เปิดภาพสุดสะเทือนใจ หลัง เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสลายม็อบ พบเด็ก 5 ขวบโดนด้วย!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เปิดภาพสุดสะเทือนใจ หลัง เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสลายม็อบ กลุ่มผู้ชุมนุมให้สลายตัว พบเด็ก 5 ขวบโดนด้วย!

เดลินิวส์ รายงานว่าจากกรณีตำรวจปราบปรามจราจลนำกำลังเข้า เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสลายม็อบ ในพื้นที่แยกปทุมวัน โดยเริ่มจากถนนพระรามที่ 1 ก่อนเผชิญหน้ากันอย่างดุเดือด โดยฝ่ายเจ้าหน้าที่ใช้น้ำฉีดจนเกิดการฟุ้งกระจายไปทั่ว ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมแตกฮือต้องไปรวมกลุ่มกันใหม่ที่จุฬาฯ ตามที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ต.ค. ทางด้านแฟนเพจ @เยาวชนปลดแอก - Free YOUTH ได้เผยข้อมูลอ้างว่า “มีรายงานมาว่าเด็ก 5 ขวบโดนแก๊สน้ำตา ” นอกจากนี้ ภายในแฟนเพจ “เดลินิวส์” ยังได้มีผู้อ่านส่งภาพเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ามาเพิ่มเติม

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ภาพดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ต่างมีชาวเน็ตเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเจ้าหน้าที่อย่างรุนแรงที่กระทำต่อผู้ชุมนุม ขณะชาวเน็ตอีกด้านกลับมองว่า การชุมนุมดังกล่าวนั้น ไม่ควรพาเด็กๆ เข้ามาร่วมชุมนุมอีกด้วย…

 

 

https://www.youtube.com/watch?v=O2burqh8U1Q

สถานการณ์การชุมนุมสี่แยกปทุมวัน คํ่าคืนวันที่ 16 ตุลาคม 2563 ท่ามกลางการเผชิญหน้าระหว่างกลุ่ม “ผู้ชุมนุม” และ “เจ้าหน้าที่” ที่เดินหน้าตั้งแถวรุกคืบกระชับพื้นที่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
 
ความอลหม่านท่ามกลางสายฝนที่เริ่มกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ผู้ชุมนุม ต้องนำเสื้อกันฝนและร่มออกมากันฝน กระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าสลายการชุมนุม ฉีดน้ำผสมสีฟ้าจากรถประจัญบานม็อบ “จีโน”

ทำให้การ์ด มวลชน สื่อมวลชนที่ถูกฉีดน้ำ เกิดอาการปวดแสบ ปวดร้อน แสบตา คันผิวหนังไปตามๆกัน จนต้องถอยไปตั้งแนวรับตามแนวถนนห่างจากกำลังเจ้าหน้าที่ราว 50 เมตร

“รถฉีดน้ำแรงดันสูง” หรือที่เรียกกันว่า “จีโน” ใช้ควบคุมฝูงชน นำเข้ามาจากประเทศเกาหลีใต้ ในราคาคันละ 25 ล้านบาท มีคุณสมบัติเด่นด้วยล้อกันกระสุน ตะแกรงป้องกันกระจกรอบคัน มีคันกั้นเหล็กหน้ารถไว้เคลียร์พื้นที่ที่อาจมีสิ่งกีดขวาง และยังมีกล้องวงจรปิดติดตั้งรอบคัน เพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์แบบรอบทิศทาง

สามารถนำมาใช้เป็นหลักฐานในกรณีเกิดเหตุการณ์รุนแรง

ไม่เพียงเท่านั้น…เจ้าจีโนยังมีกระบอกฉีดน้ำตั้งตระหง่านอยู่บนหลังคารถ ซึ่งบรรจุน้ำได้มากถึง 12,000 ลิตร โดยแรงฉีดน้ำสามารถยิงระยะไกลได้สูงสุด 65 เมตรเลยทีเดียว และน้ำยังสามารถผสมใส่สี เช่น สีม่วง น้ำเงิน เขียว ทำให้สีติดตามร่างกายของผู้ถูกฉีด สามารถบ่งชี้ชัดในการแบ่งแยกกลุ่มผู้ชุมนุมออกจากประชาชน รวมไปถึงสามารถผสมแก๊สน้ำตา หรือโฟมดับไฟ ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในสถานการณ์ใด

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หนึ่งในคำถามสำคัญที่หลายคนสงสัย “น้ำสีฟ้า” เป็นสารเคมีหรืออะไรกันแน่?

“เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว” @textile.phys.and.chem วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และวิศวกรรม เฟซบุ๊กเพจ แหล่งข้อมูลทฤษฎีทางด้านเคมีและฟิสิกส์ของสิ่งทอและวิทยาศาสตร์นอกกระแสอื่นๆ โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ วันที่ 1 ก.ย.2562 ขออนุญาตคัดลอกตัดตอนให้เป็นความรู้ ดังนี้

อ้างอิงถึงที่ทางการของฮ่องกงได้มีการใช้งานสีย้อมสีน้ำเงินละลายน้ำ แล้วฉีดใส่ผู้ชุมนุมประท้วงเพื่อเป็นการยืนยันตัวตนของผู้ชุมนุมได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

แบบที่เรียกว่า…เป็นหลักฐานติดตัวอย่างน้อย 3-7 วันได้เลย

แอดเห็นสีที่ละลายน้ำที่เป็นสีน้ำเงิน (Blue)…แต่คราบสีที่ติดบนผิวหนังที่เป็นสีฟ้าอมเขียว (Greenish blue) บนร่างกายของผู้ชุมนุมนั้น

คาดว่า…สีที่ว่านั้นน่าจะคือ “เมธิลลีนบลู” (Methylene Blue) หรือไม่ก็สีในกลุ่มของ Azure A, B, C หรืออาจจะเป็นสีของ “Thionine” (Lauth’s violet) ก็ได้นะครับ

โดยสีทั้งหมดในซีรีส์นี้ต่างก็เป็นสีย้อมที่มีโครงสร้างส่วนให้สี (Chromophore) เป็น “ไธอะซีน” (Thiazines) ที่มีประจุบวก (cationic dyes) ที่สามารถติดบนวัสดุโปรตีน (Protein material) ทั้งผิวหนังคน เชื้อแบคทีเรีย รวมไปถึงเส้นใยไหมและขนสัตว์ได้ดี แม้ที่อุณหภูมิห้องนะครับ

และ…เมื่อทางการของฮ่องกงได้นำมาใช้ในการละลายน้ำฉีดใส่ผู้ชุมนุมนั้น ก็สามารถที่จะทำให้สีนั้นสามารถติดบนผิวหนังได้ตามระยะเวลาประมาณ 3–7 วัน ตามแต่ความเข้มและความสามารถในการ ขัดล้างของผู้ที่โดนฉีดสีเหล่านี้ (ตามอายุของขี้ไคลและหนังกำพร้าที่เกาะอยู่บนผู้เปื้อนสี)

หลายๆคนก็คงสงสัยว่า อ้าว…แล้วสีในกลุ่มนี้จะขัดไม่ออกเลยรึ?

สีกลุ่มนี้มีสภาพประจุบวกที่แรงมากๆที่สามารถติดบนวัสดุที่มีประจุลบ ทั้งๆที่มีคราบไขมัน รวมไปถึงเกิดพันธะไอออนิกกับหมู่ “คาร์บอก-ซิเลต” (Carboxylate : –COO) ของโปรตีนได้ดีมาก จึงทำให้การชำระล้างด้วยสารซักล้างธรรมดานั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยนะครับ เว้นแต่ว่าจะขัดคราบขี้ไคลหรือหนังกำพร้าออกจนหมด

ซึ่ง…ก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะมีความยากลำบากในการ ขัดออกมากๆ

แม้ว่าสีเหล่านี้จะสามารถถูกรีดักชัน (Reduction) ด้วยกลูโคสในสภาวะเบสแก่จน “สีหาย” ได้ แต่เมื่อทิ้งไว้สักพักในบรรยากาศที่มีออกซิเจนนั้น สีก็จะกลับกลายมายิ้มโชว์ความฟ้าอย่างชัดเจนอยู่ดี

ลองค้นหาคำว่า “Blue bottle experiment” ดู นอกจากนี้ สีกลุ่มนี้จะทนต่อสารฟอกขาวออกซิไดซ์ (oxidative bleaching agents) เช่น สารฟอกขาวคลอรีน และสารฟอกขาวเปอร์ออกไซด์ได้ดีมากๆเลย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

คือ…ได้แต่รอให้เวลาผ่านไปจนเกิดการผลัดเซลล์ผิวหนังนั่นแหละครับ ท่านผู้ชม!

#สีน้ำเงินที่ใช้ระบุตัวตนของผู้ชุมนุม #ไม่อันตรายเท่ากับสีลิปสติกบนเสื้อผ้าคุณผู้ชายแน่นอน

บันทึกเพิ่มเติม…มีหลายท่านก็มองดูเหมือนจะเป็น “มาลาไคต์กรีน” (Malachite Green) ที่ให้สีเขียวอมฟ้า (Bluish green) ก็เป็น ไปได้นะครับ เนื่องจากเป็น Cationic dyes เช่นเดียวกัน และมีคุณสมบัติเป็น Biological staining ได้ดีเช่นเดียวกัน เพียงแต่ว่ามีโครงสร้างส่วนให้สีเป็น Triarylmethane นะครับ

ตรงนี้…แอดจึงขอคาดเดาเพิ่มเป็นอีกหนึ่งตัวด้วยนะครับ แต่ถ้าหากจะย้อนกลับมามองเหตุการณ์ในบ้านเราในครั้งนี้ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นสารตัวเดียวกันหรือไม่ ต้องมีข้อมูลที่ชัดเจนอีกทีหนึ่ง

ในปี 2556 มีข้อมูลสะท้อนออกมาว่า “รถจีโนประจัญบานม็อบ” มีการใส่แก๊สน้ำตาแบบสารเคมีใส่สีผสมน้ำฉีดใส่ผู้ชุมนุม เมื่อถูกผู้ชุมนุมจะรู้สึกแสบร้อน เหมือนโดนแก๊สน้ำตาเช่นกัน ส่วน “น้ำมีสีม่วง” ที่ใช้สำหรับควบคุมฝูงชนนั้น เป็นการใช้สีผสมลงไป เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมเกิดความกลัว และล้างออกยากเมื่อถูกตามร่างกาย

ประเด็นน่าสนใจมีอีกว่า…จากการสอบถามข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ และการค้นหาข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) และองค์กรอาวุธเคมีระดับสากล เกี่ยวกับน้ำสีม่วง ที่ใช้ฉีดพ่นผู้ชุมนุมในหลายพื้นที่ของ กทม. ที่กลุ่มผู้ชุมนุมเชื่อว่าเป็นการนำน้ำผสมแก๊สน้ำตานั้น ในความเป็นจริงเป็นสารเคมีที่มีสีใช้ในการสลายการชุมนุม เพื่อให้ระบุตัวผู้ชุมนุมได้ง่าย เนื่องจากสีจะติดตามตัวและเสื้อผ้าทำให้ล้างออกได้ยาก

สารเคมีที่ใช้ คือ “โปแตสเซียมเปอร์แมงกาเนต (Potassium permanganate)” หรือ “ด่างทับทิม” ที่ใช้ละลายน้ำแช่ผักผลไม้ผสมกับโซเดียมไธโอซัลเฟต (Sodium thiosulphate) เพื่อให้ฉีดพ่นได้ดีขึ้น

สารเคมี 2 ชนิดนี้ เมื่อทำปฏิกิริยากันแล้ว จะทำให้เกิด “ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์” หรือ “กรดกำมะถัน” แบบเดียวกับฝนกรด ที่มีฤทธิ์ทำให้ผู้ที่สัมผัสกับสารนี้ เกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุตา ทางเดินหายใจและเมื่อทำปฏิกิริยากับน้ำ…ก็จะกลายเป็นกรดกำมะถันอ่อนๆ ที่มีค่า Ph ประมาณ 6.5-6.9

อาจเป็นเหตุให้ “ผู้ถูกน้ำสีม่วง” จะมีอาการแสบคันตามผิวหนังได้ ข้อแนะนำ คือ ถ้าโดนน้ำสีม่วงต้องล้างน้ำ หรือเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนออก

เงื่อนประเด็นสงสัย สิ่งที่คาใจประชาชน ไม่ว่าจะเป็น…“น้ำสีฟ้า” มีการผสม “แก๊สน้ำตา” หรือไม่ ถ้ามีได้รับการพิสูจน์หรือยังว่าปลอดภัยและไม่มีอันตรายไปมากกว่าการระคายเคือง…แสบร้อน? หรือแม้กระทั่งอัตราส่วนในการผสมน้ำสีม่วงจะมั่นใจได้แค่ไหนว่า ตำรวจจะไม่ผสมสารจนเข้มข้นเกินกว่าที่กำหนดว่าปลอดภัย?

ประเด็นเหล่านี้ทาง “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ก็ชี้แจงทำความเข้าใจให้ความกระจ่างไปแล้ว และยืนยันยํ้าได้อีกระดับหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะเป็นสารเคมี หรือสี ก่อนที่จะนำมาใช้จะต้องผ่านการตรวจสอบจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ เช่น อย. เพื่อเป็นการป้องกันการฟ้องร้องที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต.

 

The Asianparent Thailand เว็บไซต์และคอมมูนิตี้อันดับหนึ่งที่คุณแม่เลือก นอกจากสาระความรู้ที่เรามอบให้คุณแม่ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนมีลูกแล้ว เรายังมีแอพพลิเคชั่นรวมถึงสื่อมัลติมีเดียหลากหลายที่ช่วยตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณแม่ยุคใหม่ ที่ต้องทำงานและดูแลลูกไปพร้อมกัน ให้มีความมั่นใจและพร้อมในการดูแลลูกทุกช่วงเวลา ตั้งแต่การให้นมบุตร การดูแลตนเองหลังคลอด ท่าออกกำลังกายหลังคลอดเพื่อให้หุ่นของแม่หลังคลอดกลับมาฟิตแอนเฟิร์มอีกครั้ง  The Asianparent Thailand ขอเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนคุณพ่อคุณแม่ในเรื่องการดูแลลูก ความรู้แม่และเด็กที่เต็มเปี่ยม และตอบทุกข้อสงสัยในแอพพลิเคชั่นที่เป็นสื่อกลาง และกิจกรรมส่งเสริมความสัมพันธ์ในครอบครัวไทย

ขอบคุณข่าวจาก   https://www.thairath.co.th/news/politic/1955665www.dailynews.co.th

 

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ 

วิธีการพูดคุยกับครอบครัวเรื่องแท้ง ข่าวร้ายที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากพูดถึง

เด็กโดนทำร้ายร่างกาย สังเกตอย่างไร? ทำอย่างไรถึงจะรู้ว่าลูกโดนทำร้ายร่างกาย

พ่อลงโทษลูกสาววัย 10 ปี ให้เดินไปโรงเรียนด้วยตัวเองระยะทาง 8 กิโล

บทความโดย

nichnipa