เป็นที่รู้กันดีว่า โรคไข้เลือดออก เป็นโรคติดต่อที่เกิดจากยุงลายเป็นพาหะของโรค เมื่อยุงกัดคนก็จะแพร่เชื้อสู่คน เชื้อจะอยู่ในร่างกายคนประมาณ 2-7 วันในช่วงที่มีไข้ หากยุงกัดคนในช่วงนี้ก็จะรับเชื้อไวรัสมาแพร่ให้กับคนอื่น และมักพบอาการนี้บ่อยในเด็กต่ำกว่า 15 ปี โดยเฉพาะช่วงอายุ 2-8 ปี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่จะไม่มีโอกาสเป็นโรคไข้เลือดออกได้
โรคไข้เลือดออกที่หากได้รับเชื้อไวรัสจะมีอาการดังนี้
- ครั่นเนื้อครั่นตัว ไข้สูงเฉียบพลันประมาณ 2-7 วัน
- บางรายอาจจะมีจุดเลือดสีแดงออกตามตัว แขนขา อาจมีเลือดกำเดาไหลออก เลือดออกรายไรฟัน มีอุจจาระสีดำเรื่องจากเลือดออกในทางเดินอาหาร
- เบื่ออาหาร หน้าแดง ปวดศรีษะ จนถึงภาวะช็อก หมดสติ และเสียชีวิตได้
หากรับเชื้อครบ 1 สัปดาห์แล้วไม่พบแพทย์ จะมีอาการดังนี้
1.สายตาเริ่มพร่ามัวในเวลาเช้าและสายตาไม่สู้แดด
2.กล้ามเนื้ออ่อนแรง
3.ทานอาหารน้อยลง
4.วิงเวียนศรีษะตลอดเวลา
5.อาการเบลอ
6.ตัวเริ่มเป็นจ้ำ (แดง,เขียว)
หากครบ 2 สัปดาห์จะมีอาการดังนี้
1.อาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง
2.ไข้ขึ้นสูง
3.เกล็ดเลือดต่ำ
4.หัวใจล้มเหลว
5.ไตวายเฉียบพลัน
6.ระบบหายใจล้มเหลว
7. หากไม่สามารถปั๊มหัวใจขึ้นมาได้ภายใน 4 นาทีก็เข้าสู่ภาวะเจ้าชายนิทราและอาจจะเสียชีวิตได้
แนวทางการป้องกันโรคไข้เลือดออกที่ดีที่สุดคือ การควบคุมการแพร่กระจายของยุงลาย เช่น กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุง โดยเฉพาะภาชนะที่มีน้ำขัง ป้องกันและระวังยุงกัด เป็นต้น และควรรับวัคซีนป้องกันโรคในทุกๆ ปี หากพบว่าลูกๆ หรือคนในครอบครัวเริ่มมีอาการผิดปกติดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยอาการ
ที่มา : www.siamhealth.net
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ
แพทย์แถลงอาการป่วย ปอ ทฤษฎี
ไข้เลือดออก-โรคร้ายอันตรายต่อลูกรัก