งหลาย กำลังปลาบปลื้มใจที่สุดอีกครั้ง เมื่อ “ซาราบี” ภรรยาแสนสวยและอ่อนหวานได้ให้กำเนิดลูกสิงโตเพศผู้ และตั้งชื่อให้ว่า “ซิมบา” ผู้เป็นพ่อเชื่อว่าลูกสิงโตน้อยตัวนี้จะต้องเติบโตขึ้น เพื่อเป็นผู้ครอบครองอาณาจักรอันทรงเกียรติที่ตัวเองได้สร้างไว้ให้ แต่ในวันอันเป็นมงคลที่เหล่าสรรพสัตว์ต่างร่วมยินดี กลับมีกลุ่มหมาในที่หิวโหย และสิงห์เฒ่านาม “สการ์” ที่มุ่งหวังครอบครองบัลลังก์แห่งราชา แผนการชั่วร้ายก็เกิดขึ้นก็อย่างง่ายดาย จนซิมบาผู้อ่อนเยาว์ต้องตกเป็นเหยื่อด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และส่งผลให้กลายเป็นสิงห์น้อยผู้กำพร้าพ่อไปในที่สุด จำต้องหลีกลี้หนีหน้าจากสังคมสรรพสัตว์ในป่าดังกล่าวไป ซึ่งเจ้าซิมบาก็ต้องใช้ความพยายาม อดทน ฟันฝ่าต่ออุปสรรคนานับประการ กว่าจะกลับมากู้และทวงบัลลังก์คืนได้ในที่สุด
จะว่าไปแล้ว พล็อตเรื่องก็เหมือนนิทานสอนใจทั่วไปนั่นเอง แต่ด้วยความที่เป็นภาพเคลื่อนไหว มีความเป็นแอนิเมชันที่กระตุ้นจินตนาการคนดูได้ตลอด ทำให้หนังเรื่องนี้มีความน่าติดตาม และเรียกว่าเป็นหนังสำหรับครอบครัวที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่พาลูก ๆ มานั่งดูด้วยกันในบ้าน นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้ว ผู้ปกครองก็สามารถบอกเล่าถึงข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ให้เด็ก ๆ ได้รับรู้กันอีกด้วย
แนวคิดจากหนัง The Lion King
1.ทุกชีวิตล้วนสัมพันธ์กัน
ทุกชีวิตล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกันและกัน จึงจะเกิดความสมดุล เราต้องให้เกียรติทุกชีวิต ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ เป็นคำสอนที่มาจากเจ้าป่ามูฟาซาสั่งสอนซิมบาลูกน้อย โดยยกตัวอย่างว่า แม้สิงโตจะกินละมั่งเป็นอาหาร แต่เมื่อสิงโตตายไป ร่างกายก็เน่าเปื่อยกลายเป็นปุ๋ยในหญ้าให้ละมั่งและเล็มกินในที่สุด แสดงให้เห็นว่าทุกชีวิตย่อมมีความสัมพันธ์กันเป็นวัฏจักรหมุนเวียนกันไป
2.อย่าหนีปัญหา
หนังเรื่องนี้เน้นถึงการที่ให้เราทุกคนอย่ากลัว หรือไปกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างในวลี “Haguna Matata” ที่ซิมบาถูกสอนจากเจ้าเมียร์แคทนามทีโบนและหมูป่านามพุมบา ตอนที่ต้องเผชิญปัญหาหนัก และคำนี้ก็เป็นวลีที่บอกว่า อย่าไปกังวลหรือไปหนีปัญหา เพราะสักวันเราก็ต้องเผชิญความจริงอยู่ดี วลีเด็ด ๆ อีกตอน ได้จากตัวละครราฟิกิ ที่ได้กล่าวเอาไว้ว่า อดีตอาจจะเจ็บปวด แต่เราเลือกได้ ว่าจะหนีไปจากมัน หรือเรียนรู้จากมัน
3.เผชิญหน้ากับความกลัว
อีกแนวคิดที่คุณพ่อคุณแม่นำไปสอนให้ลูก ๆ ตัวน้อยได้ ก็คือ วิธีเผชิญปัญหาในชีวิตด้วยการกล้าที่จะสู้ และไม่กลัวที่จะถอย แม้ว่าจะมีอุปสรรครออยู่ข้างหน้า ก็ไม่ควรถอดใจง่าย ๆ ให้ลองประเมินสถานการณ์และความสามารถของตัวเองว่า คุ้มหรือไม่ที่จะเสี่ยง รู้จักถอยกลับมาคิด ตั้งหลักให้เป็น เหมือนกับซิมบาที่กล้าก้าวข้ามผ่านความกลัว เพื่อกลับไปทวงคืนดินแดนของผู้เป็นพ่อที่ถูกยึดไป
4.ทำตัวกล้าหาญได้โดยไม่ต้องเข้าไปเสี่ยง
เมื่อลุงสการ์ยื่นคำท้าให้ซิมบาไปอยู่ในพื้นที่อันตรายเพื่อพิสูจน์ความกล้า แต่มูซาฟาผู้เป็นพ่อกลับสอนว่า ให้แสดงความกล้าหาญโดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงอันตรายได้ คุณพ่อคุณแม่อาจบอกกับลูก ๆ ได้ เวลาเวลาพวกเขาเจอคำท้าทายจากเพื่อนที่โรงเรียนเพื่อให้ทำเรื่องเสี่ยง เป็นการพิสูจน์ความกล้า ทั้ง ๆ ที่มีวิธีแสดงความกล้าหาญในทางสร้างสรรค์อีกหลายแบบ เช่น กล้าทำความดี กล้าช่วยเหลือผู้อื่น เป็นต้น ซึ่งนั่นก็เป็นเครื่องหมายของคนกล้าได้เช่นกัน
5.มิตรภาพใหม่ ๆ คือสายสัมพันธ์เยียวยาใจ
ฉากที่ซิมบาถูกไล่ออกจากบ้าน และต้องใช้ชีวิตในป่าตามลำพัง เขาได้พบเพื่อนใหม่อย่างทีโมน และพุมบา ที่คอยช่วยเหลือและสอนการใช้ชีวิตในป่า จนกลายเป็นมิตรภาพระหว่างกัน จุดนี้ทำให้เห็นได้ว่า ในชีวิตคนเราก็เช่นกัน สามารถพบเจอมิตรภาพใหม่ ๆ ได้อยู่เสมอ ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ เพื่อนที่ดีนี่ละที่จะคอยเป็นกำลังใจ และพร้อมจะฝ่าฟันอุปสรรคไปด้วยกัน
6.ช่วงชีวิตมีขึ้นมีลงเหมือนพระอาทิตย์ตก
มูซาฟาสอนซิมบาในฉากที่ทั้งคู่กำลังมองวิวข้างหน้ายามเย็นว่า สรรพสิ่งบนโลกไม่มีอะไรที่คงอยู่ไปชั่วนิจนิรันดร์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ที่มีขึ้นมีลงในแต่ละวัน วันใดที่แสงอาทิตย์ลบเลือนหายไป ไม่ช้าแสงของวันใหม่ก็จะขึ้นมาทดแทน เป็นเหมือนสัจธรรมชีวิตที่พ่อแม่สามารถแนะนำให้ลูก ๆ ได้โดยไม่ต้องกางหนังสือธรรมะแต่อย่างใด
ได้ข้อคิดดี ๆ จากหนังเรื่องเยี่ยมแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็นำไปประยุกต์สอนให้ลูก ๆ เข้าใจได้ตามแต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิต เพราะถึงอย่างไรแล้ว การดูละคร (หรือดูหนัง) ก็สามารถย้อนดูตัวเราเองได้ อย่างที่เขาว่ากันมานั่นเลย
ที่มา (amarinbabyandkids) (majorcineplex) (sistacafe)
บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ข้อคิดสอนลูกสาวจากมู่หลาน เราจะเรียนรู้อะไรจากการ์ตูนมู่หลานได้บ้าง?
ชวนมาดูหนัง The Witches เหล่าหนูน้อยวางแผนเอาชนะแม่มดใจร้าย!
10 อันดับสุดยอดภาพยนตร์ดีสนีย์