ชีวิตประจำวันของเราล้วนมี ภาษาอังกฤษ ตั้งแต่จําความได้ ภาษาอังกฤษ ก็เข้ามาเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยเฉพาะการเปิด AEC ที่ทำให้เราต้องติดต่อ กับชาวต่างชาติที่เข้ามาในประเทศมากขึ้นด้วยการใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางนั่นเอง เห็นได้ชัดว่าการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีจะมีความได้เปรียบในหลาย ๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเรียนที่สามารถค้นคว้าสื่อการสอน และงานวิจัยภาษาอังกฤษซึ่งครอบคลุมมากกว่า หรือการทำงานที่จำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสาร
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ต้องการให้ลูกน้อยเก่งภาษาอังกฤษตั้งแต่เด็ก แต่ยังมีความกังวลใจในหลาย ๆ เรื่องจนไม่กล้าเริ่ม อาทิ “เราทั้งคู่ไม่เก่งภาษาอังกฤษแล้วจะสอนลูกได้หรือ” “ลูกยังเด็กเกินไปที่จะสอนภาษาที่สองหรือเปล่า” ก่อนอื่นต้องเปลี่ยนความคิดที่มีต่อภาษาอังกฤษของคุณพ่อคุณแม่เสียก่อนด้วยการสำรวจว่าคุณยังมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษที่เป็นอุปสรรคต่อการเรียนรู้ของลูกหรือเปล่า แล้วมาเพิ่มความมั่นใจกันด้วยเทคนิคการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกน้อยเก่งภาษาง่าย ๆ ได้ที่บ้าน
สลัดความเชื่อเหล่านี้ ก่อนที่จะสอนภาษาอังกฤษให้ลูก มีอะไรบ้างมาดูกัน
1.เราไม่เก่งภาษาอังกฤษจะสอนลูกได้มั้ยนะ
คิดในแง่ดีว่านี่คือโอกาสที่คุณจะได้เรียนภาษาอังกฤษไปพร้อม ๆ กับลูกน้อย การเตรียมความพร้อมในการสอนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งสำคัญในการปูพื้นฐานด้านภาษาที่ดี หากคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ไม่เก่งภาษา ลองหาตัวช่วยในอินเตอร์เน็ตเป็นเว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กตั้งแต่ขั้นพื้นฐาน เริ่มจาก สอนการออกเสียง คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และเทคนิคดี ๆ ที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับลูกน้อยของคุณได้ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในการสอนภาษาอังกฤษให้เด็ก ๆ ก็คือ การออกเสียงที่ถูกต้อง หากคุณพ่อคุณแม่ไม่มั่นใจเรื่องการออกเสียงคำต่าง ๆ ก็ลองเช็กในเว็บไซต์ได้ หรือวิธีง่ายที่สุดก็คือใน Google translate ที่สามารถพิมพ์คำแล้วให้โปรแกรมอ่านออกเสียงที่คุณพ่อคุณแม่สามารถฝึกตามได้ง่าย ๆ
2.ลูกอายุ 2 ขวบ เด็กเกินไปที่จะเรียนภาษาที่สองหรือเปล่า?
คำตอบคือ ‘ไม่’ เลย เพราะจากผลการวิจัยของดร.แพทริเซีย คัลห์ (Dr.Patricia Kuhl) แห่งมหาวิทยาลัยวอชิงตัน เผยว่า “มนุษย์เราสามารถเรียนรู้ภาษาต่างประเทศได้ดีที่สุดในช่วงอายุแรกเกิด – 7 ปี” เพราะฉะนั้นนี่คือช่วงเวลาทองแห่งการเริ่มต้นเรียนรู้ภาษาที่สองอย่างแท้จริง อย่างที่เรากล่าวกันว่าสมองของเด็กเล็กนั้นเปรียบเสมือฟองน้ำที่คอยซึมซับความรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบตัว และสิ่งที่พ่อแม่ทำให้ดูเป็นประจำ อย่าลืมว่าการเรียนรู้ภาษาอังกฤษในเด็กเล็กเน้นที่การสร้างคำศัพท์เพื่อให้เด็ก ๆ จดจำ ไม่ใช่การเรียนแกรมมาร์ยาก ๆ ชวนปวดหัว
คุณพ่อคุณแม่อาจเริ่มต้นฝึกจากสิ่งที่เด็กเล็กสนใจ อาทิ การ์ตูน การ์ดเกมคำศัพท์ นิทาน และเพลงภาษาอังกฤษ โดยสอดแทรกคำศัพท์ง่าย ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวันจากนิทานหรือเพลง อย่างเพลงเกี่ยวกับสัตว์ก็อาจชี้ให้น้องดูรูปภาพสัตว์หรือสัตว์เลี้ยงในบ้านแล้วเรียกเป็นภาษาอังกฤษบ่อย ๆ แล้วให้เด็ก ๆ ออกเสียงตาม จะช่วยทำให้เด็ก ๆ จดจำได้โดยอัตโนมัติเมื่อเขาเห็นแมวว่านี่คือ Cat โดยที่ไม่ต้องท่องจำ เมื่อมีคลังคำศัพท์มากขึ้นแล้วก็เริ่มสร้างประโยคคำถามง่าย ๆ ให้น้องตอบ อาทิ What is it? Is it a…? เป็นต้น
3.กลัวโดนหาว่าดัดจริต ถ้าออกเสียงเป๊ะเหมือนฝรั่ง
มองในมุมกลับกันว่าการออกเสียงเป๊ะ ๆ เหมือนเจ้าของภาษาเป็นข้อดี และน่าชื่นชมต่างหาก เพราะการออกเสียงที่ถูกต้องจะทำให้ผู้สนทนาเข้าใจในสิ่งที่เราต้องการสื่อสารได้อย่างง่ายดาย ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าการออกเสียง และสำเนียงนั้นมีความแตกต่างกัน ในส่วนของสำเนียง หากไม่ใช่เจ้าของภาษาหรือผู้ที่เติบโตมาในสังคมที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ก็ยากที่จะมีสำเนียงเหมือนเจ้าของภาษาแบบ 100% ส่วนการออกเสียงให้เหมือน หรือคล้ายกับเจ้าของภาษานั้นเน้นที่การสื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่เราพูด คล้ายกับในภาษาไทยเช่นเดียวกันที่หากออกเสียงผิด ความหมายก็อาจคลาดเคลื่อนได้
4.ต้องบังคับให้ลูกเรียนทุกวัน ลูกจะได้เก่ง ๆ
อันนี้เป็นความเชื่อที่ผิดมาก ๆ การบังคับและกดดันให้เด็กท่องจำทุกวันจะทำให้เด็ก ๆ เกิดความเครียดที่อาจนำไปสู่อาการต่อต้านภาษาอังกฤษได้ สิ่งที่ คุณพ่อ คุณแม่ ควรทำคือสร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ผ่อนคลาย และไม่เคร่งเครียดจนเกินไป จะทำให้การเรียนรู้สิ่งใหม่ง่ายขึ้น รวมถึงให้คำชมเมื่อลูกทำได้ดี ไม่ตำหนิเมื่อลูกพูดผิด อาจใช้วิธีการทวนคำที่ถูกต้องแทน เพื่อให้ลูกจดจำ ช่วงเวลาที่ดีในการฝึกภาษาอังกฤษมากที่สุดช่วงหนึ่งก็คือ ช่วงการเล่านิทานก่อนนอน ซึ่งเป็นช่วงที่เด็ก ๆ ผ่อนคลายและมีสมาธิ คุณพ่อ คุณแม่ อาจเล่านิทานภาษาอังกฤษที่มีคำหรือประโยคที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน แล้วใช้ประโยคเดียวกันนั้นในสถานการณ์จริง จะมีส่วนช่วยให้เด็ก ๆ เรียนรู้ได้เร็วขึ้น
เคล็บลับวิธีการสอนภาษาอังกฤษให้ลูกรู้สึกอยากเรียนมากขึ้น
1.ทำให้เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ
เด็กจะเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุน กระบวนการเรียนรู้ของพวกเขาอย่างเต็มที่ ให้บรรยากาศมีประสิทธิผลเพื่อให้พวกเขาเริ่มเข้าใจความแตกต่างของภาษาจากทุกที่ สิ่งเหล่านี้อาจมาจากการสนทนากันเองหรือทางโทรศัพท์ดูสื่อที่พูดภาษาอังกฤษแบบมืออาชีพและอื่น ๆ
2.การสอนภาษาอังกฤษสามารถทำดนตรีได้
ผู้ปกครองส่วนใหญ่หันมาใช้วิธีการสอนภาษาอังกฤษตามตำราเรียนทันที สำหรับเด็กเล็กสิ่งนี้อาจน่าเบื่อค่อนข้างเร็ว คุณสามารถเริ่มใช้เพลงบทกวีหรือแม้แต่เพลงจริงที่มีเนื้อเพลงภาษาอังกฤษอยู่ในนั้นได้ สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเพลงที่เรียบง่ายแม้กระทั่งเพลงยอดนิยม ด้วยการฟังคำศัพท์ และจังหวะของการสนทนาเด็ก ๆ สามารถทำความคุ้นเคยกับเสียงของภาษา และความหมายของภาษาได้มากขึ้น และเริ่มหยิบรายละเอียดปลีกย่อยเหล่านี้มาใช้ได้
3.สนทนาภาษาอังกฤษที่บ้าน
เด็กตัวเล็ก ๆ จะไม่สามารถเริ่มสร้างประโยคหรือจัดโครงสร้างความคิดของพวกเขาเป็นภาษาอังกฤษได้ทันที ดังนั้นจึงจำเป็นที่พวกเขาจะต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารสิ่งที่พวกเขาสามารถทำได้เป็นภาษาอังกฤษอยู่แล้ว พูดคุยกับพวกเขาเกี่ยวกับกิจกรรมประจำวัน และสิ่งที่คุณมักจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ ตั้งแต่การถามพวกเขาว่าพวกเขาแปรงฟันไปจนถึงการสอนวิธีวลีคำถามเมื่อพวกเขาต้องการถามอะไรคุณ ตัวอย่างเช่นหากพวกเขาต้องการนมแทนที่จะพูดว่า “ฉันต้องการนม” ในภาษาแม่ของคุณขอแนะนำให้พวกเขาสร้างคำขอที่เหมาะ
4.สร้างความสนุกสนานให้กับภาษาอังกฤษด้วยการเปลี่ยนเป็นเกม
การอ่านหนังสือหรือพูดคุยภาษาอังกฤษไม่ใช่วิธีเดียวในการเรียนรู้ภาษา การเล่นเกมและกิจกรรมสนุก ๆ ที่อาศัยการทำความเข้าใจความหมายของภาษาช่วยให้เด็กเข้าใจลึกซึ้งยิ่งขึ้น เกมต่าง ๆ ช่วยให้พวกเขาแสดงความคิดในรูปภาพในขณะที่พยายามว่ารูปภาพจะแปลเป็นคำภาษาอังกฤษได้ดีที่สุด การทายคำใบ้จะเน้นไปที่การแสดงออกท่าทางมือ และภาษากายทำให้ถ่ายทอดสิ่งที่ต้องการพูดผ่านตัวชี้นำที่ไม่ใช่คำพูดได้ดีขึ้น
5.การเรียนรู้เป็นเรื่องสนุกเมื่อถูกเล่าผ่านเรื่องราว
เด็ก ๆ มีจินตนาการที่สดใสและเป็นภาพ การใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ในขณะที่สอนภาษาอังกฤษเป็นวิธีที่ดีในการทำให้พวกเขาเรียนรู้ ใช้หนังสือนิทานที่มีภาพประกอบเพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่าคำต่าง ๆ ช่วยให้เห็นภาพสภาพแวดล้อมตัวละครและการตั้งค่าอย่างไร บอกเล่าเรื่องราวและใช้คำต่างๆเพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจว่ามันเปลี่ยนแปลงการรับรู้ของพวกเขาอย่างไร ตัวอย่างเช่นช่วยให้พวกเขาเห็นภาพว่าแม่น้ำต่างจากลำธารลำห้วยหรือลำธารอย่างไร การใช้ภาพและเสียงช่วยให้พวกเขาแสดงความคิดได้ดีขึ้น
6.ไวยากรณ์สามารถทำได้ง่ายโดยการทำซ้ำ
การสอนไวยากรณ์ให้กับเด็ก ๆ อาจเป็นเรื่องที่ต้องทำ การสอนไวยากรณ์ภาษาอังกฤษให้กับเด็ก มักจะทำเมื่อเด็กเข้าเรียนในระดับหนึ่งที่โรงเรียน จำนวนกฎและรูปแบบโครงสร้างประโยคสามารถทำให้เหลือเชื่อ วิธีที่ดีที่สุดในการแนะนำพวกเขาสู่โลกของไวยากรณ์คือการใช้ไวยากรณ์ที่ถูกต้องในบทสนทนาทั่วไป ช่วงเวลาที่พวกเขาใช้ไวยากรณ์ผิดให้พวกเขาได้ยินประโยคที่มีไวยากรณ์ที่ถูกต้องและทำให้พวกเขาเข้าใจว่าประโยคใดฟังดูดีกว่าและถูกต้องที่จะพูด ด้วยการใช้ซ้ำ ๆ ในชีวิตประจำวันมากพอเด็ก ๆ สามารถเริ่มใช้วิธีสร้างประโยคที่ถูกต้องได้
7.ผสมเกมที่พวกเขาชอบไปกับการสอนภาษาอังกฤษ
ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะพร้อมเรียนภาษาอังกฤษในแบบที่คุณต้องการ ดังนั้นจึงควรรวมภาษาเข้ากับกิจกรรมที่พวกเขาชอบอยู่แล้ว หากลูกของคุณสนุกกับการเล่น Jenga คุณสามารถปรับแต่งเกมได้โดยการเขียนคำถามในบล็อก Jenga และ ลูกของคุณจะต้องตอบคำถามก่อนที่รอบจะดำเนินต่อไป หากพวกเขาสนุกกับการไขปริศนา และปริศนาคุณอาจใช้เบาะแส โดยใช้สมุดที่มีช่องว่างหรือวลีและบทกวีภาษาอังกฤษที่พวกเขาต้องจำ และทำให้สมบูรณ์เพื่อให้ได้เบาะแสต่อไป
8.การแสดงออกอย่างสร้างสรรค์เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการวัดความก้าวหน้า
เพื่อให้แน่ใจว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง สิ่งสำคัญมาก ที่จะต้องรู้ว่าลูกของคุณยืนอยู่ที่ไหนและคุณจะสามารถเรียนรู้ได้สูงขึ้น เลือกวันและเวลา และขอให้ลูกของคุณเขียนเรื่องราวหรือบทกวีของตัวเองหรือพูดคุยเกี่ยวกับสิ่งที่น่าสนใจที่เกิดขึ้นในสัปดาห์นั้น ช่วยพวกเขาจดบันทึกแม้ว่าจะมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ และการสะกดคำหลายคำ ให้พวกเขาแสดงออกอย่างเป็นขั้นตอนแล้วค่อย ๆ แก้ไขไป
9.ไม่มีอะไรดีไปกว่าการดูภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
การเรียนรู้ควรให้ความบันเทิงเสมอ และเด็ก ๆ สามารถลงไปในโซนแห่งความเบื่อหน่ายและหาสิ่งอื่นเพื่อดึงดูดความสนใจได้อย่างรวดเร็ว แสดงภาพยนตร์ภาษาอังกฤษที่เหมาะสมและให้พวกเขาได้สัมผัสกับบทสนทนาและโครงเรื่อง จากนั้นขอให้พวกเขาสวมบทบาทตัวละครบางตัว หรือเล่าเรื่องด้วยคำพูดของตนเองเป็นภาษาอังกฤษ
เห็นไหมว่าการสอนภาษาอังกฤษให้เด็ก ๆ กลายเป็นเด็กสองภาษานั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากจนเกินไป สิ่งสำคัญคือคุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นฝึกฝนบ่อย ๆ และทำให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง เพราะเด็กเล็กมักจะเลียนแบบพฤติกรรมจากคนใกล้ตัวนั่นเอง มาสร้างครอบครัวสองภาษาด้วยการเริ่มต้นฝึกภาษาอังกฤษกัน
ดังที่อาจารย์ขยัน จันทรสถาพร กล่าวถึงการฝึกเด็กๆ ให้เป็นเด็กสองภาษาไว้ว่า “เด็กจีนมาเลย์ เขาสามารถพูดได้สามภาษา (อังกฤษ จีนกลาง มาเลย์) เด็กสวิสพูดสามภาษา (เยอรมัน อิตาเลียน ฝรั่งเศส) ทั้งสองกลุ่มพูดได้จากสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริม เด็กไม่ต้องอัจฉริยะแต่อย่างใดก็ทำได้ ผมเชื่อเด็กสองภาษา พ่อแม่ไทยสร้างได้จริง ขอให้ตั้งใจ และมุ่งมั่น ทุกคนทำได้ และจะเสียดายมากถ้าโอกาสในช่วงวัยเด็กที่ดีที่สุดนั้นผ่านไป เพราะช่วงนั้นมีแค่ครั้งเดียวในชีวิตของเด็ก”
ที่มา : iPrice , https://parenting.firstcry.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
7 ความคิดผิดๆ ในการสอนลูก 2 ภาษา
7 เทคนิค ฝึกลูกเก่งศัพท์ภาษาอังกฤษแบบไม่น่าเบื่อ