เด็กยุคเจอเนอเรชั่น อัลฟ่า (Generation Alpha) คือเด็กที่เกิดตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป ซึ่งเด็กยุคอัลฟ่าจะรายล้อมไปด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ฯลฯ ส่งผลให้การเรียนรู้ของเด็กเปลี่ยนไป นั่นคือนั่งๆ นอนๆ และเคลื่อนไหวร่างกายน้อย จนเกิดผลกระทบต่อตัวเด็กที่จะมีพฤติกรรมกลายเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด ไม่มีสมาธิ ขาดความภาคภูมิในในตนเอง ไม่รู้ว่าจะต้องคิดแก้ปัญหาได้อย่างไร และมีปัญหาพัฒนาการร่างกายถดถอย การทักษะการเข้าสังคม และไม่มีความคิดสร้างสรรค์ คุณพ่อคุณแม่เห็นไหมคะว่าน่ากังวลมากแค่ไหนกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับลูกน้อยยุคอัลฟ่า ดังนั้นมาปลดล็อคให้ลูกน้อยของเรากันดีกว่าค่ะ
…อยากให้เด็กยุคอัลฟ่ามีศักยภาพ ต้องเติมเต็มด้วยประสบการณ์จริง
แน่นอนว่าเราคงปฏิเสธสังคมที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่อยู่รอบตัวลูกไม่ได้ ซึ่งทางเดียวที่ดีนั่นคือ พ่อแม่ต้องรู้จักสอนและช่วยส่งเสริมชี้แนะพัฒนาลูกให้เป็นเด็กที่รู้จักคิดเอง แก้ปัญหาเองได้ รู้จักความถูกต้อง และต้องเป็นเด็กที่มีจิตสำนึกดี เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทั้งสมองและร่างกายของลูกได้ เทคนิคที่ง่ายสำหรับพ่อแม่และดีสำหรับลูก คือ คุณพ่อคุณแม่ต้องกระตุ้นให้ลูกได้ฝึกพัฒนาตัวเอง ด้วยการได้ออกไปเรียนรู้สิ่งต่างๆ รอบตัว ที่เป็นของจริง จับต้องสัมผัสได้ มีการลงมือปฏิบัติจริงจากประสบการณ์จริง และคิดหาวิธีด้วยตนเอง ซึ่งคุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกไปเข้าร่วมทำกิจกรรมกับเพื่อนๆ วัยเดียวกัน อย่างการทำงานศิลปะร่วมกับเพื่อน หรือจะให้ลูกได้เข้าค่ายอบรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ายภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์ หรือแม่แต่การพาลูกออกไปเที่ยวเล่นยังสถานที่แปลกใหม่ ไปทะเล ไปปลูกป่า เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยให้ลูกได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง การส่งเสริมให้ลูกได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง จะทำให้ลูกหลุดจากโลกของเทคโนโลยี ที่เน้นการเรียนรู้แบบ passive คือรับข้อมูลเป็นส่วนใหญ่ แล้วหันกลับมาเรียนรู้และสนุกกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นจริง หรือเรียกว่า active learning ที่จะช่วยให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีความคิด กล้าเข้าสังคม และเป็นเด็กที่มีจินตนาการ มีความคิดสร้างสรรค์ที่ดี จนกลายเป็นเด็กเก่งรอบด้านอย่างมีศักยภาพ และสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่คุณพ่อคุณแม่คิดไว้ค่ะ
…ประสบการณ์จริงช่วยปลดล็อคศักยภาพให้ลูก แต่โภชนาการก็มีส่วนช่วยสำคัญไม่แพ้กัน
เด็กยุคอัลฟ่าหากเขาได้เรียนรู้ผ่านประสบการณ์จริงก็จะช่วยทำให้เขาสามารถเรียนรู้ได้อย่างต่อเนื่องและไม่เครียด ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง และยังช่วยให้ได้พัฒนาทั้งสมองและจิตใจได้ด้วยค่ะ แต่รู้ไหมคะว่าเด็กยุคอัลฟ่านอกจากการส่งเสริมศักยภาพให้มีประสิทธิภาพด้วยประสบการณ์จริงแล้ว การได้รับโภชนาการสารอาหารที่ดีก็เป็นสิ่งสำคัญ โดย คุณพ่อ คุณแม่ต้องมั่นใจว่าลูกได้รับสารอาหารที่จำเป็นทั้งสามด้าน คือ ด้านสมอง ร่างกาย และการสร้างภูมิคุ้มกัน ซึ่งอาจารย์ดร.วสุนันท์ ชุ่มเชื้อ ผู้เชี่ยวชาญด้านประสาทวิทยาสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล ได้กล่าวถึงการทำงานของสมองไว้ว่า “สมองจะถูกพัฒนาในช่วงวัยแรกเกิด— 6 ปี โดยเคือข่ายใยประสาทจะถูกสร้างและเชื่อมต่อกันอย่างเต็มที่ที่สุดเมื่อเด็กได้รับการกระตุ้นให้พัฒนาทักษะผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 7 อย่างสม่ำเสมอ หากทักษะใดไม่ได้ใช้ก็จะถูกกำจัดออกไป เพื่อการพัฒนาสมองอย่างเต็มศักยภาพ พ่อแม่ควรให้ลูกได้รับสารอาหารที่ช่วยพัฒนาสมอง ได้แก่ DHA เพราะ DHA ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยส่งเสริมการสร้างเครือข่ายใยประสาท เมื่อทำงานร่วมกับการเรียนรู้ดังกล่าว สมองของลูกจะถูกพัฒนาอย่างเต็มที่ นอกจากนี้วิตามิน B6 วิตามิน B12 โฟเลต และไอโอดีน มีส่วนสำคัญในการช่วยควบคุมการทำงานของสมองกระตุ้นระบบประสาท และการเจริญเติบโตของเซลล์ประสาท”
เห็นไหมว่า ไม่ยากเลยที่จะปลดล็อคให้กับลูกน้อยยุคอัลฟ่าได้มีศักยภาพอย่างเต็มที่ ฉะนั้นอย่ารอช้าให้ศักยภาพที่อยู่ในตัวลูกถดถอยกันไปนะคะ
สนใจกิจกรรมสร้างศักยภาพให้ลูกน้อยด้วยประสบการณ์จริงเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ของลูกน้อยเพิ่มเติม คุณพ่อคุณแม่สามารถเข้าไปดูได้ที่ www.foremostomega.com