หยุด!!! ก่อนทำร้ายลูกน้อย 6 เรื่องอันตราย ที่พ่อแม่ทุกคนต้องระวัง
หยุด!!! ก่อนทำร้ายลูกน้อย 6 เรื่องอันตราย ที่พ่อแม่ทุกคนต้องระวัง มีเรื่องอะไรบ้างที่พ่อแม่ควรต้องรู้ก่อนที่ลูกจะคลอดออกมา
1.เข็มขัดนิรภัย
การคาดเข็มขัดนิรภัยของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์อยู่นั้น ควรจะต้องเป็นการคาดใต้ท้อง ไม่ใช่การคาดตรงท้องพอดี เนื่องจากเวลาที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นมา อาจทำให้ลูกในท้องเป็นอันตรายได้ค่ะ นอกจากนี้อย่านั่งหลังตรงเกินไป หรือโน้มตัวไปข้างหน้าเกินไป จะทำให้เกิดแรงดันภายในท้องได้ และอย่าปรับเบาะชิดกับคอนโซลหน้ารถจนเกินไป เพราะแม่จะเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย อย่างการเบรคกระทันหัน ก็อาจทำอันตรายให้ลูกได้ค่ะ
2.ร้อนหรือหนาวเกินไป
เด็กทารกนั้นร่างกายยังไม่สามารถปรับตัวกับอากาศที่ร้อนจัดหรือหนาวจัดได้ดี หากคุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ในภาคเหนือหรือแถบที่มีอากาศหนาวเย็น จำเป็นต้องห่มผ้าหรือใส่เสื้อผ้าหนาๆ ให้ลูก อาจจะต้องทบทวนอีกรอบค่ะ เพราะหากลูกรู้สึกร้อนเกินไปอาจส่งผลต่อประสาทและมีอาการภาวะฉุกเฉินจากความร้อน หรือ โรคลมแดด (Heatstroke)
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรเลือกเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดีค่ะ เนื่องจากเสื้อผ้าที่อบอุ่นมากเกินไป จะขัดขวางไม่ให้ร่างกายปกป้องตัวเองจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ทำให้สุขภาพร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงค่ะ
3.ของเล่นสีสดๆ
ของเล่นที่มีสีที่ไม่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างสีสดๆ เช่น สีแดง สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง และเสียงอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ส่งผลเสียต่อการพัฒนาความคิดสร้างสรรค์และการสร้างบุคลิกภาพของลูกค่ะ กลับกัน อาจจะส่งเสริมให้ลูกกลายเป็นเป็นที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว กลัวบางสิ่งบางอย่างแบบไม่มีเหตุผล และอาจส่งผลระยะยาวไปจนถึงมีภาวะซึมเศร้าตอนวัยรุ่นได้
ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเลือกของเล่นที่ใช้วัสดุและสีที่มาจากธรรมชาติ เช่น ไม้หรือผ้า เกมที่ได้มากกว่าแค่ความสนุก และของเล่นที่สมจริงแทนค่ะ
4.รถหัดเดิน
รถหัดเดินถูกห้ามจำหน่ายและห้ามใช้ในหลายๆ ประเทศค่ะ รวมทั้งแคนาดาด้วย เนื่องจากมีอันตราการบาดเจ็บของเด็กๆ มากกว่า 8,000 รายต่อปีในสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังทำให้
- การสร้างกล้ามเนื้อไม่สม่ำเสมอ และมีการเปลี่ยนรูปของเท้าและขา
- กระดูกสันหลังโค้งงอ เนื่องจากเด็กในวัยก่อนขวบ กระดูกสันหลังจะยังไม่แข็ง ดังนั้นการใช้รถหัดเดินอาจทำให้กระดูกสันหลังไม่ตั้งตรง
- เด็กๆ ไม่มีแรงจูงใจจากการเดินอย่างอิสระ กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ พัฒนาได้ช้าลง
- การรักษาสมดุลและสัญชาตญาณการปกป้องตัวเองไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร
หากจำเป็นต้องใช้จริงๆ ควรให้ลูกใช้ไม่เกิน 2 ครั้งต่อวัน จำกัดที่ครั้งละ 15 นาทีเท่านั้นค่ะ โดยต้องอยู่ในสายตาของคุณพ่อคุณแม่ด้วยค่ะ
5.น้ำผลไม้และนม
เด็กในวัยนี้ไม่จำเป็นต้องกินน้ำผลไม้ค่ะ ยิ่งเป็นน้ำผลไม้กล่องวิตามินและเกลือแร่จะไม่เหลือแล้วค่ะ สิ่งที่เหลือคือน้ำตาลแทน ดังนั้นควรให้ลูกกินผักและผลไม้สดๆ แทน สำหรับนมให้ลูกกินได้ แต่สำหรับเด็ก 1 ขวบนั้นไม่ควรเกินวันละ 17 ออนซ์ค่ะ และอาจจะหาแหล่งแคลเซียมอื่นแทนนมวัวได้นะคะ เช่น ผักใบเขียว ผลไม้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่และตับวัวที่อุดมไปด้วยวิตามินดี
6.การใช้มือถือและแทปเล็ต
แสงสีฟ้สจากหน้าจอต่างๆ หากใช้เป็นเวลานานอาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดต้อกระจกและตาบอดได้ในที่สุดค่ะ เด็กที่เล่นมือถือหรือแทปเล็ตอยู่ตลอดเวลานั้น เด็กๆ จะขาดทักษะการพัฒนากล้ามเนื้อ ประสาทสัมผัสต่างๆ และการโต้ตอบกับผู้อื่น ส่งผลให้พัฒนาการช้าลงได้
คุณพ่อคุณแม่ควรจำกัดการใช้งานไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวันในเด็กที่อายุเกิน 2 ขวบค่ะ และเด็กที่มีอายุต่ำกว่านั้นไม่ควรให้เล่นค่ะ
ที่มา Brightside
บทความที่น่าสนใจ
ติดเล่นมือถือตอนท้อง อันตรายไหม กระทบลูกรึเปล่า
7 เรื่องห้ามทำ เวลาที่ ลูกวีนแตก เม้งแตก