แคลเซียม สารอาหารที่ขาดไม่ได้สำหรับ ลูกน้อยวัยเตาะแตะ

“ตั้งไข่ล้ม ต้มไข่กิน ไข่ตกดินอดกินไข่ต้ม...” เสียงร้องเพลงประกอบกับปรบมือเป็นจังหวะ ช่วยกระตุ้นให้เจ้าตัวเล็กวัยเตาะแตะก้าวขาไปข้างหน้า แม้จะเดินๆ ล้มๆ บ้าง แต่เมื่อหันมาเห็นคุณพ่อคุณแม่คอยยิ้มให้กำลังใจอยู่ไม่ห่าง เบบี๋ก็พลอยหัวเราะร่า ค่อยๆ ยันตัวขึ้นยืน และไม่กลัวที่จะก้าวเดินอีกครั้งด้วยความมั่นใจ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ลูกน้อยวัยเตาะแตะ กำลังสนุกสนานกับการได้สำรวจสิ่งต่างๆ รอบตัวด้วยสองขาของตัวเอง ถือเป็นสัญญาณอันดีที่แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวเล็กมีพัฒนาการทางร่างกายที่ดีสมวัย นอกจากคอยเป็นกำลังใจให้ลูกน้อยอยู่ข้างๆ แล้ว การดูแลให้ลูกรักได้รับสารอาหารครบถ้วนตามร่างกายต้องการ ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน

ลูกน้อยวัยเตาะแตะ หรือวัย 1 – 3 ปี เป็นวัยที่มีพลังงานเหลือเฟือ เด็กวัยนี้จะมีความอยากรู้อยากเห็น ตื่นเต้นกับสิ่งรอบตัวอยู่ตลอดเวลา ชื่นชอบการสำรวจ ปีนป่าย กระโดดโลดเต้น และวิ่งเล่นในที่กว้างๆ คุณพ่อคุณแม่ควรพาเด็กๆ ออกไปใช้พลังงานที่มีอยู่ในตัวให้เต็มที่ ด้วยการพาไปเล่นในสนามเด็กเล่น หรือสวนสาธารณะ ร่วมกับการดูแลให้รับประทานอาหารอุดมด้วย “แคลเซียม” ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูกและฟัน ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของร่างกาย อีกทั้งยังช่วยให้หัวใจ ระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ทำงานได้เป็นปกติ

แคลเซียมมีอยู่ในอาหารชนิดใดบ้าง?

เด็กๆ วัย 1 – 10 ปี ควรได้รับแคลเซียมราว 800 – 1,000 มิลลิกรัม ต่อวัน คุณแม่จึงควรมองหาอาหารเสริมแคลเซียมให้ลูกรักรับประทานทุกวัน โดยอาหารที่อุดมด้วยแคลเซียมที่เหมาะกับวัยของเด็กๆ มีดังนี้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • งา เป็นอาหารที่มีแคลเซียมสูงมาก โดยงาเพียง 1 ช้อนโต๊ะ ช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมมากถึง 132 มิลลิกรัม
  • เต้าหู้อ่อน เป็นอาหารที่นำไปพลิกแพลงได้หลากหมายเมนู โดยเต้าหู้อ่อน 5 ช้อนโต๊ะ มีแคลเซียมถึง 150 มิลลิกรัม
  • ปลากรอบตัวจิ๋ว ปลากรอบ 2 ช้อนพูนๆ ให้แคลเซียมถึง 226 มิลลิกรัม ทานคู่กับข้าวต้ม หรือหยิบเคี้ยวเล่นก็ได้ประโยชน์สูงปรี๊ดทั้งคู่ค่ะ
  • ผักสีเขียวเข้ม อย่าง คะน้า หรือบรอกโคลี มีแคลเซียมสูงไม่เบา โดยคะน้า 100 กรัม มีแคลเซียม 120 มิลลิกรัม ส่วนบรอกโคลี 2/3 ถ้วย ให้แคลเซียมราว 88 มิลลิกรัม
  • นม และผลิตภัณฑ์จากนม เด็กๆ ชื่นชอบการดื่มนมอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากหากจะให้เจ้าตัวเล็กทานนมทุกวันๆ ละ 1 แก้ว โดย นม 250 มิลลิลิตร จะช่วยให้ร่างกายได้รับแคลเซียมสูงถึง 300 มิลลิกรัม เชียวนะเออ

ในจำนวนของอาหารแคลเซียมสูงทั้งหมดนั้น การดื่มนมเป็นวิธีที่ร่างกายสามารถดูดซึมแคลเซียมไปใช้ได้ง่ายและรวดเร็ว ซึ่งคุณแม่สามารถเลือกให้เด็กๆ ดื่ม นมแพะ เพราะนมแพะมีแคลเซียมสูง ที่สำคัญนมแพะมีโปรตีนเบต้าเคซีนสูง ทำให้ย่อยง่าย ไม่ท้องผูก ดีต่อทั้งระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายของลูกรัก อีกทั้งยังมี Casein Phosphopeptides หรือ CPP ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุและสารอาหาร อาทิ แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสี ที่มีประสิทธิภาพ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

นอกจากนี้ นมแพะ ยังมีระบบสร้างน้ำนมแบบเดียวกับนมแม่เรียกว่า อะโพไครน์ ทำให้มีสารอาหารจากธรรมชาติในปริมาณสูง เสริมทัพด้วย Prebiotics อย่าง Inulin & Oligofructose ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีที่มีประโยชน์ ช่วยให้ลูกน้อยขับถ่ายดี และมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

เห็นไหมคะว่า การเลือกให้ลูกดื่มนมที่มีส่วนช่วยดูดซึมแคลเชียมได้ดี เป็นอีกหนึ่งทางลัดที่ช่วยเสริมทัพให้เด็กๆ มีสุขภาพร่างกายดี มีกระดูกและฟันที่แข็งแรง ไม่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ และช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายให้รุดหน้าอย่างรวดเร็ว เติบโตเป็นเด็กน้อยที่สมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกาย สติปัญญา และมีจิตใจร่าเริงแจ่มใสสมวัย

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team