วิกฤตโลก!!! ฆาตกรรม/ฆ่าตัวตายถ่ายทอดสด ด้านมืดของยุคดิจิตอลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
คงจะทราบกันดีนะคะกับข่าวคุณพ่อฆ่าลูกน้อยเเละฆ่าตัวตายตาม วันนี้เราคงหลีกเลี่ยงเเละอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ ว่ามันเป็น วิกฤตโลก!!! ฆาตกรรม/ฆ่าตัวตายถ่ายทอดสด ด้านมืดของยุคดิจิตอลที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
ยุคสมัย Live ทุกสิ่งอย่าง
ยุคที่ใครๆ ก็ถ่ายทอดสดได้ง่ายๆ เพียงเเค่มีมือถือ ตั้งเเต่การเเกะกล่องช็อปปิ้ง รีวิวสินค้า พากินพาเที่ยว โดยจะว่าไปเเล้วการให้สิทธิ์เเก่ทุกคนในการสร้างเรื่องราว เเละกลายเป็นสื่อที่ทุกคนนั้นสามารถเข้าไปดูได้อย่างอิสระ โดยเฉพาะนโยบายที่ให้อิสระเเก่ทุกคนอย่าง Facebook ที่เพียงเเค่มีมือถือ ทุกคนก็ Live หรือถ่ายทอดสดได้เเล้ว
ด้านสว่างคือสร้างสรรค์ ด้านมืดคือทำลาย
โซเชียลมีเดียยุคเเรกที่มาในรูปเเบบคลิปวิดีโอคงหนีไม่พ้น Youtube นะคะ ซึ่งเป็นการให้อิสระเเก่คนทุกคนในการสร้างสรรค์เนื้อหาสาระหรือความบันเทิงที่เป็นของตัวเอง เเต่เเล้วเทคโนโลยีที่สร้างประโยชน์ให้กับสังคมนั้น กลับกลายเป็นการยื่นความอิสระที่มากเกินไป ซึ่งตัวอย่างที่ไม่เหมาะสมก็เห็นได้ตามโซเชียลมีเดียยุคเเรกๆ อย่าง camfrog ซึ่งจุดประสงค์หลักก็เพื่อการสื่อสารที่สามารถเห็นหน้ากันได้ เเต่ก็ยังไม่วายเป็นที่นิยมเเบบไม่เหมาะสม เช่น การเต้นยั่วยวน การโชว์ลามกอนาจาร เเละการโชว์การร่วมเพศ ในขณะที่ Facebook มีฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างการ Live ซึ่งถือว่าได้รับความนิยมไปทั่วโลก เเละในไทยก็ไม่น้อยหน้าประเทศอื่นเช่นกัน
เเต่นั่นก็ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่น่าสลดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การถ่ายทอดการฆาตกรรม/ฆ่าตัวตาย
อิสระเกินไป ต้องมีนโยบายรัดกุมให้มากขึ้น
จากข่าวที่เพิ่งเกิดขึ้น ทางหน่วยงานของประเทศไทยก็ได้ติดต่อ Facebook ให้ลบคลิปวิดีโอออกจากระบบไปเเล้ว เเต่ทว่าคลิปดังกล่าวก็มีผู้ชมจาก 2 เเหล่งไปแล้วทั้งสิ้น 112,000 ครั้ง เเละ 258,000 ครั้ง สิ่งที่น่าสนใจคือนโยบายเเละระยะการดำเนินการลบคลิปที่ไม่เหมาะสม โดยนโยบายของ Facebook นั้นค่อนข้างที่จะใช้เวลานานนั่นคือ 24 ชั่วโมง เมื่อเทียบกับนโยบายของ Youtube ที่ใช้เวลาเพียงเเค่ 15 นาทีเท่านั้นหลังจากที่ได้รับเเจ้ง
นอกจากนี้ Facebook ยังพึงพาระบบในการรายงานคลิปที่ไม่เหมาะสม ซึ่งเเน่นอนว่ามันอาจจะกลายเป็นจุดบอดของนโยบายไป เเละจำนวนของผู้ใช้ที่สูงถึง 1,860 ล้านคน เเละมีคนที่ใช้ฟีเจอร์ถ่ายทอดสดสูงถึง 1,740 ล้านคน เป็นจำนวนคนที่สูงมากเเละยากที่จะควบคุมค่ะ
ไม่ใช่ครั้งเเรกเเละคงไม่ใช่ครั้งสุดท้าย
นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกที่คลิปวิดีโอในเฟสบุ๊คมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมค่ะ ในเดือนมกราคมพบว่ามีคลิปการข่มขู่เเละทรมานชายคนนึงที่เผยเเพร่ใน Facebook Live มียอดดูทั้งสิ้น 16,000 คน ก่อนที่จะมีผู้ชมมากขึ้นเมื่อกลายเป็นคลิปใน Youtube
ต่อเมื่อในเดือนมีนาคม เมื่อเด็กผู้หญิงวัย 15 ปี ถูกล่วงละเมิกทางเพศจากผู้ชายจำนวน 5-6 คน ถูกเผยเเพร่ใน Facebook Live ซึ่งมีคนดู 40 คน เเละในเดือนเมษายน คดีฆาตกรรมชาวนาวัย 74 ปี ก็ถูกโพสต์คลิปในเฟสบุ๊คอีก 3 ชั่วโมง ก่อนที่จะถูกลบ
เเต่ในเเง่ดีก็มีให้เห็นค่ะ เช่น ศาลของประเทศสวีเดนจับตัวเเละตัดสินจำคุกชาย 3 คนได้ จากคดีข่มขืนที่ถ่ายทอดสด จากการเเจ้งตำรวจของผู้ชมคลิปดังกล่าว
ที่มา BBC the Guardian และ Reuters