พฤติกรรมเด็กแรกเกิด-3 ปี หนูทำแบบนี้แม่ต้องรับมือแบบไหน
พฤติกรรมเด็ก 0-12 เดือน
- เด็กวัยนี้เพลิดเพลินกับการนำทุกอย่างเข้าปาก ทั้งมือ เท้า อาหาร ของเล่น รองเท้า และอีกมากมาย
- เมื่อลูกร้องไห้ แสดงว่าเขามีความต้องการบางอย่าง แต่ลูกยังไม่สามารถสื่อสารด้วยคำพูดได้ ว่าเขาง่วง หิว ต้องการให้กอด หรือต้องการให้เปลี่ยนผ้าอ้อม
- กลัวคนแปลกหน้า และรู้สึกไม่สบายใจเมื่อคนคุ้นเคยไม่อยู่ใกล้ๆ
- ชอบจ้องหน้าคน ทั้งในชีวิตจริง ในหนังสือ และในกระจก
พ่อแม่ควรตอบสนองอย่างไร
เด็กน้อยกำลังปรับตัวให้เข้ากับโลกใบใหม่ คุณพ่อคุณแม่ต้องทำให้ลูกรู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจ ตอนนี้ลูกยังสื่อสารด้วยคำพูดไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ควรเอาใจใส่ต่อสัญญาณที่ลูกพยายามสื่อสารเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ และคลี่คลายปัญหาต่างๆ ให้ลูกโดยเร็ว ทำให้เขารู้สึกว่าโลกใบนี้ปลอดภัยสำหรับเขา ให้นมและอาหารตามวัยเมื่อลูกหิว ปลอบโยนเมื่อลูกกลัว กอดด้วยความรักเมื่อลูกต้องการอ้อมแขนของคุณ สิ่งเหล่านี้จะช่วยปูพื้นฐานทางจิตใจให้กับลูก มีความเป็นตัวของตัวเอง เชื่อมั่น ภูมิใจในตนเอง รวมถึงมีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นด้วย
บทความแนะนำ เช็คพัฒนาการลูกน้อยขวบปีแรก สิ่งที่ลูกควรทำได้ในแต่ละช่วง
พฤติกรรมเด็ก 1-2 ขวบ
- มีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบได้มากขึ้น
- ยังไม่เข้าใจในเรื่องของเจตนา หรือความหมายของการกระทำใดๆ เช่น เมื่อลูกกัด ไม่ได้เพื่อจะทำร้าย ลูกคว้าของเล่นจากเด็กคนอื่นๆ ไม่ได้เพื่อจะแกล้งให้ไม่พอใจ แต่เป็นเพราะเขารู้เพียงว่าสิ่งต่างๆ มีไว้สำหรับคว้า จับ หรือกินเท่านั้น
- มีความอยากรู้ อยากสำรวจ เด็กวัยนี้ชอบดึงสิ่งต่างๆ ลงมา หรือโยนของไปบนพื้น เพื่อจะดูว่าจะเกิดอะไรต่อไป
- ยังไม่รู้จักการแบ่งปัน
- อาจดูเหมือนเจ้ากี้เจ้าการและเห็นแก่ตัว แต่คุณพ่อคุณแม่จำไว้ว่า อะไรก็ตามที่ลูกวัยนี้สนใจหรือคิดว่าเป็นของเขา เขาจะไม่ยอมให้ใครเอาไปเด็ดขาด
- เริ่มเข้าใจในเรื่องความเป็นเจ้าของและพัฒนาความเป็นตัวตนมากขึ้น
- สองคำที่ลูกชอบพูดคือ “ของผม/ของหนู” และ “ไม่”
- มักจะตื่นในช่วงเวลากลางคืน
- ในช่วงปลายของวัยนี้ ลูกอาจจะท้าทายคุณมากขึ้น เพื่อทดลองว่าเขาจะสามารถทำอะไรได้มากแค่ไหน
- การเกรี้ยวกราดหรืออาละวาดของลูก เป็นการแสดงออกถึงอารมณ์ที่เขายังไม่สามารถสื่อสารออกมาเป็นคำพูดได้ เช่น หงุดหงิด โกรธ เสียใจ ผิดหวัง และอับอาย เป็นต้น
- เริ่มที่จะเล่นกับเด็กคนอื่นมากกว่าเล่นคนเดียว
พ่อแม่ควรตอบสนองอย่างไร
- เด็กวัยนี้ยังคงมีช่วงความสนใจสั้น จึงเหมาะที่คุณพ่อคุณแม่จะใช้วิธีเบี่ยงเบนความสนใจลูกเมื่อคุณไม่ต้องการให้เขาทำสิ่งใดๆ ก็ตาม
- ชื่นชมลูก เมื่อเห็นว่าลูกทำในสิ่งที่ถูกต้อง
- สอนให้ลูกรู้จักว่าสิ่งไหนไม่ดี ไม่ควรทำ
- เพิกเฉยในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บ้าง เพราะลูกมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมาก ควรให้ลูกคุ้นเคยกับเรื่องที่สำคัญก่อน
- ลูกเริ่มเข้าใจสิ่งที่คุณบอก แต่อย่าเพิ่งคาดหวังว่าลูกจะทำตามที่บอกได้ทันทีนะคะ คุณต้องแนะนำเขาด้วยความอดทน เรื่องแบบนี้ต้องใช้เวลา
- อ่อนโยนต่อลูกเมื่อเขายังทำไม่ถูกหรือทำไม่ได้ พยายามทำความเข้าใจว่า ลูกทำดีที่สุดแล้ว หากคุณคาดหวังมากเกินไปอาจทำให้ลูกกลายเป็นเด็กที่มีความวิตกกังวลมากขึ้น ท้าทายมากขึ้น หรือขาดความมั่นใจเมื่อเข้าสู่วัยสามขวบ
- สอนลูกให้รู้จักใช้คำแสดงความรู้สึก เช่น ลูกเสียใจที่ต้องเก็บของเล่น เพราะลูกยังอยากเล่นต่อใช่ไหมจ๊ะ
อ่าน พฤติกรรมเด็ก 3 ขวบ คลิกหน้าถัดไป
พฤติกรรมเด็ก 3 ขวบ
- ชอบทดสอบความเป็นอิสระของตัวเอง อยากรู้ว่าพ่อแม่จะปล่อยให้เขาทำอะไรได้แค่ไหน และเมื่อถูกขัดใจ ก็จะเริ่มอาละวาด
- ต้องการเป็นผู้ควบคุม ไม่ต้องการถูกควบคุม เมื่อถูกขัดใจ ก็จะเริ่มอาละวาด
- เมื่อผิดหวังเสียใจ ก็จะเริ่มอาละวาด
- จะแสดงความเกรี้ยวกราดและอาละวาดมากขึ้น
- บางเรื่องก็อยากจะทำด้วยตัวเอง ไม่ยอมให้ใครช่วย แต่บางเรื่องที่ควรทำเองกลับอยากให้คนอื่นทำให้ เช่น อุ้มหนูหน่อย แม่ทำให้หนูหน่อย
- ชอบพูดว่า “ไม่” แม้อาจจะหมายความว่า “ใช่”
- ช่างเลือกมากขึ้น เช่น ไม่เอาแปรงสีฟันอันนี้จะเอาอันที่มีเอลซ่า ไม่เอาแซนวิชสี่เหลี่ยมจะเอาแซนวิชสามเหลี่ยม เป็นต้น
- อาจพูดตะกุกตะกัก ยังถ่ายทอดสิ่งที่คิดเป็นคำพูดได้ไม่ดีนัก
- พยายามจะควบคุมสภาพแวดล้อม โดยอยากที่จะวางแผนทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเอง หรือลองทำสิ่งที่ท้าทาย
- อาจสับสนระหว่างความจริงกับความเชื่อ เริ่มเล่นโดยมีเพื่อนสมมติ
- ยังคงไม่เข้าใจเรื่องการแบ่งปัน และยังคงยึดมั่นในการแสดงความเป็นเจ้าของ
- อาจแสดงออกว่าอิจฉา เมื่อพ่อแม่ให้ความสนใจกับเด็กคนอื่น
พ่อแม่ควรตอบสนองอย่างไร
- คุณอาจต้องใช้ความอดทนเพิ่มมากขึ้นในการรับมือกับพฤติกรรมของลูกวัยนี้ แต่ขอให้ท่องไว้ว่า พฤติกรรมเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ตลอดไปหรอกนะ
- บอกให้เขารู้เวลาที่เขาทำดี รู้ไหมว่า ลูกอยากรู้ว่าคุณมีความสุขแค่ไหนเวลาที่เขาทำดี
- อ่อนโยนกับลูกเวลาที่ลูกทำผิด เชื่อเถอะว่า ลูกอยากทำในสิ่งที่ถูกต้องแต่ระหว่างทางอาจมีหลายสิ่งที่ลูกก็อยากทำเช่นนั้น ดังนั้น อย่าได้ลงโทษรุนแรงในความผิดพลาดของเขาเลย แต่ควรใช้ความผิดพลาดนั้นมาเป็นโอกาสในการสอนลูกดีกว่า
- อย่าตั้งกฎให้มากนัก เพราะการตั้งกฎที่มากเกินไปอาจทำให้ลูกสับสน แต่ควรยึดมั่นกับกฎที่ได้ตั้งไปแล้ว อย่าทำให้ลูกเรียนรู้ว่า บางครั้งการไม่ทำตามกฎก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร เพราะนั่นจะทำให้การฝึกลูกยากขึ้นอีก
- ใช้คำว่า “ไม่” อย่างอ่อนโยนและพอเหมาะ เปิดโอกาสให้ลูกได้สำรวจ ทดลอง และเรียนรู้สิ่งต่างๆ บนโลกใบนี้ ให้คำแนะนำแต่ไม่ปิดกั้นความคิดสร้างสรรค์ของลูก
- ให้อิสระและพื้นที่ในการเล่น เพื่อส่งเสริมพัฒนาการด้านร่างกายและการเล่นตามจินตนาการ สนับสนุนความพยายามในการเล่นอย่างสร้างสรรค์ของลูก เพื่อให้ลูกได้รับรู้ถึงความศักยภาพที่ตัวเองมี
- สนับสนุนการตัดสินใจภายใต้ตัวเลือกที่คุณกำหนด เช่น ลูกอยากจะอาบน้ำก่อนหรือเลือกชุดนอนก่อนดีจ๊ะ? ลูกอยากจะใส่เสื้อสีแดงหรือสีเหลืองวันนี้?
- อย่ารู้สึกผิดหากตัวคุณเองต้องการเวลาในการเติมพลังให้ตัวเอง เพื่อที่คุณจะได้มีแรงในการรับมือกับลูกอีกครั้ง เมื่อคุณชาร์จพลังมาอย่างเต็มที่แล้ว
- ฝึกกิจวัตรในการพาลูกเข้านอน เพื่อที่ทั้งคุณและลูกจะได้พักผ่อนและหลับฝันดี ด้วยนิทานก่อนนอน การโอบกอด จูบ บอกรัก และกล่าวคำว่า ราตรีสวัสดิ์
คุณแม่ได้ทราบถึง พฤติกรรมเด็กแรกเกิด-3 ปี แล้วนะคะ อย่างที่ทราบดีว่า 3 ปีแรกของชีวิตลูกนั้นเป็นช่วงที่ความสำคัญที่สุด หากคุณแม่เข้าใจและรับมืออย่างเหมาะสมจะเป็นการสร้างพื้นฐานชีวิตที่ดีให้กับลูกต่อไปในอนาคต
ที่มา www.heysigmund.com/developmental-stage/
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
เลี้ยงลูกในขวบปีแรกอย่างไรไม่เรียกว่าพลาด