ลูกจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไหม ในเมื่อฉีดแล้วแพ้ มีไข้ บางทีต้องแอดมิน
ลูกจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไหม ในเมื่อฉีดแล้วแพ้ มีไข้ บางทีต้องแอดมิน ข้อดีของการฉีดวัคซีนก็มี แต่ข้อเสียที่เจอก็แทบจะรับไม่ไหวเหมือนกัน เพราะคนที่ทรมานคือลูกไม่ใช่ตัวเราเอง
ผลข้างเคียงของวัคซีน
แม้ว่าวัคซีนจะมีความปลอดภัย แต่ก็เช่นเดียวกันกับยาอื่นๆ บางทีก็อาจเกิดผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาได้เช่นค่ะ ส่วนใหญ่คือจะเกิดขึ้นบริเวณที่ฉีดเลย เช่น รอยบวมแดงที่ไม่รุนแรงและประมาณ 1-2 วัน ก็จะหายไปเอง บางส่วนอาจจะมีไข้ต่ำๆ ได้เช่นกัน แต่ผลข้างเคียงที่รุนแรงก็อาจจะเกิดขึ้นได้ แม้ว่าจะไม่พบบ่อยนักค่ะ
นั่นก็เพราะเด็กเล็กๆ มักจะป่วยได้ง่ายอยู่แล้วค่ะ บางทีจึงไม่แน่ใจว่าอาการที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากวัคซีนเสมอไป สิ่งสำคัญคือวัคซีนบางอย่างต้องได้รับในช่วงอายุที่เหมาะสม เช่น วัคซีน MMR ควรจะฉีดตอนลูกอายุ 1 ปี ถึง 15 เดือน ซึ่งช่วงนี้อาจจะเป็นช่วงที่ลูกมีพัฒนาการช้าลง ก็เป็นประเด็นอีกว่า เป็นเพราะวัคซีนหรือไม่อย่างไรกันแน่
หากลูกมีอาการแพ้วัคซีน ซึ่งเป็นเคสหายาก มีอาการเช่น หายใจติดขัด มีเสียงหวีดในลำคอ เป็นลมพิษ ไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง เวียนหัว หน้าซีด มีอาการบวมที่คอ หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือมีไข้สูง หรือพฤติกรรมเปลี่ยนไปหลังจากได้รับวัคซีน ควรรีบมาพบแพทย์ให้เร็วที่สุด หรือถ้ามีข้อจำกัด ควรรีบโทรหาแพทย์ทันทีค่ะ
ลูกแพ้วัคซีนเพราะอะไรได้บ้าง?
- เจลาติน ที่พบในวัคซีนป้องกันสุกใส
- หัด หัดเยอรมันคางทูม และวัคซีนไข้สมองอักเสบเจอี
- ไข่ พบในวัคซีนป้องกันไข้เหลือง ไข้หวัดใหญ่ หัด หัดเยอรมันคางทูม โรคพิษสุนัขบ้า
- อลูมินัม พบในวัคซีนป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบฮิบ ไวรัสตับอักเสบเอและบี
- ยาปฏิชีวนะ เช่น นีโอมัยซิน พบในวัคซีนป้องกันสุกใส, หัด หัดเยอรมัน คางทูม เป็นต้น
แต่ปัจจุบันนี้ วัคซีนที่ผลิตรุ่นใหม่หลายชนิดได้พยายามลดส่วนประกอบที่เป็นสาเหตุของอาการแพ้บ่อยๆ ออกไปให้เหลือน้อยที่สุด จนไม่ทำให้ผู้ที่แพ้ส่วนประกอบนั้นๆ เกิดอาการแพ้หลังจากได้รับวัคซีน
เช่น ปัจจุบันวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ที่ผลิตจากหลายบริษัทมีปริมาณส่วนผสมที่เป็นไข่น้อยมาก จนสามารถฉีดได้ตามปกติในผู้ที่มีประวัติแพ้ไข่แบบไม่รุนแรง วัคซีนไข้สมองอักเสบเจอีรุ่นใหม่ๆ ก็ไม่มีเจลาตินเป็นส่วนประกอบแล้ว
วัคซีนทำให้เกิดความบกพร่องด้านพัฒนาการได้ไหม
แม้จะมีพ่อแม่ส่วนหนึ่งคิดว่าอาจจะเกี่ยวกับวัคซีนได้ แต่ก็มีงานวิจัยจำนวนไม่น้อยที่ศึกษาเรื่องนี้ เช่น การได้รับวัคซีนและโรคพัฒนาการ เช่น ออทิสติก และผลที่ได้คือไม่มีความเกี่ยวข้องกันค่ะ
พ่อแม่ควรตัดสินใจยังไงดี
หากลูกมีประวัติการแพ้วัคซีนมาแล้ว ครั้งต่อไปที่ถึงกำหนดฉีด ควรปรึกษาคุณหมอประจำตัวของลูก หรือก่อนฉีดวัคซีนคุณพ่อคุณแม่ควรแจ้งประวัติการแพ้ให้คุณหมอทราบ เพื่อจะได้เลือกใช้วัคซีนที่สามารถฉีดได้โดยปลอดภัยค่ะ
สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ยังลังเล กลัวว่าลูกจะแพ้วัคซีน หรือเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายต่อสุขภาพและพัฒนาการของลูก อย่ารอที่จะปรึกษาคุณหมอประจำตัวลูก หรือหา Second Opinion ได้เสมอค่ะ
ที่มา What to Expect
บทความที่น่าสนใจ
ลูกฉีดวัคซีน ไข้ขึ้น ทำยังไง วัคซีนตัวไหนทำให้เกิดไข้บ่อยสุด
5 วัคซีนจำเป็น ที่ต้องพาลูกไปฉีด