“ยีนภูมิแพ้จากพ่อแม่สู่ลูก” เรื่องไม่เล็ก ที่คุณแม่ต้องเตรียมพร้อม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ความสุขของพ่อแม่ คือการได้เห็นลูกรักเติบโตแข็งแรง เพราะเมื่อลูกรักพร้อม เค้าจะสามารถออกไปเรียนรู้โลกกว้างได้อย่างไร้อุปสรรค

แต่ด้วยสภาพแวดล้อมในปัจุบัน  มลภาวะที่เป็นพิษ หรือโรคทางพันธุกรรมที่รุนแรงขึ้น ทำให้เด็กมีปัญหาสุขภาพ และเจ็บป่วยมากขึ้นกว่าเดิม  คุณพ่อคุณแม่หลายท่านจึงเป็นกังวล และโรคหนึ่งที่เด็กไทยเป็นเยอะขึ้นเรื่อยๆ นั่นก็คือโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ แพ้อาหาร หรือแพ้นมวัว ก็พบเด็กไทยเป็นโรคภูมิแพ้มากกว่าสมัยก่อนอย่างเห็นได้ชัด

โรคภูมิแพ้เป็นโรคทางพันธุกรรม  พ่อแม่ที่เป็นโรคภูมิแพ้จะส่งต่อยีนภูมิแพ้ให้ลูกทางกรรมพันธุ์สูงถึง 80% อาการของโรคจะมากน้อยขึ้นอยู่กับสิ่งที่มากระตุ้น เด็กบางคนที่มีอาการแพ้รุนแรงมาก ก็ยิ่งต้องระวังทั้งเรื่องอาหารการกิน และต้องดูแลตัวเองมากกว่าเด็กทั่วไป ทำให้พ่อแม่ยิ่งเป็นกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของลูก เพราะโรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ไม่มีทางหายขาดตลอดชีวิต ยกเว้นการแพ้อาหารในเด็กเล็กๆซึ่งมักจะหายเมื่อโตขึ้น แต่อาหารบางชนิด เช่น ถั่วลิสง แป้งสาลี อาจแพ้ได้ตลอดชีวิต

สำหรับคุณแม่ที่มีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องลูกเป็นภูมิแพ้  วันนี้ tAp มีบทสัมภาษณ์ คุณหมอ ศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ หน่วยโรคภูมิแพ้และอิมมูนวิทยา ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเรื่องสาเหตุ และวิธีลดความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ของลูก เพื่อเปลี่ยนภูมิแพ้ให้เป็นภูมิพร้อม ให้ลูกพร้อมเรียนรู้โลกกว้างอย่างไร้อุปสรรค

tAp: ฝุ่นควันและมลภาวะต่างๆ ในปัจจุบัน เป็นสาเหตุทำให้เด็กเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้นหรือไม่คะ?

คุณหมอจรุงจิตร์:  โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่มีพันธุกรรมเป็นปัจจัยหลัก เด็กที่มีประวัติภูมิแพ้ในครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นพ่อ หรือแม่ ลูกก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดภูมิแพ้อย่างเลี่ยงไม่ได้  และสิ่งแวดล้อมก็เป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้กำเริบ

อย่างที่ทุกคนทราบว่า อากาศบ้านเราตอนนี้มีปัญหาเรื่อง PM 2.5 ซึ่งสามารถซึมผ่านเข้าสู่ร่างกาย  และก่อผลกระทบกับสุขภาพอย่างมาก เช่น แม่ที่กำลังตั้งครรภ์ในช่วง 1-6 เดือนแรก ซึ่งเป็นช่วงที่เด็กในครรภ์กำลังสร้างอวัยวะต่างๆ  หากได้รับมลพิษในปริมาณที่มาก จะมีผลกระทบกับทุกอวัยวะของลูกในระยะยาว ส่วนเด็กหรือผู้ใหญ่ที่ป่วยเป็นภูมิแพ้อยู่แล้ว เมื่อต้องเจอกับมลภาวะ ก็จะทำให้อาการภูมิแพ้กำเริบขึ้นมาใหม่ เช่นคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ทางจมูก ก็จะไอ จาม มีเสมหะ คัดจมูก แสบจมูก  คันตา คนที่เป็นภูมิแพ้ทางผิวหนังก็จะคันตามตัว มีผื่นกลับขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้น ถ้าอากาศเป็นพิษ มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 มากๆ ก็จะก่อให้เกิดปัญหาโรคภูมิแพ้ตามมาอย่างแน่นอน

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

tAp: ปัญหามลภาวะ มีผลกระทบต่อเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้มากน้อยแค่ไหนคะ?

คุณหมอจรุงจิตร์:  เมื่อเด็กที่เป็นโรคภูมิแพ้ต้องไปเจอมลภาวะ  อาการภูมิแพ้ก็จะกำเริบ และควบคุมอาการได้ยาก ต้องได้รับการรักษาบ่อยขึ้น  ถ้ามีอาการหอบหืด ก็ต้องใช้ยาพ่นซึ่งเป็นกลุ่มยาสเตียรอยด์ทุกวัน กรณีที่เป็นภูมิแพ้ทางผิวหนังก็จะมีปัญหามากขึ้น เพราะเวลาที่มีเหงื่อ ก็จะระคายเคือง  เกิดเป็นผื่นคันตามร่างกาย โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่เป็นแพทเทิร์น หรือมาเป็นขบวน ตอนเล็กๆ แพ้อาหาร โตขึ้นมาก็จะมีโอกาสแพ้อากาศร่วมด้วย หรือคนที่เป็นภูมิแพ้ผิวหนังก็มีโอกาสเป็นหอบหืดด้วยเช่นกัน

เด็กที่เป็นภูมิแพ้จะป่วยง่าย หายยาก  ป่วยเรื้อรัง ต้องนอนโรงพยาบาลบ่อย เสียเวลา เสียโอกาสการเรียนรู้   เด็กต้องหยุดเรียนเพื่อรักษาตัว พ่อแม่ก็ต้องขาดงานเพื่อมาดูแล ที่สำคัญก็คือเรื่องของค่ารักษาพยาบาล เพราะค่าใช้จ่ายในการรักษา และยาที่ต้องใช้ราคาค่อนข้างสูง อาจส่งผลกระทบหลายอย่างต่อคุณภาพชีวิตของทุกคนในครอบครัว

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

tAp:  เราควรจะดูแลลูกอย่างไร ในภาวะที่ภูมิแพ้เป็นเรื่องใกล้ตัวคะ?

คุณหมอจรุงจิตร์:  ภูมิแพ้เป็นเรื่องใกล้ตัว   มีคนเป็นภูมิแพ้จมูกถึงร้อยละ 50 หมายถึงว่าในประชากรหนึ่งล้านคน  จะมีห้าแสนคนจะเป็นภูมิแพ้จมูก โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่ไม่หายขาด เป็นโรคทางพันธุกรรม และจะแสดงอาการเมื่อมีสิ่งมากระตุ้น ดังนั้นคนที่เป็นโรคภูมิต้องหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นทั้งหมด และต้องมีวินัยในการดูแลตัวเองมากกว่าคนทั่วไป

โรคภูมิแพ้ไม่มีทางหมดไปจากโรคใบนี้  พ่อแม่เป็นภูมิแพ้ ลูกก็มีโอกาสเป็นภูมิแพ้สูง ดังนั้นพ่อแม่ก็ต้องเริ่มตั้งแต่หาวิธีป้องกันไม่ให้ลูกเป็นภูมิแพ้ หลักๆ คือเรื่องของอาหารที่เด็กจะได้รับในช่วงแรกของชีวิต และอากาศที่เด็กต้องใช้หายใจ

ในเรื่องของอาหาร สิ่งที่น่ากลัวก็คือ คนท้องที่บำรุงมากเกินปกติ เช่น กินนมวัวเยอะ กินนมถั่วเหลืองเยอะ หรือตอนท้องกินไข่เยอะ ก็จะทำให้ลูกที่เกิดมาแพ้อาหารนั้นๆ ปัญหาเด็กแพ้อาหารที่พบบ่อยในไทย คือ แพ้นมวัว แพ้นมถั่วเหลือง แพ้ไข่ และตอนนี้พบว่าเด็กไทยแพ้อาหารเพิ่มขึ้นอีกชนิดคือ แพ้แป้งสาลี ซึ่งอาจเป็นเพราะ แม่ท้องกินอาหารพวกขนมปัง พิซซ่า แป้ง เค้ก เบเกอรี่ หรืออาหารที่ทำจากแป้งสาลีมากเกินไปนั่นเอง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

อีกเรื่องที่หมอเป็นห่วงคือ แม่หลายคนให้ลูกดื่มนมจากถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งไม่ใช่นมสำหรับเด็ก และเป็นนมที่มีสารอาหารไม่ครบ หรือคนท้องที่กลัวลูกแพ้นมวัว ก็เลยดื่มนมจากถั่วเปลือกแข็งแทน ก็อาจทำให้อนาคตมีเด็กไทยที่แพ้ถั่วเปลือกแข็งเพิ่มมากขึ้นและจะแพ้ไปตลอดชีวิต

แม่ท้องและแม่ให้นมลูกต้องระวังเรื่องอาหารเป็นพิเศษ  เพราะอาหารทุกอย่างที่แม่กินเข้าไปจะส่งผลกระทบไปถึงลูก  ดังนั้นควรกินอาหารให้สมดุล กินหลากหลาย ไม่จำเจ ไม่ควรบำรุงเยอะเกินไป ไม่ควรกินอาหารเสริม จำพวกผงโปรตีน ผงไข่ขาว เพราะมีความเข้มข้นสูงมาก

กล่าวได้ว่าการเกิด โรคภูมิแพ้นั้นมีปัจจัยหนึ่งมาจากอาหารที่แม่กินตั้งแต่ตอนท้อง อาการภูมิแพ้ในเด็กที่จะสังเกตได้เป็นอย่างแรกคือ ภูมิแพ้อาหาร ส่วนภูมิแพ้อากาศจะแสดงออกเมื่ออายุสองถึงสามขวบขึ้นไป  เพราะฉะนั้นนอกจากอาหารแล้ว เรื่องสิ่งแวดล้อมในบ้านก็ต้องให้ความสำคัญ เช่นห้ามสูบบุหรี่ ห้ามเลี้ยงสัตว์ที่มีขนในห้อง ซึ่งเป็นสิ่งกระตุ้นให้เด็กที่เป็นภูมิแพ้แสดงอาการหวัดเรื้อรังและหอบหืดได้

เพราะฉะนั้นหมอก็อยากจะแนะนำคุณแม่ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง ก็ต้องระวังเรื่องอาหาร ทั้งตอนท้องและตอนให้นมลูก และคอยดูแลอากาศและสิ่งแวดล้อมในบ้านให้สะอาดเสมอค่ะ

tAp:  โภชนาการ หรืออาหารแบบใดที่เหมาะสำหรับเด็ก และช่วยเสริมภูมิต้านทานได้คะ?

คุณหมอจรุงจิตร์:  อาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารกก็คือนมแม่ ระหว่างที่ตั้งครรถ์คุณแม่ควรตรวจเต้านมด้วยเพื่อเตรียมความพร้อมในการให้นมลูกตั้งแต่ก่อนคลอด  และเด็กควรกินนมแม่อย่างน้อย 4-6 เดือน เพราะในนมแม่มีซินไบโอติกซึ่งประกอบไปด้วย จุลินทรีย์สุขภาพคือโพรไบโอติก และอาหารของจุลินทรีย์สุขภาพคือพรีไบโอติก ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานและป้องกันโรคภูมิแพ้  เพราะฉะนั้นถ้าแม่สามารถให้ลูกกินนมแม่ได้นานตั้งแต่ช่วงแรกของชีวิตก็จะช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้ในเด็กได้

tAp: ถ้าคุณแม่ไม่สามารถให้นมบุตรได้ด้วยปัญหาสุขภาพ หรือให้ได้แค่ช่วงสั้นๆ ควรทำอย่างไรคะ?

คุณหมอจรุงจิตร์:  สำหรับเด็กที่ไม่สามารถกินนมแม่ได้ ตอนนี้ก็จะมีนมสูตรพิเศษ  เรียกว่านมสูตร H.A. ซึ่งมีจำหน่ายมานานแล้ว ซึ่งเป็นนมวัวที่มีการนำมาตัดสายโปรตีนให้สั้นลง ร่างกายก็จะไม่ต่อต้าน  และมีงานวิจัยรองรับว่าช่วยลดโอกาสการเกิดภูมิแพ้ได้

tAp: นม H.A. คืออะไรคะ?

คุณหมอจรุงจิตร์:  นม H.A. คือนมวัวสูตรพิเศษ มีการตัดสายโปรตีนให้สั้นลง  เพื่อช่วยลดการกระตุ้นปฎิกิริยาการเกิดภูมิแพ้ในตัวเรา และยังคงคุณภาพของโปรตีนเหมือนเดิม

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ในกรณีที่นมแม่มีไม่พอ ลูกก็สามารถกินนม H.A.  ผสมกับนมแม่ได้ หรือคุณแม่บางคนถามว่าสามารถให้ลูกกินนมสูตร H.A. ไปจนถึงหนึ่งขวบเลยได้ไหม ก็บอกว่าได้ เพราะคุณภาพของโปรตีนในนม H.A. นั้น สามารถช่วยให้ร่างกายเด็กเจริญเติบโตทั้งน้ำหนัก และส่วนสูงไม่ต่างจากการเลี้ยงด้วยนมวัวสูตรปกติทั่วไป

ส่วนรสชาติของนม H.A.  อาจจะเฝื่อนกว่านมทั่วไป แต่ไม่ได้แย่ และเด็กที่กินนม H.A.ได้ ก็มีแนวโน้มว่าจะชอบกินผัก เพราะผักจะมีรสฝาดเหมือนกัน ตอนนี้ยังหาข้อเสียของนม H.A. ยังไม่ได้  อาจจะติดเรื่องราคาสูงกว่านมทั่วไป แต่เมื่อเทียบด้านประโยชน์ก็มีมากกว่าในการป้องกันโรคภูมิแพ้ค่ะ

ศ.พญ.จรุงจิตร์ งามไพบูลย์

หน่วยโรคภูมิแพ้และอิมมูนวิทยา

ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

แม้ว่าโรคภูมิแพ้ที่เกิดจากพันธุกรรมจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คุณพ่อคุณแม่สามารถลดความเสี่ยงโรคภูมิแพ้ของลูกได้ด้วยการให้กินนมแม่อย่างเดียวตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 4-6 เดือน จึงเริ่มให้อาหารตามวัยที่เหมาะสมควบคู่กับการเลี้ยงด้วยนมแม่จนถึงอายุ 2 ปี หรือนานกว่านั้น เพราะนมแม่คือโภชนาการที่ดีที่สุด และช่วยป้องกันโรคภูมิแพ้เนื่องจากมีโปรตีนที่ไม่ไปกระตุ้นให้เกิดภูมิแพ้และยังมีสารอาหารอื่นๆ ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานเพราะมีพรีไบโอติกและโพรไบโอติกที่ทำงานร่วมกันแบบซินไบโอติก

ถ้าหากคุณแม่ไม่สามารถให้นมลูกได้ แนะนำให้ลองปรึกษาคุณหมอเรื่องนมสูตร H.A. ที่ไม่กระตุ้นให้เซลล์ภูมิต้านทานทำงานผิดปกติ เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดภูมิแพ้ และเสริมสร้างภูมิต้านทานของลูกให้เข้มแข็ง เพื่อให้ลูกรักออกไปเรียนรู้โลกกว้างอย่างไร้ขีดจำกัด โดยที่คุณแม่ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป

คุณแม่สามารถโทรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเรื่องความเสี่ยงภูมิแพ้ของลูกน้อยได้ที่

ยีนภูมิแพ้จากพ่อแม่สู่ลูก” เรื่องไม่เล็ก ที่คุณแม่ต้องเตรียมพร้อม โทร 0-2740-3456 ตลอด 24 ชั่วโมง “ยีนภูมิแพ้จากพ่อแม่สู่ลูก” เรื่องไม่เล็ก ที่คุณแม่ต้องเตรียมพร้อม

 โทร 0-2740-3456 ตลอด 24 ชั่วโมง 

หรือเช็คระดับความเสี่ยงภูมิแพ้ของลูกน้อยด้วยตัวเองได้ที่ https://nutriciaexpert.com/allergy-prevention/testing

 

บทความโดย

theAsianparent Editorial Team