บ้านไหนมีหนี้เตรียมเฮ! รัฐเปิด "คลีนิกแก้หนี้" ช่วยปลดหนี้สูงสุด 2 ล้าน!

คลีนิกแก้หนี้ คนอยากเข้าร่วมทำอย่างไร มีคุณสมบัติอะไรบ้าง ไปหาคำตอบกันค่ะ!

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

หนี้สินคือเรื่องที่ใครหลาย ๆ คนไม่ปรารถนาแต่เพื่อความอยู่รอดของครอบครัว คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนก็จำเป็นที่จะต้องทำ เมื่อถึงปลายเดือนก็ต้องปวดหัวกับยอดบัญชีค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ไหนจะหนี้บัตรเครดิต ไหนจะหนี้บัตรกดเงินสด ไหนจะหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลอีก กว่าจะหาทางออกในแต่ละเดือนได้ เรียกว่า ชักหน้าไม่ถึงหลังกันเลยทีเดียว แต่วันนี้รัฐบาลมีโครงการดีมาฝากทุก ๆ ครอบครัว โดยโครงการที่ว่านี้จะเป็นโครงการใหม่ที่มาสนับสนุนการปลดหนี้ด้วย “คลีนิกแก้หนี้” รายละเอียดจะมีอะไรบ้างนั้น เราไปอ่านพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

คลีนิกแก้หนี้คืออะไร?

คลีนิกแก้หนี้หรือโครงการแก้ปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน เป็นนโยบายของภาครัฐที่มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อยที่มีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้มีโอกาสได้ปลดหนี้ โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ บสส. หรือ SAM เป็นศูนย์กลางในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุตินคราวเดียวคล้าย ๆ กับ One Stop Service เรียกได้ว่า “หนี้บัตรทบ จบที่เดียว”

โครงการคลีนิกแก้หนี้ที่ว่านี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้จับมือกับสมาคมธนาคารทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อเปิดตัวคลีนิกดังกล่าวเป็นครั้งแรก มีผลเริ่ม 1 มิถุนายนนี้!

คุณสมบัติของผู้ที่เข้าร่วมมีอะไรบ้าง?

  1. เป็นบุคคลที่มีรายได้ประจำ
  2. มีอายุไม่เกิน 65 ปี (และต้องไม่เกินตลอดอายุที่อยู่ในโครงการ)
  3. มีหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
  4. มีหนี้กับธนาคารมากกว่า 2 แห่งใน 17 ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการ
  5. จะต้องเสียดอกเบี้ยตั้งแต่ 4% – 7% ต่อปีเท่านั้น
  6. มีหนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด หรือสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน ค้างชำระเกิน 3 เดือนกับ 2 ธนาคารขึ้นไป และไม่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

ธนาคารอะไรบ้างที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว

  1. ธนาคารกรุงเทพ
  2. ธนาคารไทยพาณิชย์
  3. ธนาคารกสิกรไทย
  4. ธนาคารกรุงไทย
  5. ธนาคารทหารไทย
  6. ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย
  7. ธนาคารไอซีบีซี
  8. ธนาคารเกียรตินาคิน
  9. ธนาคารแลนด์แอนด์เฮาส์
  10. ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ (ไทย)
  11. ธนาคารธนชาต
  12. ธนาคารไทยเครดิตเพื่อรายย่อย
  13. ธนาคารทิสโก้
  14. ธนาคารยูโอบี
  15. ซิตี้แบงก์
  16. แบงก์ออฟไชน่า

เงื่อนไขคืออะไร?

  • ลูกหนี้ต้องไม่ก่อหนี้ใหม่เพิ่มในระยะเวลา 5 ปี
  • พร้อมเรียนรู้การสร้างวินัยทางการเงินที่ดี
  • เสียดอกเบี้ยเฉลี่ย 4-7 % ต่อปี (ตามช่วงรายได้) ผ่อนนานสูงสุด 10 ปี

อัตราดอกเบี้ยการผ่อนชำระตามช่วงรายได้

  • ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือนไม่เกิน 30,000 บาทขึ้นไปเสียดอกเบี้ยปีละ 4%
  • ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 30,000 – 50,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 5%
  • ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 50,000 – 100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 6%
  • ผู้ที่มีรายได้ต่อเดือน 100,000 บาทขึ้นไป เสียดอกเบี้ยปีละ 7%

ผู้เข้าร่วมโครงการจะได้รับประโยชน์อะไรบ้าง?

  1. ไม่ถูกทวงถามจากเจ้าหนี้หลายราย
  2. ลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือน เพราะชำระเงินต้นค้างชำระ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราผ่อนปรนไม่เกิน 7% ตามช่วงรายได้ ระยะเวลาผ่อนชำระได้ไม่เกิน 10 ปี
  3. เป็นการรวมหนี้และผ่อนชำระในที่เดียว
  4. รู้จักวางแผนทางการเงินที่ดี

หากคุณพ่อคุณแม่ท่านใดสนใจเข้าร่วมโครงการคลีนิกแก้หนี้ที่ว่า สามารถดูรายละเอียดหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

www.คลีนิกแก้หนี้.com และ www.debtclinicsam.com

เบอร์ 02-610-2266 เปิดให้สอบถามทุกวันจันทร์ถึงวันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึงเวลา 17.00 น.

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก Thaijobsgov  www.คลีนิกแก้หนี้.com และ www.debtclinicsam.com

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ:

ผู้เชี่ยวชาญเเนะนำ 4 เรื่องสำคัญ ที่ลูกจำเป็นต้องเรียนรู้จากพ่อแม่

เพราะโรงเรียนไม่มีสอน พ่อจึงชี้เส้นทางเศรษฐีให้กับลูก

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

บทความโดย

Muninth