เตือนแม่ลูกดกตั้งท้องบ่อย มีลูกถี่ ระวังอันตราย!!

หลายครอบครัวในปัจจุบันมักจะตั้งใจหยุดอยู่ที่การมีลูกเพียงไม่เกิน 2 คน ด้วยเหตุผลที่ว่าการมีลูกนั้นต้องพร้อมในหลาย ๆ ด้าน ทั้งฐานะทางการเงิน ค่าครองชีพที่เริ่มสูงขึ้น หรือการเลี้ยงดูลูกให้พร้อมในทุกด้าน ทั้งนี้เหตุผลอีกอย่างของพ่อแม่ที่มีลูกมากหรือคลอดลูกถี่เกินไปอาจเกิดอันตรายจากการตั้งท้องและคลอดลูกบ่อย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

การมุ่งมั่นที่จะสร้างครอบครัวใหญ่ไม่ว่าจะคำนึงแล้วหรือโดยไม่ได้วางแผนคุมกำเนิดนั้น สิ่งที่พ่อแม่ควรตระหนักอย่างยิ่งของการที่ตั้งครรภ์มีลูกถี่จนเกินไป อาจเกิดอันตรายต่อสุขภาพของแม่ อันตรายจากการตั้งครรภ์ รวมถึงลูกในท้องด้วย

การตั้งท้องและการคลอดลูกบ่อยครั้งอันตราย!

เป็นผลร้ายที่กระทบต่อสุขภาพของแม่โดยตรง

1.แม่ที่คลอดลูกบ่อยมีโอกาสที่จะเสียชีวิต เนื่องจากโรคแทรกระหว่างตั้งท้องมีสูงมากกว่าแม่ที่คลอดลูกน้อยครั้ง

2.การคลอดลูกบ่อยๆ จะทำให้เกิดการฉีกขาดของช่องคลอด ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เป็นมะเร็งที่ปากมดลูกได้ ส่วนลูกน้อยในท้องนั้นอาจมีขนาดโตเกินไปหรืออยู่ในท่าที่ผิดปกติ อาจทำให้มดลูกแตกเวลาคลอดได้ หรือลูกที่คลอดออกมานั้นอาจจะมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ มีโอกาสที่จะเป็นโรคขาดอาหาร ปัญญาอ่อน มีอวัยวะพิการหรือไม่สมประกอบแต่กำเนิดก็ได้

3.การมีลูกถี่แบบหัวปีท้ายปีติดต่อกัน อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพของทั้งแม่และลูก เพราะหากร่างกายหลังคลอดยังพักไม่เต็มที่ก็ตั้งท้องพร้อมคลอดลูกคนใหม่ จะทำให้สุขภาพของแม่ทรุดโทรม ร่างกายอ่อนแอลง และอาจเกิดโรคแทรกซ้อน ที่อาจทำให้ต้องเสียชีวิตไปพร้อมกันได้ ดังนั้น ช่วงระยะห่างในการมีลูกแต่ละคนที่เหมาะสมควรจะเว้นกันประมาณ 4 ปี

4.การตั้งท้องแต่ละครั้ง ทำให้ร่างกายของแม่ต้องการอาหารเพิ่มขึ้นเพื่อส่งไปยังลูกในท้อง ในกรณีที่แม่เป็นโรคขาดสารอาหารก็จะทำให้เกิดโรคมากขึ้นในระหว่างตั้งท้องได้ หรือในแม่ที่ตั้งท้องลูกอีกคนในขณะที่ยังไม่หย่านมลูกคนเล็กนั้นก็ทำให้ร่างกายต้องเสียพลังเสียเลือดเพื่อเลี้ยงลูกถึง 2 คนในเวลาเดียวกัน ซึ่งทำให้บั่นทอนสุขภาพของแม่ทั้งร่างกายและส่งผลถึงจิตใจด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5.แม่ที่มีลูกมากย่อมมีโอกาสป่วยเป็นโรคประสาทและโรคจิตได้มากกว่าปกติ และมีการวิจัยพบว่าสามีภรรยาที่มีลูกมาก มักจะมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง และเกิดการหย่าร้างกันมากกว่าครอบครัวที่มีลูกน้อยคน

ดังนั้น หากคุณพ่อคุณแม่พิจารณาถึงอันตรายจากการตั้งครรภ์ที่คลอดลูกบ่อย จึงควรหลีกเลี่ยงการมีลูกในระยะกระชั้นชิดติดกัน หรือควรวางแผนครอบครัวเพื่อตัดความกังวลต่อการตั้งครรภ์ในท้องต่อ ๆ ไปขึ้นได้

สัญญาณอันตรายตอนท้อง ที่คุณแม่ต้องระวัง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สัญญาณอันตรายตอนท้อง

ในระหว่างตั้งครรภ์นั้น คุณแม่ท้องต้องดูแลตัวเองมากเป็นพิเศษ เพราะนอกจากเรื่องสุขภาพของตัวคุณแม่ท้องเองแล้ว ยังมีอีกหนึ่งชีวิตน้อย ๆ ที่อยู่ในท้องของคุณแม่ ที่ต้องคอยดูแลใส่ใจ ให้เค้าเกิดมาปลอดภัย สมบูรณ์แข็งแรง เรามาดูกันว่า 8 สัญญาณอันตรายตอนท้องที่คุณแม่ต้องระวัง และใส่ใจเป็นพิเศษจะมีอะไรบ้าง

1. เลือดออกจากช่องคลอด

สัญญาณอันตรายตอนท้องอย่างแรกนั่นก็คือ อาการเลือดออกจากช่องคลอด โดยหากมีเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ ก็อาจจะเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์นอกมดลูก หรือการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก ซึ่งภาวะเหล่านี้ อาจส่งผลให้เกิดการแท้งได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หากมีอาการเลือดออกจากช่องคลอดในช่วงไตรมาสหลัง คุณแม่ท้องก็อาจจะมีความเสี่ยงของการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด หรือเรื่องของรกรอบตัวทารก รกเกาะต่ำ ที่อาจเป็นอันตรายต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยได้

2. ปวดท้องน้อย

อาการปวดท้องน้อยระหว่างตั้งครรภ์ จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือในช่วงแรก กับในช่วงหลังของการตั้งครรภ์ หากมีอาการปวดท้องน้อยในช่วงแรกของการตั้งครรภ์ นั่นก็เป็นเพราะมดลูกมีการขยายตัว ทำให้มีอาการปวดตึงไปทั่ว แต่จะมีอาการปวดแบบเป็น ๆ หาย ๆ ไม่ตลอดไป แต่หากมีอาการปวดด้านใดด้านหนึ่ง ปวดตลอด ปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีอาการไข้ร่วมด้วย ให้คุณแม่ตั้งครรภ์ระวังทั้งช่วงแรกและช่วงหลังของการตั้งครรภ์ โดยให้ระวังว่าอาจจะมีก้อนซีสต์ที่รังไข่ แล้วเกิดลักษณะบิดขั้ว หรือเป็นไส้ติ่งอักเสบ หรือท้องนอกมดลูก ซึ่งก็เป็นลักษณะอาการที่เกิดขึ้นได้เช่นเดียวกัน

หากมีอาการปวดท้องในช่วงหลัง อาจจะต้องระวังในเรื่องของการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด และที่พบได้บ่อย คืออาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ รวมถึงกระเพาะปัสสาวะ ท่อไต กรวยไตอักเสบ ซึ่งหากคุณแม่ท้องมีอาการปวดท้องน้อย ให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุว่าเกิดขึ้นจากอะไร เกิดขึ้นจากมดลูกแข็งตัว หรือว่าเกิดจากการติดเชื้อ

3. แพ้ท้องรุนแรง

โดยทั่วไปแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ก็จะมีอาการแพ้ท้องได้โดยเฉพาะในช่วงแรกของการตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ แต่หากมีอาการแพ้ท้องมาก กลืนน้ำลายแทบไม่ได้ เดินไม่ไหว ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าคุณแม่ตั้งครรภ์มีลักษณะท้องแฝด ทำให้ฮอร์โมนสูงจนแพ้ท้องมาก หรืออาจจะเป็นอาการของการตั้งครรภ์ไข่ปลาอุก หรืออาจจะมีอาการของเด็กผิดปกติ

อาการแพ้ท้องรุนแรง ถือว่าเป็น สัญญาณอันตรายตอนท้องอีกหนึ่งอย่าง แม้ว่าจะสร้างความลำบากให้กับคุณแม่ท้องอย่างมาก แต่ก็เป็นอาการที่พบได้ไม่บ่อยนัก

4. เจ็บครรภ์ก่อนกำหนด

หากคุณแม่ท้องมีอาการเจ็บครรภ์คลอดก่อน 37 สัปดาห์ ในทางการแพทย์จะถือว่าเป็นการคลอดก่อนกำหนด ซึ่งอาจทำให้ทารกคลอดออกมาไม่สมบูรณ์ อาจจะต้องอยู่ในตู้อบ หรือต้องได้รับการดูแลนานขึ้นกว่าปกติในโรงพยาบาล โดยอาการเจ็บครรภ์ก่อนกำหนด ที่คุณแม่ท้องควรรีบไปพบแพทย์ได้แก่

  • ปวดท้องเป็นพัก ๆ พร้อมกับเวลาที่มดลูกหดรัดตัว
  • ปวดท้องเป็นพัก ๆ ร่วมกับอาการปวดหลังร้าวลงไปถึงบริเวณก้นกบ
  • ปวดท้องในอุ้งเชิงกราน และอาจปวดร้าวลงไปที่ต้นขา
  • มีน้ำไหลออกมาทางช่องคลอด หรือมีอาการน้ำเดิน
  • มีมูกเลือด หรือเลือดออกทางช่องคลอด

สัญญาณอันตรายตอนท้องมีอะไรอีกบ้าง ติดตามต่อหน้าถัดไป — >

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5. ครรภ์เป็นพิษ

อาการหลัก ๆ ที่แสดงถึงอาการครรภ์เป็นพิษได้แก่

  • อาการปวดศีรษะ โดยจะมีอาการปวดบริเวณขมับ หน้าผาก และด้านท้ายทอย
  • อาการตาพร่า มีลักษณะเห็นแสงแวบ ๆ และตาพร่า
  • อาการจุกแน่นลิ้นปี่

หากมี 3 อาการนี้เกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวัดความดันว่า มีความดันสูง มีโปรตีนรั่วในปัสสาวะหรือไม่ ซึ่งหากเกิดอาการครรภ์เป็นพิษ จะถือว่าเป็นภาวะฉุกเฉิน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้จะทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ อาจทำให้คุณแม่เส้นเลือดแตกในสมอง และอาจทำให้ทั้งคุณแม่และลูกในท้องเสียชีวิตได้

เรื่องอาการครรภ์เป็นพิษเป็นเรื่องสำคัญ คุณแม่ท้องต้องคอยสังเกตตัวเองอยู่เสมอ โดยอาการครรภ์เป็นพิษ จะเกิดขึ้นได้หลังจาก 20 สัปดาห์ ถึง 28 สัปดาห์ขึ้นไป ให้ระมัดระวังเรื่องอาการดังกล่าว หากมีอาการผิดปกติควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน

6. ลูกดิ้นน้อยลง

สัญญาณอันตรายตอนท้องอีกหนึ่งสัญญาณก็คือ อาการที่ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลง มักจะขึ้นระหว่างสัปดาห์ที่ 32 ถึง 37 ของการตั้งครรภ์  โดยในช่วงหลังจากที่อายุครรภ์ตั้งแต่ 30 สัปดาห์ไปแล้ว ทารกในครรภ์จะดิ้นเป็นเวลา ดิ้นถี่ขึ้น สม่ำเสมอมากขึ้น ดังนั้น การนับลูกดิ้นตั้งแต่ 30 สัปดาห์เป็นต้นไป ใน 1 ชั่วโมง ลูกต้องดิ้นหรือกระแทก 4 ครั้งขึ้นไป ถ้าชั่วโมงแรกลูกดิ้นไม่ถึง 4 ครั้ง ให้นับชั่วโมงที่สอง แต่หากไม่ครบ 4 ครั้งอีก ก็อาจเป็นไปได้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น เช่น อาจเกิดอาการสายสะดือพันคอ ซึ่งอาจทำให้ทารกเสียชีวิตในครรภ์ได้

กรณีที่ดิ้นน้อยลงนั้น นอกจากสายสะดือพันคอ จะมีภาวะติดเชื้อ ขาดออกซิเจนจากสาเหตุอื่น เช่น รกลอกก่อนกำหนด น้ำคร่ำน้อย เพราะฉะนั้น หลังจาก 32 สัปดาห์ไปแล้ว หากสังเกตว่าทารกดิ้นในครรภ์น้อยลง ต้องรีบมาที่โรงพยาบาลทันที เพื่อพิจารณาว่าจะต้องคลอดก่อนกำหนดหรือไม่

 

ข้อมูลจาก : https://th.theasianparent.com/

บทความ อื่น ๆที่น่าสนใจ

ท้องไหม ตรวจการตั้งครรภ์ได้กี่วิธี

ไอเดียเก็บภาพ ความประทับใจลูกน้อย นำมา ตกแต่งบ้านง่ายๆ

บทความโดย

Napatsakorn .R