ยาชาและยากล่อมประสาทเกินขนาด ในเเม่ท้องกระทบลูกในครรภ์
FDA หรือ องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาออกมาเตือนถึงการใช้ยาชา (Anesthetic) และยากล่อมประสาท (Sedative) ในคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ที่ยาวนานเกินกว่า 3 ชั่วโมง เพราะ ยาชาและยากล่อมประสาทเกินขนาด มีผลเสียทำให้เซลล์ประสาทในสมองตาย และมีผลระยะยาวทำให้เด็กๆ มีปัญหาด้านความจำและปัญหาด้านพฤติกรรมต่างๆ รวมไปถึงพัฒนาระบบประสาทที่ล่าช้า ความบกพร่องด้านการเรียนรู้ และความผิดปกติด้านสมาธิ
แต่อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเป็นผลของการใช้ยา หรือมาจากปัจจัยอื่นที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยผลกระทบที่เด็กๆ จะได้รับนั้นอาจจะขยายไปถึง 3 ปีแรกจากเดิมที่มีความเชื่อว่าจะส่งผลกระทบเพียงแค่ปีแรกเท่านั้นค่ะ
อย่างไรก็ตามในกรณีที่จำเป็นต้องใช้ตัวยาเหล่านี้จริงๆ คุณพ่อคุณแม่ และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ควรได้รับข้อมูลเหล่านี้อย่างครบถ้วน เพื่อที่จะได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบว่าควรจะเลือกหนทางได้มากกว่ากัน
ระวังทารกติดโรค
รศ. พญ. รวีรัตน์ สิชฌรังษี กุมารแพทย์ อธิบายถึงการที่ทารกติดโรคจากผู้ใหญ่ว่า โรคติดเชื้อซึ่งทารกได้รับมาจากผู้ใหญ่หรือเด็กโต แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มคือ
-
ทารกติดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ
โรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อย เช่น ไข้หวัดใหญ่ RSV ซึ่งจะทำให้ทารกมีอาการ ไข้สูง มีน้ำมูกเยอะ ไอมีเสมหะ บางครั้งอาจทำให้มีอาการหายใจหอบเหนื่อยจากการที่ปอดอักเสบติดเชื้อได้
การติดเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจ เกิดขึ้นจากการที่ทารกได้รับเชื้อซึ่งจะอยู่ในน้ำมูก น้ำลายและเสมหะของผู้ป่วยผู้ใหญ่หรือเด็กโต เมื่อผู้ป่วยไอ จาม หรือพูด เชื้อโรคก็จะเข้าไปในจมูกและปากของทารก หรือจากการสัมผัสกับของใช้และของเล่นที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคจากน้ำมูกและน้ำลายของผู้ป่วยอยู่ซึ่งเชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทารกได้เมื่อเอามือเข้าปาก แคะจมูก หรือขยี้ตา
-
ทารกติดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร
โรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องเสียจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า มีไข้ อาเจียน ท้องเสีย และอาจมีอาการรุนแรงจนขาดน้ำและเกลือแร่มากทำให้ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลได้
การติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารมักเกิดจากการที่เด็กกินสิ่งที่มีเชื้อโรคปนเปื้อนอยู่เข้าทางปาก ไม่ว่าจะเป็นน้ำ อาหาร ซึ่งมีการปนเปื้อนมาจากผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่ติดเชื้อนั้น และอาจได้รับเชื้อโรคจากการสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้หรือของเล่น ที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน จากผู้ใหญ่หรือเด็กโตที่มีการติดเชื้อโรคนั้นอยู่ เมื่อทารกนำสิ่งของหรือมือที่มีการปนเปื้อนเชื้อโรคนั้นเข้าปาก ก็สามารถติดเชื้อได้
วิธีป้องกันทารกติดโรค
- ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสทารก โดยเฉพาะเมื่อไปอยู่ในสถานที่ ซึ่งอาจมีการติดเชื้อได้ง่าย เช่น เพิ่งกลับมาจากทำงานโดยการเดินทางด้วยรถสาธารณะ
- ไม่ให้ใครมาอุ้มหรือใกล้ชิดกับทารกน้อยโดยไม่จำเป็น เพราะเขาเหล่านั้นอาจมีการติดเชื้อโรคอยู่โดยไม่รู้ตัวก็ได้
ห้ามมิให้สมาชิกในบ้านที่กำลังป่วยอยู่ มาอุ้มหรือสัมผัสใกล้ชิดกับทารก - หลีกเลี่ยงการพาทารกไปยังสถานที่ชุมชนคนเยอะ
- คอยดูแลทารกไม่ให้เอามือหรือสิ่งของต่าง ๆ เข้าปาก
- สวมเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นที่เพียงพอแก่ทารก
- เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ ซึ่งจะทำให้ทารกได้รับภูมิต้านทานเชื้อโรคต่าง ๆ ผ่านทางน้ำนมคุณแม่
- ให้ทารกได้รับวัคซีนตามวัย ซึ่งโรคติดเชื้อหลายชนิด เช่น ไข้หวัดใหญ่หรือโรต้า สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน
เพื่อป้องกันทารกติดโรคจากผู้ใหญ่ พ่อแม่ คนในครอบครัว ควรระมัดระวังและใส่ใจในการป้องกันการติดเชื้อให้แก่ทารก ซึ่งอาจเริ่มต้นจากตัวคุณพ่อคุณแม่เองควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และรักษาสุขอนามัยให้กับตนเองและลูกน้อย คอยระมัดระวังไม่ให้ผู้อื่นมาอุ้ม หอมแก้ม หรือสัมผัสใกล้ชิดกับทารก อย่าลืมว่า วัยทารกเป็นช่วงที่ร่างกายยังเติบโตได้ไม่สมบูรณ์ หากมีการติดเชื้อโรคบางชนิดอาจเกิดอันตรายร้ายแรงได้
ผลข้างเคียงของยากล่อมประสาท
ที่มา Medscape
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
6 เรื่องรอบตัวทำร้ายลูกในครรภ์ โดยไม่ทันระวัง
ไม่อยากซวยต้องเลี่ยง! 5 ข้อห้ามวันปีใหม่ ปีใหม่ห้ามทำอะไร
ดื่มนมแพะดีอย่างไร? รวมประโยชน์จากธรรมชาติของนมแพะที่อยากให้คุณแม่รู้ เพื่อสุขภาพที่ดีของลูก