เรียกชื่อลูกในท้อง
เรียกชื่อลูกในท้อง ช่วยเสริมสร้างพัฒนาการทารก พ่อจ๋าแม่จ๋า เรียกชื่อหนูตั้งแต่อยู่ในท้อง จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของหนูนะรู้ไหม แถมเสียงพ่อแม่ที่คุ้นเคยนั้น ยังช่วยพัฒนาภาษาพร้อมกันไปได้อีกด้วย
เรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้องดีต่อพัฒนาการทารก
พัฒนาการได้ยินของลูกในท้อง
ระบบการได้ยินของทารกในครรภ์ จะพัฒนาเมื่ออายุครรภ์ 24-26 สัปดาห์ขึ้นไป ประสาทสัมผัสทางการได้ยินเริ่มพัฒนา ทารก จะเริ่มได้ยินเสียงหัวใจและเสียงของแม่ จำนวนเซลล์ของระบบประสาทเพิ่มมากขึ้น ทำให้ทารกเริ่มจดจำเสียงของคุณแม่ได้ การนำเอาเสียงภายนอกมาช่วยเสริมสร้างพัฒนาการของทารกในครรภ์ วิธีการนี้จะทำให้ทารกเคยชินต่อเสียง และเป็นการพัฒนาภาษาพร้อมกันไปด้วย
นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมต่อระหว่างระบบประสาทกับระบบกล้ามเนื้อ ทารกสามารถเคลื่อนไหวแขนและขาตามจังหวะของ ข้อพับ กำมือ ยืดตัว หรือพลิกตัวได้แล้ว
เรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้องดีต่อพัฒนาการทารก
เรียกชื่อลูกในท้อง : ต้องเริ่มต้นอย่างไรดี
เมื่อคุณแม่ได้ทราบแล้วว่า พัฒนาการด้านการได้ยินของลูกในท้อง จะพัฒนาเมื่ออายุครรภ์ได้ 24 – 26 สัปดาห์ อย่ารอช้ามาเริ่มปฏิบัติการกระตุ้นพัฒนาการด้านการได้ยินกันค่ะ แต่อาจมีคุณแม่บางท่านสงสัยว่าจะเริ่มอย่างไรดี ไม่ยากเลยค่ะ เพียงแค่คุณพ่อคุณแม่เปล่งเสียงเรียกชื่อลูกซ้ำ ๆ ทุกวัน
การเรียกชื่ออาจจะเป็นชื่อเล่นที่เตรียมไว้สำหรับเจ้าตัวเล็ก หรือจะเรียกชื่อตามที่คุณพ่อคุณแม่เรียกกัน หรือการเรียกอาจจะยังไม่ถือเป็นชื่อก็ได้เพราะในบางครอบครัวจะมีความเชื่อในเรื่องการตั้งชื่อลูกเช่นนี้แล้วแต่ความเชื่อเฉพาะบุคคลนะคะ เช่น เรียกลูกว่าเบบี๋ เจ้าตัวน้อย เจ้าตัวเล็ก ลูกหมาของแม่ คนสวยของแม่ ฯลฯ ตามสะดวกเลยค่ะ เรียกชื่อ
วิธีการปฏิบัติ เสริมพัฒนาการลูกในท้อง
- การเรียกชื่อลูกในท้อง เสียงของคุณแม่ถือเป็นเสียงธรรมชาติที่ไพเราะที่สุดสำหรับลูกแล้วค่ะ คุณแม่หามุมสบาย ๆ เงียบสงบเพราะสิ่งแวดล้อมที่ดีไม่มีเสียงดังรบกวนจะช่วยเสริมคุณภาพเสียงและการได้ยินของลูกในท้อง จะทำให้ทารกได้ยินเสียงและจดจำเสียงได้ดีขึ้น
- วิธีที่สอง ชวนคุณพ่อมาร่วมพูดคุยเรียกชื่อลูกในท้องกันค่ะ วิธีนี้มีตัวช่วยเพิ่มขึ้นนิดหน่อย ผู้เขียนขอเรียกว่า “โทรโข่งสื่อรักนะคะ” วิธีการง่าย ๆ ในการทำโทรโข่งสื่อรัก คือ ใช้กระดาษหนังสือพิมพ์พับเป็นรูปปากกรวย ปลายส่วนที่แคบเป็นทางเข้าของเสียงแม่ ส่วนปลายกว้างไว้จ่อบริเวณหน้าท้องของแม่ เรียกชื่อเลยค่ะ เรียกบ่อย ๆ ซ้ำ ๆ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ผลัดกันเรียกระหว่างเสียงพ่อและเสียงแม่เพื่อให้ลูกในท้องคุ้นเคยและจดจำเสียงได้
- วิธีที่สาม คล้ายกับวิธีที่สองค่ะ เพียงแต่ใช้อุปกรณ์สำหรับพูดคุยกับทารกในครรภ์ที่เรียกว่า Infant Phone ซึ่งมีปลายหนึ่งไว้ให้คุณแม่พูด ส่วนอีกปลายหนึ่งไว้ครอบที่หน้าท้อง บริเวณใกล้ศีรษะของลูกในท้องก็ได้ ให้คุณแม่เรียกชื่อลูก พูดคุยหรือร้องเพลงให้เจ้าหนูฟัง หรืออาจจะเป็นการเล่านิทาน อ่าหนังสือ หรือแม้แต่การร้องเพลง จะเป็นเพลงกล่อมเด็กแบบไทย ๆ ที่คุณแม่เคยได้ยินได้ฟังมาก็ได้ค่ะ ลูกจะชินกับการได้ยินเสียง
เมื่อทารกน้อยคลอดออกมาแล้วคุณแม่ยังสามารถนำเสียงเพลงหรือนิทานที่เคยอ่านตั้งแต่อยู่ในครรภ์มาใช้สำหรับขับกล่อมให้ลูกนอนก็ได้นะคะ เพราะลูกจะคุ้นเคยกับเสียงของคุณแม่ จะช่วยทำให้ทารกสงบและหลับได้ง่ายขึ้น
เรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้องดีต่อพัฒนาการทารก
คุยอะไรกับลูกดี : แม่นี้ยังสงสัย
เข้าใจเลยค่ะคุณแม่มือใหม่ที่อาจจะคุยไม่เก่งหรือไม่รู้จะคุยอะไรกับลูกดีน๊า!!! ไม่ยากเลยค่ะบทสนทนาง่าย ๆ ที่ผู้เขียนเองเคยใช้
– เริ่มแรกให้ทักทาย สวัสดีค่ะ โบนัส (ชื่อลูกสาวของผู้เขียนเองค่ะ) ลูกรักของแม่ โบนัสตื่นหรือยังคะ ทักทายกันหน่อยสิ คุณแม่เอามือลูบท้องเป็นการทักทาย
– นอกจากนี้การพูดบอกความรู้สึกกับลูกในท้องก็ยิ่งดีนะคะ “พ่อกับแม่รักโบนัสมากนะคะ” อีกไม่นานแม่จะได้เจอโบนัสแล้วนะคะ” “ตอนนี้แม่กำลังกินข้าวอยู่ โบนัสหิวหรือยังคะ กินข้าวกับแม่นะลูก” ฯลฯ ง่าย ๆ แบบนี้แหละคะ
เรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้องดีต่อพัฒนาการทารก
เรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้องดีต่อพัฒนาการด้านการได้ยิน
การพูดคุยเรียกชื่กลูกตั้งแต่อยู่ในท้อง ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสและสร้างวงจรในสมองของลูกได้ พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านสมอง กล่าวว่า “ประโยชน์ของพูดคุยและการอ่านหนังสือกับสมองของลูกนั้น สามารถช่วยกระตุ้นการสร้างวงจรในสมองของลูกตั้งแต่เริ่มต้นทั้งในเรื่องวงจรเสียงและความรู้สึกของพ่อแม่ที่ส่งผ่านไปยังลูกในท้อง วงจรกลิ่นและสัมผัสแห่งรักที่ได้รับผ่านการสัมผัสหน้าท้องของคุณแม่ไปยังมดลูก น้ำคร่ำ แล้วไหลวนไปทั่วผิวหนัง ทั่วร่างกายของลูก ลูกจะคุ้นเคยกับสัมผัสนั้นตั้งแต่ในครรภ์ จนถึงกำหนดคลอดทีเดียว”
เรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้องดีต่อพัฒนาการทารก
เรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้องดีต่อพัฒนาการด้านภาษา
พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ กล่าวว่า การพูดคุยเรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้อง รวมไปถึงการฟังเลง การอ่านหนังสือ จะทำให้เด็กมีความจำเกี่ยวกับคำ แม้ว่าเด็กจะไม่ได้ยิน แต่เด็กจะคุ้นชินกับคำและประโยคที่พ่อแม่อ่านให้ฟัง ยิ่งพ่อแม่มีการต่อยอดหลังจากลูกคลอดออกมา เด็กจะยิ่งมีพัฒนาการทางด้านภาษาที่ดีขึ้น และเรียนรู้ได้เร็วขึ้น จะเห็นได้ว่า การเรียกชื่อลูกตั้งแต่ในท้อง การร้องเพลง การอ่านหนังสือ ทุกเสียงที่คุณพ่อคุณแม่อ่านเป็นคำ ๆ ให้ลูกฟังนั้นจะกระตุ้นสมองของลูก ลูกจะบันทึกและสร้างวงจรของคำศัพท์ต่าง ๆ เอาไว้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
และยิ่งถ้าอ่านและใช้คำจากหนังสือสอนลูกในวัยก่อน 3 ขวบมากเท่าไร เด็กจะมีชุดของคำเป็นหมื่น ๆ คำซึ่งจะมีผลต่อสติปัญญาของเด็กอย่างมาก เนื่องจากเราเป็นมนุษย์ที่ต้องเรียนรู้ผ่านภาษา แต่ปัญหาที่น่าห่วง คือ เด็กไทยมีชุดของคำไม่ค่อยมาก”
คุณหมอได้ให้คำแนะนำถึงการ พูดคุยเรียกชื่อลูก รวมไปถึงการกระตุ้นพัฒนาการด้านการได้ยินและด้านภาษาด้วยการอ่านหนังสือร้องเพลงให้ลูกฟัง สามารถเสริมสร้างความฉลาดให้แก่ลูกตั้งแต่อยู่ในท้องของคุณแม่ เมื่ออ่านแล้วอย่ารอช้า!!! มาพูดคุยเรียกชื่อลูกกันค่ะ
ร่วมบอกเล่าและแชร์ประสบการณ์ในช่วงตั้งครรภ์ คลอดบุตร รวมถึงการเลี้ยงดูทารกน้อย เพื่อเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวอื่น ๆ กันนะคะ หากมีคำถามหรือข้อสงสัย ทางทีมงานจะหาคำตอบมาให้คุณ
อ้างอิงข้อมูลจาก
หนังสือสมองอ่าน อ่านสมอง ผู้แต่ง พญ.จันทร์เพ็ญ ชูประภาวรรณ
บทความอื่น ๆ ที่กี่ยวข้อง
ความสำคัญของการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง
การฟังเพลงระหว่างอ่านหนังสือช่วยให้ลูกฉลาดขึ้น