เราเริ่มเสริมนมกล่อง UHT ให้ลูกเริ่มดื่มได้ตั้งแต่เมื่อไหร่? เลือกนมที่ใช่
นมคือแหล่งของสารอาหารที่สำคัญต่อลูก นี่คงเป็นข้อเท็จจริงที่คุณแม่หลาย ๆ คนรู้กันอยู่แล้ว แต่หลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้ว่า วิธี เลือกนมที่ใช่ ควรเลือกอย่างไร วันนี้เราได้นำคำแนะนำจากคุณหมอแป๊กกี้ พญ.ฐิติมา คุรุพงศ์ กุมารแพทย์เจ้าของเพจ Dr.Pakky หม่ามี้หมอเด็ก ซึ่ง คุณหมอได้แนะนำว่า การเสริมนมกล่อง UHT ให้ลูกดื่มนั้นสามารถเริ่มได้ เมื่อลูกมีอายุ 1 ปีขึ้นไปแล้ว และเนื่องจากเด็กมีความต้องการพลังงานและสารอาหารมากกว่าผู้ใหญ่ นอกจากการรับประทานอาหารมื้อหลัก 3 มื้อแล้ว ควรเสริมด้วยนม ซึ่งจะเป็นนมกล่อง UHT ก็ดี หรือถ้าคุณแม่บ้านไหนยังมีน้ำนมแม่อยู่ ก็สามารถให้นมแม่ต่อได้เลย ไม่มีปัญหาค่ะ
ความหลากหลายของนมในท้องตลาด เรื่องสำคัญที่คุณแม่ควรใส่ใจ
สำหรับการเลือกนมนั้น เรื่องสำคัญเรื่องหนึ่งที่คุณหมอแป๊กกี้แนะนำให้คุณแม่ใส่ใจ คือเรื่องความหลากหลายของนมในท้องตลาด เพราะนมที่วางขายอยู่นั้นมีอยู่หลากหลายกลุ่ม แต่ละกลุ่มก็จะเน้นสารอาหารสำคัญแตกต่างกันไป ดังนั้นคุณแม่ควรเลือกนมให้เหมาะสมกับช่วงวัยของลูก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กในกลุ่ม 1-3 ปี ควรให้สำคัญเรื่องของการเจริญเติบโต มีพัฒนาการสมองที่ดี และ ภูมิต้านทานแข็งแรง ควรเสริมลูกด้วยนมเสริมสารอาหารสำหรับเด็ก ให้ลูกได้รับสารอาหารที่เหมาะสมและเพียงพอสำหรับการเจริญเติบโต
แค่แคลเซียมสูงไม่พอ นมที่ใช่ ต้องอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมองและภูมิต้านทาน
ในเรื่องของสารอาหารสำคัญในนมกล่อง UHT คุณหมอแป๊กกี้ได้แนะนำว่า นมทั่วไปที่เน้นในเรื่องของแคลเซียมสูงที่ช่วยในเรื่องของการเจริญเติบโตเพียงอย่างเดียวนั้น อาจไม่เพียงพอ สำหรับเด็กในวัย 1-3 ปี นมที่ใช่ ที่คุณแม่ควรมองหานั้น ควรจะเป็นนมที่เสริมสารอาหารที่ช่วยในการพัฒนาสมอง เช่น DHA, Vitamin B12 และสารอาหารที่ช่วยเรื่องภูมิต้านทาน เช่น Vitamin C และ Gos/LcFoc สารโอลิโกแซ็กคาไรด์ คล้ายกับที่พบในนมแม่
ซึ่ง โอลิโกแซ็กคาไรด์รวมถึง Gos/LcFoc นั้น มีบทบาทในระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยจับเชื้อโรค และเป็นพรีไบโอติกส์ (prebiotics) ใยอาหารที่ช่วยในการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์สุขภาพในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายของลูกแข็งแรง ทำงานได้ดีเป็นปกติ
สุดท้ายคุณหมอได้ทิ้งท้ายคำแนะนำสั้น ๆ ไว้ว่า “เพราะเด็กวัย 1-3 ขวบนี้ ไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ตัวเล็ก เขาคือเด็ก ดังนั้นคุณแม่ควรหามองนมสูตรที่คิดค้นมาเฉพาะสำหรับเด็กวัยนี้นะคะ”