ขอเสียงคุณแม่ที่เคยมีหรือกำลังมีอาการท้องเสียขณะตั้งครรภ์หน่อยค่ะ? คุณแม่ทราบไหมคะว่า เพราะอะไรจู่ ๆ คุณแม่ถึงเกิดอาการท้องเสียขึ้น และที่สำคัญจะส่งผลกระทบอะไรร้ายแรงหรือไม่นั้น ไม่ต้องกังวลไปค่ะ วันนี้เราจะมีคำตอบมาให้ค่ะ
ทราบไหมคะว่า อาการท้องเสียขณะตั้งครรภ์นั้น เป็นเรื่องปกติ แต่อาการท้องเสียของคุณแม่ตั้งครรภ์กับบุคคลธรรมดานั้น มีความแตกต่างกันตรงที่ อาการท้องเสียของคนทั่วไปนั้นส่วนใหญ่แล้วจะเกิดจากแบคทีเรีย แต่สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์นั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ ยกตัวอย่างเช่น
- ความไวของระบบการทำงานของอวัยวะภายใน ที่ส่งผลให้คุณแม่มีอาการท้องเสีย ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนหน้าที่ยังไม่ได้ท้องนั้น ไม่เคยมีอาการแต่อย่างใด
- วิตามินบางชนิด ที่ไปส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร
- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนขณะตั้งครรภ์
อาการท้องเสียมักไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยอย่างอาการท้องผูกในช่วงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่แล้วมักเป็นแค่ช่วงสั้น ๆ เท่านั้น หากคุณแม่มีอาการท้องเสียต่อเนื่องติดต่อกันนานเกินสองถึงสามวัน ให้รีบพบแพทย์ เพราะอาการท้องเสีย สามารถทำให้ร่างกายของคุณแม่ขาดน้ำได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการคลอดก่อนกำหนดอีกด้วย
ดูแลอย่างไร เมื่อมีอาการท้องเสีย
– หลีกเลี่ยงอาหารที่มีความเสี่ยงให้เกิดอาการแย่ลง ยกตัวอย่างเช่น ผลไม้แห้ง (ลูกพรุน) อาหารมันหรือรสจัด นม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณย่อยนมไม่ได้
– ควรรับประทานแต่อาหารอ่อน ๆ เช่น กล้วย ข้าว ซอสแอปเปิ้ล ขนมปัง รวมไปถึงอาหารอื่น ๆ ที่อุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ ดังนี้ แครอทสุก ซุปหรือต้มจืด เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ธัญพืช และมันฝรั่งเป็นต้น
– งดรับประทานเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเชิงเดี่ยวมาก ๆ เช่น น้ำแอปเปิ้ล น้ำองุ่น น้ำอัดลม
ท้องเสียขณะตั้งครรภ์จะส่งผลกระทบกับทารกในครรภ์ได้หรือไม่
อาการท้องเสียนั้น ไม่มีผลกระทบต่อทารกในครรภ์ค่ะ เพราะเชื้อโรคทั้งหลายอยู่เฉพาะในลำไส้เท่านั้น แต่อาจจะมีผลแค่ทำให้ลูกดิ้นมากผิดปกติเท่านั้นเอง เนื่องจากมดลูกถูกรายล้อมรอบด้วยลำไส้ เมื่อท้องเสีย ลำไส้จะบีบตัวเสียงดังโครกคราก เสียงอาจจะรบกวนการนอนของเจ้าหนูเท่านั้นเอง แต่ไม่มีอันตรายต่อทารกอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ทั้งนั้น คุณแม่ควรสังเกตอาการของตัวเองให้ดี หากท้องเสียติดต่อกัน 2-3 วันอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการอื่น ๆ ที่แสดงถึงอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง กระหายน้ำ ปัสสาวะมีสีเข้ม อ่อนเพลีย หน้ามืด เวียนศีรษะ เมื่ออุจจาระมีเลือดปนหรือออกสีดำ มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส มีอาการปวดท้องมาก หรือปวดบริเวณทวารหนัก ควรรีบพบแพทย์โดยทันทีค่ะ
ที่มา: Belly Belly