อยากให้ลูกผิวสวย ผิวขาว ทำอย่างไรให้ลูกผิวดี?

คุณพ่อคุณแม่หลายท่านอยากให้ลูกผิวสวย หลายท่านอยากทราบว่าทำอย่างไรให้ลูกผิวสวย สุขภาพดีดี เราเลยหาคำตอบมาให้ค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

พ่อแม่คนไหน อยากให้ลูกผิวสวย สุขภาพดี อ่อนโยน เนียนนุ่ม แต่ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี วันนี้เรามีเคล็ดไม่ลับมาฝากกันค่ะ 

 

ผิวของเด็กและทารกนั้นมีความบางและอ่อนโยนมากกว่าผิวผู้ใหญ่ จึงตอบสนองต่อสิ่งระคายเคืองภายนอกเร็วกว่าและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ หลายอย่างก็ไม่สามารถใช้ชีวิตของการดูแลผิวแบบผู้ใหญ่ได้ ดังนั้น หากพ่อแม่อยากให้ลูกมีผิวสวย สุขภาพดี จำเป็นต้องระมัดระวังหลายอย่าง และมีขั้นตอนดูแลอย่างพิถีพิถัน ซึ่งเราได้รวบรวมมาไว้ให้ในบทความนี้แล้วค่ะ

 

อยากให้ลูกผิวขาว กินอะไรดี หรือ ทำไงดี?

เป็นไปไม่ได้ที่คุณจะทำให้ลูกผิวขาวกว่าผิวของพ่อแม่

แทนที่จะมานั่งกังวลหรือใส่ใจว่าลูกจะผิวขาวไหม ควรสอนให้เขาเข้าใจและคุณเองก็ควรทำความเข้าใจเสียใหม่ด้วยว่า คุณค่าของมนุษย์ไม่ได้ผูกติดอยู่กับค่านิยมเรื่องสีผิว ไม่ว่าลูกจะมีผิวสีใด ก็สามารถเป็นคนที่ดีของสังคม สามารถมีความเชื่อมั่น มั่นใจในตนเองได้ทั้งนั้น

ที่สำคัญ คือ สีผิวของมนุษย์นั้นขึ้นอยู่กับพันธุกรรมและยีนส์ ไม่ได้เกี่ยวกับอาหารที่คุณแม่ทานตอนท้องค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

สีผิวเป็นผลมาจากการผสมระหว่างยีนส์เด่นกับยีนส์ด้อยของพ่อแม่ ทั้งนี้ไม่มียีนส์เฉพาะที่ควบคุมสีผิวของเด็กที่คลอดออกมา แต่สีผิวหรือลักษณะทางกายภาพใด ๆ ของเด็กที่คลอดออกมานั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันระหว่างยีนส์หลายยีนส์ค่ะ (ข้อมูลจาก https://health.howstuffworks.com/)

การที่ลูกจะมีผิวขาวหรือไม่ขาว ขึ้นอยู่กับพันธุกรรมจากพ่อแม่  สีผิวเป็นผลมาจากการผสมระหว่างยีนเด่นกับยีนด้อยของพ่อแม่ แม้ว่าไม่มียีนเฉพาะที่ควบคุมสีผิวของเด็กที่คลอดออกมา แต่สีผิวหรือลักษณะทางกายภาพใด ๆ ของเด็กที่คลอดออกมานั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันระหว่างยีนหลายยีน

ดังนั้น จึงไม่อยากให้พ่อแม่มายึดติดที่เรื่องสีผิวของลูกมากเกินไป การมีผิวขาวก็เป็นเรื่องดี แต่ดีที่สุดคือ การมีผิวสุขภาพดีมากกว่า แทนที่จะมานั่งกังวลหรือใส่ใจว่าลูกจะผิวขาวไหม ควรสอนให้เด็กเข้าใจและพ่อแม่ควรปรับมุมมองใหม่ว่า คุณค่าของมนุษย์ไม่ได้ผูกติดอยู่กับค่านิยมเรื่องสีผิว ไม่ว่าลูกจะมีผิวสีใด ก็สามารถเป็นคนที่ดีของสังคม สามารถมีความเชื่อมั่น มั่นใจในตนเองได้

 

อยากให้ลูกผิวสวย ผิวดีอย่างมีสุขภาพดีด้วย ควรทำอย่างไร?

1. การเลือกสบู่อาบน้ำให้ลูก

ใช้สบู่เหลวสำหรับเด็กและทารกโดยเฉพาะ เพื่อไม่ให้ผิวลูกเกิดการระคายเคือง ที่สำคัญควรเลือกสบู่อาบน้ำที่อ่อนโยนและทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม และให้เช็กส่วนผสมของสบู่ให้ดีก่อนซื้อ ให้หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ชื่อว่า Sodium Lauryl Sulphate (SLS) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้เกิดฟองสบู่ และควรหลีกเลี่ยงสารต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง เช่น แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน เป็นต้น 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

• หากลูกของคุณยังเป็นทารก ใช้น้ำเปล่าอาบก็พอแล้ว
• ถ้าหากจะใช้สบู่อาบน้ำ ควรใช้แค่นิด ๆ หน่อย ๆ ก็พอ
• ที่สำคัญควรเลือกสบู่อาบน้ำที่อ่อนโยนและทำมาจากวัตถุดิบธรรมชาติ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันปาล์ม

• อ่านส่วนผสมของสบู่ให้ดีก่อนซื้อมาอาบน้ำให้ลูกด้วย สบู่อาบน้ำส่วนมากจะมีสารเคมีที่ชื่อว่า Sodium Lauryl Sulphate (SLS) ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ทำให้เกิดฟองสบู่ แนะนำว่าอย่าเลือกสบู่ที่มีสารเคมีชนิดนี้ผสมอยู่ และต้องไม่ใส่น้ำหอมด้วย

 

2. บำรุงด้วยโลชั่นสม่ำเสมอ

บำรุงผิวลูกด้วยโลชั่นอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ลูกผิวชุ่มชื้นสุขภาพดีได้ โดยต้องเลือกโลชั่นที่มีส่วนผสมของมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่มีประสิทธิภาพ เช่น กรดไฮยาลูรอนิค เซราไมด์ และเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อผิวเด็กและทารก เช่น พาราเบน พาทาเลท ซัลเฟต สารลดแรงตึงผิว หรือสีสังเคราะห์ต่าง ๆ เป็นต้น และนอกจากโลชั่นแล้ว ยังมีเคล็ดลับเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวลูก คือ หลังลูกอาบน้ำ ให้ทาเบบี้ออยล์ในขณะที่ตัวลูกยังหมาด ๆ พอแห้งแล้วค่อยลงโลชั่นต่อ จะช่วยให้ผิวลูกเนียนนุ่มชุ่มชื้นได้อย่างยาวนาน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

3. ป้องกันลูกจากแสงแดดจ้า

การทำกิจกรรมนอกบ้านเป็นเรื่องดี แต่ควรเลือกช่วงเวลาที่แดดอ่อน ๆ และไม่ควรตากแดดนานเกินไป หากลูกอายุได้ 6 เดือนขึ้นไป สามารถเลือกซื้อครีมกันแดดสำหรับเด็กและทารกมาใช้ได้ เช่น ครีมกันแดดที่ทำมาจากธรรมชาติ ใช้ zinc oxide เป็นส่วนประกอบ สำหรับเด็กโตนั้น แนะนำให้ใช้ครีมกันแดด ที่ป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอ และยูวีบีด้วย (broad-spectrum sunscreen) และมีค่า SPF ตั้งแต่ 15 ขึ้นไป โดยทาครีมกันแดดให้ลูกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนออกไปเจอแดดจ้า และต้องทาอีกทุก ๆ สองชั่วโมง

ขอบคุณข้อมูลจาก https://www.onlymyhealth.com/

 

4. ป้องกันการโดนแมลงสัตว์กัดต่อย

พยายามป้องกันไม่ให้ลูกไปเล่นในบริเวณที่มีความเสี่ยงในการโดนแมลงสัตว์กัดต่อย แต่หากโดยแมลงกัดแล้ว ต้องรีบทายาหรือรักษาทันที เพื่อให้แผลยุบตัวโดยเร็ว และไม่เกิดอาการคัน เพราะหากปล่อยไว้ ด้วยความเป็นเด็กจะไม่สามารถอดทนต่อการเกาได้ พอเกามาก ๆ ก็จะทิ้งรอยแผลเป็นมากยิ่งขึ้น และอาจรักษายากในภายหลัง

 

5. ใส่ใจเรื่องอาหารและน้ำ

ควรให้ลูกดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพอทุกวัน น้ำจะช่วยให้ผิวพรรณของเด็ก ๆ ชุ่มชื่น และส่งผลให้มีสุขภาพดีตามมา ส่วนอาหารต่าง ๆ ที่ทานแล้วช่วยให้เด็กมีผิวสวย มีสุขภาพผิวดีนั้นมีมากมาย เช่น ผลิตภัณฑ์จากนม ชีสโยเกิร์ต หรือจะเป็นโปรตีนจากไข่ ปลา และเนื้อ รวมทั้งผัก ข้าวโอ๊ตแบบเม็ด (ไม่ได้บด) และข้าวกล้อง เป็นต้น

 

6.ใช้แป้งเด็กจากข้าวโพดแทนแป้งจากทัลคัม 

ทัลค์หรือทัลคัม (Talcum) เป็นส่วนผสมหลักในผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นโรยตัว โดยกฎหมายกำหนดให้มีการแสดงคำเตือนที่ฉลากของผลิตภัณฑ์แป้งฝุ่นสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ว่า “ระวังอย่าให้แป้งเข้าจมูกและปากของเด็ก” เนื่องจากทัลคัมจัดเป็นสารอนินทรีย์ จึงไม่ถูกย่อยสลายตามธรรมชาติ ดังนั้น ถ้าโรยแป้งฝุ่นในปริมาณมาก ผงแป้งจะลอยฟุ้งกระจายในอากาศ หากสูดดมเข้าไปเป็นเวลานาน จะเกิดการสะสมเป็นก้อนในปอดทำให้เกิดโรคทางเดินหายใจหรืออาจเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้ จึงควรหลีกเลี่ยงการโรยแป้งไปที่ตัวโดยตรง หรือให้ดีที่สุดคือเลี่ยงการใช้แป้งทัลคัม แล้วหันมาใช้แป้งที่สกัดมาจากพืชธรรมชาติ ไม่มีสารตกค้างสู่ร่างกาย อย่างเช่นแป้งเด็กที่ทำจากแป้งข้าวโพด 100% เป็นต้น

 

Johnson’s baby Cornstarch แป้งเด็กจากข้าวโพด 100% ตัวช่วยให้ผิวลูกสวยอย่างปลอดภัย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://bit.ly/johnson-corn-powder

 

จอห์นสันให้ความสำคัญในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กที่มีความปลอดภัย และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ได้มีการปรับสูตรแป้งเด็กครั้งใหญ่ กลายมาเป็น Johnson’s baby Cornstarch ที่ผลิตจากแป้งข้าวโพดธรรมชาติ 100% ไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ไม่มีส่วนผสมของทัลคัม ที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายของลูก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถดูดซับความชื้นได้มากกว่าแป้งทัลคัมสูตรเดิม 2 เท่า ทำให้เวลาทาผิวลูกได้ง่าย ผิวลูกจะแห้งสบายเนียนนุ่มได้ยาวนานมากยิ่งขึ้น มาพร้อมกับ 4 กลิ่นหอมให้เลือกตามความชอบ ได้แก่ Blossom Bedtime Classic และ Aloevera

 

  • Johnson’s baby Cornstarch Blossom 

แป้งเด็ก จอห์นสัน คอร์นสตาร์ช บลอสซั่ม เบบี้ พาวเดอร์  ช่วยดูดซับความชื้นได้ดีขึ้น 2 เท่า  ลดโอกาสการเกิดผิวแพ้ง่าย มาพร้อมกลิ่นหอมที่แม่ ๆ คุ้นเคยกันดี เป็นสูตรยอดนิยมมาอย่างยาวนาน 

 

  • Johnson’s baby Cornstarch Bedtime 

แป้งเด็ก จอห์นสัน คอร์นสตาร์ช เบดไทม์ เบบี้ พาวเดอร์ สูตรนี้มาพร้อมพร้อมกลิ่นหอมดอกมะลิ และดอกลิลลี่ เมื่อใช้ร่วมกับการทำกิจวัตรก่อนเข้านอนจะช่วยให้ลูกน้อยหอมผ่อนคลายสบายผิว แนะนำให้ใช้ก่อนเข้านอน ทาเป็นตัวลูกน้อยแล้วนวดเบา ๆ จะทำให้ลูกผ่อนคลาย และหลับสบายตลอดคืน 

 

  • Johnson’s baby Cornstarch Classic

แป้งเด็ก จอห์นสัน คอร์นสตาร์ช คลาสสิค เบบี้ พาวเดอร์ สูตรนี้เพิ่มความพิเศษ คือ ผ่านการทดสอบจากแพทย์ผิวหนัง ว่ามีความปลอดภัยแม้ใช้กับเด็กทารก ออกแบบมาให้เหมาะสำหรับกับผิวทารกแรกเกิดโดยเฉพาะ 

 

  • Johnson’s baby Cornstarch Aloevera

แป้งเด็ก จอห์นสัน คอร์นสตาร์ช อโลเวร่า เบบี้ พาวเดอร์ สูตรนี้ไม่เพียง ช่วยดูดซับความชื้นได้ดีขึ้น 2 เท่า แต่ยังมีส่วนผสมของอโลเวร่าและวิตามิน E ที่ช่วยให้ผิวลูกน้อยชุ่มชื้น บำรุงให้ผิวสุขภาพดี 

 

หัวใจสำคัญของการมีผิวสุขภาพดี คือ ต้องดีจากภายในสู่ภายนอก เพื่อให้ลูกรักมีสุขภาพที่ดี ไปพร้อม ๆ กับการมีผิวพรรณสดใส เปล่งปลั่ง คุณพ่อคุณแม่ลองนำเคล็ดลับดูแลผิวลูกตามที่แนะนำไปลองใช้ เชื่อว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างแน่นอนค่ะ

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team