เตรียมพร้อมลูกเข้าโรงเรียน คุณพ่อ คุณแม่ เริ่มต้นได้ง่ายๆ ด้วยการให้ลูกได้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พร้อมด้วยคุณค่าและสารอาหารหลากหลายชนิด มาดูกันว่าสารอาหารใดบ้างที่จะช่วยเสริมเพิ่มพลังทั้งทางด้านร่างกาย สติปัญญา เพื่อให้ลูกน้อยพร้อมเรียนรู้ได้สนุกอย่างไม่สะดุด
- แคลเซียม ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูแลฟัน ช่วยส่งเสริมการทำงานของกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ของร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้การหดและขยายตัวของหลอดเลือด ไม่ให้เลือดแข็งตัวในเด็กได้
- สังกะสี เป็นสารอาหารที่ไม่ได้ให้พลังงาน แต่มีบทบาทสำคัญที่ช่วยในการเจริญเติบของเด็ก เพราะช่วยในการสังเคราะห์โปรตีนและสร้างคอลลาเจน
- โปแตสเซียม ช่วยรักษาสมดุลของน้ำในร่างกาย ช่วยในการบีบตัวของกล้ามเนื้อทั่วไปและการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจให้เต้นเป็นปกติ และช่วยส่งออกซิเจนไปเลี้ยงสมอง ทำให้เด็กมีสติปัญญา ร่าเริงแจ่มใสได้
- แมกนีเซียม เป็นประโยชน์ต่อระบบการทำงานต่างๆ ของร่างกาย ทั้งกล้ามเนื้อและเซลล์ต่างๆ ส่งผลต่อการทำงานระบบประสาท ระบบภูมิคุ้มกัน ระบบย่อยอาหาร และระบบเลือด
- ธาตุเหล็ก เป็นสารอาหารที่จำเป็นในการส่งออกซิเจนผ่านเลือดไปสะสมไว้ในกล้ามเนื้อต่างๆ ของร่างกายจึงมีส่วนช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตเต็มที่
- กรดไขมันจำเป็น มีความจำเป็นต่อร่างกาย ในการสร้างความสมดุล ความแข็งแรงของร่างกาย ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน และจำเป็นต่อระบบสมองและประสาท
- วิตามินดี ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมและสารอาหารอื่นๆ ได้ดีมีผลทำให้เด็กเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ มีเนื้อกระดูกที่แข็งแรง
- วิตามินเอ มีส่วนช่วยในการมองเห็น บำรุงสายตา กระดูก เล็บ ผิวหนังและเส้นผม มีการกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อให้เชื้อโรคเดินทางเข้าสู่ร่างกายได้ยากขึ้น ป้องกันการติดเชื้อต่างๆ
- วิตามินอี ช่วยให้ร่างกายมีระบบการเผาผลาญที่ดี ช่วยบำรุงตับและไขกระดูกในการสร้างเลือด มีส่วนช่วยในการสลายลิ่มเลือดไม่ให้เกิดการจับตัว ฯลฯ
- วิตามินซี สารอาหารที่จำเป็นมากสำหรับเด็ก ช่วยซ่อมแซมและเสริมสร้างความแข็งแรงของเนื้อเยื่อในร่างกาย ช่วยให้หลอดเลือกแข็งแรง และมีส่วนช่วยในการสร้างเนื้อเยื่อของเอ็นกระดูกอ่อน ช่วยลดเลือดออกตามไรฟัน และช่วยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานอย่างเต็มที่ในการป้องกันการติดเชื้อ
เรามีอาหารมาเเนะนำ
1.ฝักทองผัดไข่
ในฟักทองอุดมไปด้วยเบตำแคโรที่น และ น้ำมันจากการผัดจะช่วยร่างกายดูดซึมเข้าไป และ เปลี่ยนเป็นวิตามินเอที่ช่วยบำรุงสายตได้เป็นอย่างดี ส่วนไข่แดงก็เต็มไปด้วยลูที่น และ ซีแซนที่นที่ช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตา หากให้เด็ก ๆ กินร่วมกับข้าวไม่ขัดสี ก็จะได้รับวิตามินบี เพิ่มเติม
2.แซนด์วิชอกไก่
แซนด์วิชเป็นเมนูที่สามารถทำได้ง่าย และ สะดวกที่จะให้เด็กได้กินระหว่างเดินทางไปโรงเรียน หากเลือกใช้ขนมปังโฮลวีทที่อุดม ไปด้วยวิตามินบีก็จะยิ่งดีมาก ๆ อีกทั้งยังได้รับโปรตีนจากไขไก่ และ เนื้ออกไก่ด้วย หากเด็กวัยเรียนได้รับโปรตีน อย่างเพียงพอ และ กินอาหารครบ 5 หมู่ จะส่งผลให้ร่างกายเจริญเติบโตดี
3.หมูคะน้าน้ำมันหอย
ในผักคะน้ำมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย และ ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานด้วย จึงทำให้เด็ก ๆ มีสุขภาพแข็งแรง นอกจากนั้นยังมีวิตามินซี มีสารลูที่นช่วยบำรุงสายตา และ แคลเซียมที่ช่วยในการสร้างกระดูก และ ฟันให้แข็งแรง
4.ข้าวผัดทะเล
ยกทะเลมาไว้ในจานข้าวของเด็ก ๆ ตั้งแต่เช้ เพราะอาหารทะเลเป็นแหล่งของไอโอดีน ซึ่งมีส่วนช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของสมอง และ ระบบประสาท ส่งผลต่อระดับสติปัญญา และการเรียนรู้ของเด็กในช่วงวัยเรียน
5.ตับไก่ผัดหน่อไม้ฝรั่ง
จุดเด่นของหน่อไม้ฝรั่งในมนูนี้คือมีโฟเลทสูง ช่วยป้องกันภาวะโลหิตจางได้เป็นอย่างดี เพราะเด็กบางคนมีภาวะโลหิตจางง่ย ซึ่งสิ่งนี้กลายเป็นอุปสรรคในการเรียนโดยไม่รู้ตัว และตับไก่ก็ให้ธาตุเหล็กที่บำรุงเลือดได้ดีมากเช่นกัน
เป็นต้น
การให้ลูกได้รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ผักและผลไม้ น้ำดื่มที่สะอาด ที่มีส่วนประกอบของสารอาหารดังกล่าวจะช่วยเพิ่มพลังงานให้กับลูกน้อยได้เป็นอย่างดี แต่หากลูกน้อยไม่ชอบทานผักผลไม้ อาจทำให้ได้รับวิตามินซีไม่เพียงพอต่อความต้องการ ก็อาจหาตัวช่วยอย่าง สก๊อต วิตามินซี แพสทิล ซึ่งมีวิตามินซีสูง เคี้ยวหนึบ และยังมีให้เลือกอร่อยหลายรสชาติ ทั้งส้ม มิกซ์เบอรี่ และ ใหม่ กลิ่นมะม่วง ที่หาซื้อง่ายได้ตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป ซูเปอร์มาร์เก็ต และ 7-Eleven
ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมของ Scott’s Vitamin ได้ที่ Fanpage: www.facebook.com/scotts.vitamin
ที่มา : www.sg.theasianparent.com
theAsianparent Thailand เชื่อว่าการศึกษาที่ดีจะช่วยเสริมสร้างรากฐานที่ดีให้กับเด็ก เป็นการเริ่มต้นสร้างสภาะแวดล้อมในการเรียนรู้ได้อย่างสมวัย และ เป็นไปตามที่ คุณพ่อ คุณแม่ต้องการการเลือกโรงเรียนให้ กับลูก คือหัวใจหนึ่งของการศึกษา เพราะการเลือกโรงเรียนตั้งแต่เนอสเซอรี่ การเลือกโรงเรียนอนุบาล เป็นด่านแรกที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกได้ เช่น มีหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักสูตรวิชาการที่ พอดีกับการเรียนรู้ การใช้ Play Base Learning เพื่อเสริทสร้างพหุปัญญษทั้ง 8 ด้าน หรือ EF ที่ทำให้ลูกได้เรียนรู้ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill อย่างสมดุลย์ เพราะการเรียนรู้ที่ดี สามารถเรียนรู้ได้ต่อเนื่องไม่จำกัด และ ทำให้เด็กค้นพบตัวตน และ มีความสุขกับการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง