ในบรรดาโรคที่น่ากลัวสำหรับเด็ก ๆ อีกหนึ่งโรคนั่นก็คือ เฮอร์แปงไจน่า โรคในตระกูลเดียวกับโรคมือ เท้า ปาก ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่แพร่ระบาดมาทางอากาศ ทำให้เด็ก ๆ ได้รับเชื้อกันได้ง่าย ติดต่อง่าย เพียงแค่สัมผัส ไอ จาม เท่านี้ก็มีโอกาสติดเชื้อกันได้สูง
เฮอร์แปงไจน่า ที่ไม่น่าไว้วางใจ ระบาดง่าย ติดง่าย น่ากลัวมาก!!
อาการของโรคเฮอร์แปงไจน่านั้นคล้าย ๆ กับโรคมือเท้าปาก แต่มีแตกต่างกันคือจะมีตุ่มแดง ๆ ตุ่มน้ำเล็ก ๆ คล้ายแผลร้อนใน ขึ้นบริเวณในปากเท่านั้น จะอยู่ในช่องปากบริเวณเพดานอ่อน ลิ้นไก่ ต่อมทอนซิล และในโพรงคอหอยด้านหลัง หรืออาจลามมาที่บริเวณโคนลิ้น กระพุ้งแก้ม ทำให้รู้สึกเจ็บคอ คอแดง และจะมีไข้สูงประมาณ 39.5-40 องศาเซลเซียส เด็ก ๆ จะติดต่อกันได้ง่ายผ่านทางน้ำมูก ไอ จามโดยไม่ปิดปาก การสัมผัสหรือรับประทานสิ่งที่ปนเปือนกับน้ำลาย น้ำมูก ของเพื่อนที่เป็น โดยเฉพาะเด็ก ๆ วัยเรียนในช่วง 3-10 ขวบ ที่อยู่ร่วมกันในโรงเรียนหรือสถานเลี้ยงเด็ก จะมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคเฮอร์แปงไจน่าสูง เนื่องจากการเล่น หยิบจับ ของเล่นร่วมกัน ซึ่งเชื้อนี้จะอยู่ได้นานในอากาศเย็นและชื้น สามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่จะมาระบาดหนักมาในฤดูฝน
โรคเฮอร์แปงไจน่า โรคตุ่มแผลในปากเด็ก สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกเล็กควรรู้จักและป้องกัน
แม้ว่าอาการของโรคเฮอร์แปงไจน่าจะดูไม่รุนแรง แต่ก็ไม่น่าไว้วางใจ เพราะเมื่อเป็นลูกจะมีไข้สูงเฉียบพลัน และอาจมีภาวะแทรกซ้อนที่สามารถพบได้จากโรคนี้ เช่น การอักเสบของก้านสมอง กล้ามเนื้ออ่อนแรง และกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อไวรัสตัวนี้โดยเฉพาะ ดังนั้นเมื่อเด็กเป็น จึงต้องรักษาตามอาการ ให้ยาลดไข้ และยาชาทาแผลในปาก เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ โดยทั่วไปไข้จะลดประมาณ 2-3 วัน แผลในปากหายได้เองประมาณ 1 สัปดาห์ หากไม่มีไข้สูงหรือไม่มีไข้ก็ทำให้คุณแม่คลายกังวลลงได้ เพียงแต่ระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นดังกล่าว สามารถให้ลูกทานอาหารได้ปกติ แต่ถ้าเจ็บแผลในปากมากจะไม่ยอมกินข้าว ไม่ยอมกลืนอาหาร ควรหาของอ่อน ๆ ให้ลูกรับประทาน เช่น อาหารประเภทน้ำซุป เคี้ยวง่าย ย่อยง่าย รสไม่จัด และดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้ ลดอาการขาดน้ำ และช่วยย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น แต่ถ้าลูกกินอาหารไมได้เลย หายใจหอบ มีอาการแขนขาอ่อนแรง หรือชัก พบว่าผิดปกติ ควรรีบมาพบแพทย์โดยด่วนเลยนะคะ
วิธีป้องกันลูกน้อยให้ห่างจากโรคเฮอร์แปงไจน่า
- รักษาความสะอาดและฝึกให้ลูกดูแลความสะอาดของตัวเองในขณะอยู่ที่โรงเรียน ทั้งการล้างมือก่อน-หลังรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำทุกครั้ง
- รักษาสุขภาพของตัวเล็กให้แข็งแรงด้วยการให้รับประทานที่มีประโยชน์ เพื่อเป็นเกราะป้องกันโรค สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย อย่างมีประสิทธิภาพ
- การป้องกันโรคโดยหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับผู้ที่ไม่สบาย เพื่อลดโอกาสติดเชื้อ
- หากลูกไม่สบายควรให้หยุดเรียนเพื่อรักษาอาการ สวมหน้ากากอนามัย เมื่อออกนอกบ้าน เพื่อลดการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
ป้องกันโรคให้ถูกวิธี ก็จะทำให้ลูกลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรค พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ด้วยร่างกายที่แข็งแรง สมองที่ปลอดโปร่งสดใสต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก : pr.moph.go.th
บทความใกล้เคียงที่น่าสนใจ :
โรคเฮอร์แปงไจน่า: โรคระบาดน่ากลัว กลุ่มเดียวกับโรค มือ เท้า ปาก
ลูกมีต่อมทอนซิลโตเรื้อรัง เป็นเพราะอะไร?