ผลวิจัยใหม่ที่ลงตีพิมพ์ใน Clinical and Translational Immunology จากสถาบันสุขภาพแห่ง Imperial College London พบว่าน้ำตาลในนมแม่ช่วยปกป้องลูกจากการติดเชื้อ การติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ป-บี หรือ Group B streptococcus
น้ำตาลที่อยู่ในนมแม่นั้นมีมากมายหลายประเภทค่ะ ซึ่งโดยรวมแล้วเรียกว่า โอลิโกแซกคาไรด์ หรือ oligosaccharide ซึ่งเด็กทารกไม่สามารถย่อยได้ แต่จะทำหน้าที่เป็นแบคทีเรียที่ดีอยู่ภายในลำไส้ ทั้งนี้ประเภทของน้ำตาลที่อยู่ในน้ำนมของคุณแม่แต่ละคนนั้นแตกต่างกันไปค่ะ ขึ้นอยู่กับยีนส์ของแต่ละคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบทางพันธุกรรม ที่มีชื่อว่า ระบบแอนติเจนลูอิส (Lewis antigen system) ซึ่งเกี่ยวข้องกับเลือดกรุ๊ปต่างๆ เป็นขั้นตอนที่จะกำหนดประเภทของน้ำตาลในน้ำนมของคุณแม่แต่ละคนนั่นเอง
ทีมงานวิจัยทดลองเอาน้ำตาลในน้ำนมของคุณแม่ที่มียีนส์ลูอิสมาเปรียบเทียบกับเด็กทารกที่ติดเชื้อสเตรปโตคอคคัสกรุ๊ป-บีตั้งแต่แรกเกิด เพื่อเก็บผลในระยะเวลา 6 วัน 60 วัน และ 89 วันหลังจากนั้น พบว่าคุณแม่ที่น้ำนมมียีนส์ลูอิสและลูกของพวกเธอจะมีแบคทีเรียในลำไส้ในปริมาณที่น้อย และเมื่อผ่านไป 60-89 วัน แบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้จะลดน้อยลงมากจนเกือบหมดไป ซึ่งน้ำตาลที่อยู่ในนมแม่ชนิดนี้จะเรียกว่า Lacto-N-difucohexaose I และคุณแม่ที่มีน้ำตาลประเภทนี้อยู่ในน้ำนมแม่ มีจำนวนมากถึงครึ่งของคุณแม่ทั่วโลก
การทำงานของน้ำตาลตัวนี้ จะทำหน้าที่เป็นตัวล่อ และหลอกแบคทีเรียว่าตัวมันคือเซลล์ของมนุษย์ เมื่อแบคทีเรียบุกเข้ามาน้ำตาลก็จะกักตัวแบคทีเรียไว้ เพื่อรอการขับออกจากร่างกาย กระบวนการนี้จะปกป้องลูกน้อยของคุณแม่ไว้ รอวันที่ภูมิคุ้มกันร่างกายของตัวเขาเองแข็งแรงขึ้นตอนอายุประมาณ 6 เดือน
ทีมนักวิจัยหวังว่าผลของงานวิจัยชิ้นนี้จะเป็นการต่อยอดในการรักษาคุณแม่และเด็กๆ จากการติดเขื้อแบคทีเรีย โดยการให้คุณแม่กินอาหารเสริมที่ช่วยให้คุณแม่มีน้ำตาล Lacto-N-difucohexaose I ในน้ำนมของคุณแม่เอง เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกของพวกเธอติดเชื้อแบคทีเรียตั้งแต่อาทิตย์แรกที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในโลกใบใหม่
แม้บางบริษัทนมผงจะพยายามคิดค้นหาวิธีใส่น้ำตาล Lacto-N-difucohexaose I เข้าไปในนมผง แต่ทีมงานวิจัยพบว่าในนมผง ณ ปัจจุบัน มีส่วนประกอบของน้ำตาลบางตัว ขณะที่น้ำตาลตัวนี้จะมีสารที่เป็นส่วนประกอบมากมายหลายสิบชนิด และในเรื่องของคุณภาพน้ำตาลเอง ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่ทำเลียนแบบได้ยาก เนื่องจากทีมวิจัยพบว่าคุณภาพของน้ำตาล Lacto-N-difucohexaose I ในน้ำนมคุณแม่จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตามอายุของลูก โดยที่น้ำนมแรกๆ จะมีคุณภาพของน้ำตาล Lacto-N-difucohexaose I ที่ดีที่สุดค่ะ
ซึ่งคำตอบที่คุณแม่หลายคนยังสงสัยอยู่ น่าจะมีอยู่ 2 คำถามนั่นก็คือ
- ในน้ำนมของเรามี น้ำตาล Lacto-N-difucohexaose I ไหม ?
- และ ทำยังไงน้ำนมเราถึงจะมีน้ำตาล Lacto-N-difucohexaose I ?
นั่นก็คือขั้นตอนต่อไปของงานวิจัยชิ้นนี้นั่นเองค่ะ สัญญาค่ะว่าถ้างานวิจัยชิ้นนี้มีความคืบหน้าเมื่อ จะเอาข่าวมาฝากกันแน่นอน
ที่มา sciencedaily