ข้อห้ามสำหรับคนท้อง
รายการต่อจากนี้เป็นข้อห้ามที่คนท้องยุคใหม่ควรหลีกเลี่ยง ข้อห้ามสำหรับคนท้อง จะมีอะไรบ้าง ไปติดตามพร้อมกันเลย
1. เลเซอร์กำจัดขนถาวร
การแวกซ์ขน สำหรับผู้หญิงตั้งครรภ์ดูจะปลอดภัยกว่าการกำจัดขนแบบอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้เลเซอร์ ที่อาจมีความเสี่ยง เนื่องจากสารเคมีจากเลเซอร์อาจทะลุผ่านผิวหนัง ทำให้เกิดอาการแพ้ และระคายเคืองได้ แม้ว่าผลกระทบที่เป็นอันตรายอื่น ๆ ยังไม่ถูกค้นพบ แต่เลเซอร์กำจัดขน ก็เป็นหนึ่งในสิ่งต้องห้ามสำหรับหญิงตั้งครรภ์ รวมไปถึงคุณแม่ที่ยังเลี้ยงลูกน้อยด้วยนมตัวเอง
2. การฉีดโบท็อกซ์
อันที่จริงแล้ว ยังไม่มีหลักฐานหรือข้อเท็จจริงที่ว่า โบท็อกซ์สามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้หญิงตั้งครรภ์และลูกน้อย ข้อมูลงานศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับหัวข้อนี้ยังมีอยู่อย่างจำกัดและไม่แพร่หลาย อย่างไรก็ตาม สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) แนะนำว่าผู้หญิงตั้งครรภ์ หรือผู้หญิงที่กำลังวางแผนว่าจะมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ หรือศัลยแพทย์ก่อนได้รับการฉีดโบท็อกซ์
3. Beta Hydroxy Acids (BHA)
หากผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่คุณใช้อยู่ มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ควรหยุดใช้ในทันที สารในกลุ่มของ BHA หรือ Beta Hydroxy Acids คือ กรดซาลิไซลิกที่ถูกออกแบบมาให้สามารถซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง และยังทำหน้าที่คล้ายสารเคมีที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวลอกได้ ดังนั้นคุณแม่ท้องจึงควรตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าอย่าง Toner หรือ Cleanser ของคุณให้ดี หากผลิตภัณฑ์ที่ใช้อยู่มีส่วนผสมของ กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) หรือ เบต้า ไฮดรอกซี่ เอซิด ( BHA) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวในระหว่างตั้งครรภ์
4. การศัลยกรรมเพิ่มขนาดทรวงอก
สำหรับคุณแม่ที่เคยผ่านการศัลยกรรมทรวงอกมาก่อน การให้นมลูกยังคงสามารถทำได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามในงานศึกษาส่วนหนึ่งพบว่า หญิงที่ผ่านการเพิ่มขนาดทรวงอกอาจประสบปัญหามีน้ำนมไม่เพียงพอมากกว่าปกติถึงสามเท่า อีกทั้งการศัลยกรรมที่ไม่มีความจำเป็นนั้น ไม่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับว่าที่คุณแม่ เนื่องจากการใช้ยาชาหรือยาสลบอาจมีผลกระทบหรือก่อให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อเด็กในครรภ์ได้
5. คลาสออกกำลังอย่างหนัก
คลาสออกกำลังกายยอดนิยมอย่าง Boot Camp หรือการออกกำลังที่เหมือนอยู่ในค่ายทหาร และการเต้นแซมบ้า เป็นสิ่งที่ไม่ต้องพูดถึงเลยสำหรับหญิงมีครรภ์ เนื่องจากกิจกรรมเหล่านี้หนักเกินไปสำหรับหญิงตั้งครรภ์ กิจกรรมเหล่านี้อาจทำให้เกิดการผิดปกติของกระดูกข้อต่อและการทรงตัว ซึ่งว่าที่คุณแม่ควรใส่ใจดูแลทั้งสองสิ่งนี้เป็นพิเศษ
6. การทำความสะอาดมูลแมว
มูลแมวมีส่วนประกอบของ Toxoplamosis ซึ่งมีส่วนทำให้เกิดความผิดปกติในการคลอดบุตร Toxoplamosis เป็นเชื้อปรสิตชนิดหนึ่งที่มีแมวเป็นพาหะนำโรค ดังนั้นหากคุณเลี้ยงแมว ควรอยู่ให้ห่างมูลของเจ้าเหมียวและหากเป็นไปได้ควรปล่อยให้หน้าที่ทำความสะอาดมูลแมวเป็นของคนอื่นจะดีกว่า
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
กินกรดโฟลิกตอนท้อง แล้วลูกจะคลอดออกมาฉลาดจริงหรือ?
คนท้องกินปลาร้าได้ไหม เกิดอะไรขึ้นกับคนท้องที่กินปลาร้า ไปดูกรณีตัวอย่าง
การนอนของทารกในครรภ์ ลูกในท้องนอนกี่ชั่วโมง ตื่นตอนไหน หิวตอนไหน