คุณเเม่หลายคนอยากทำสวยตอนตั้งครรภ์ เเละช่วงให้นม เเต่ก็กลัวสารเคมีต่างๆ เเต่รู้ไหมคะว่าสกินเเคร์ต่างๆ ในห้องครัว ก็ช่วยให้คุณเเม่สวยใสขึ้นได้ โดยไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกเลยละค่ะ
น้ำตาล
คือหนึ่งในตัวการที่ทำให้ผิวพรรณและร่างกายของคุณแม่แก่เร็ว ด้วยขั้นตอนที่เรียกว่า ไกลเคชั่น (Glycation) ซึ่งเป็นการทำลายโปรตีนอย่างคอลลาเจนและอีลาสทิน ดังนั้นอาจจะพูดได้ว่า น้ำตาลทำให้แก่เร็วค่ะ แต่ถ้าหากคุณแม่เปลี่ยนจากการกินน้ำตาลเป็นการใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสมสำหรับใช้ภายนอก น้ำตาลเป็นตัวเลือกที่ดีมากเลยทีเดียว
เนื่องจากน้ำตาลมีสารฮิวเมกเตนท์ ที่สามารถดูดซับอุ้มน้ำได้ดี ให้ความชุ่มชื่นแก่เซลล์ผิว ลองคิดถึงผิวหลังจากมาส์คหน้าด้วยน้ำผึ้งดูนะคะ ผิวจะอิ่มน้ำ นุ่มนิ่มขึ้นนั่นเองค่ะ น้ำตาลยังมีกรดไกลโคลิก (Glycolic acid) ตามธรรมชาติ ที่ช่วยบำรุงให้ผิวนุ่มสว่างกระจ่างใสน่าสัมผัสอีกด้วย
มาส์คหวานฉ่ำด้วยน้ำตาลธรรมชาติ
ยิ่งช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว คุณแม่ไม่จำเป็นจะต้องซื้อครีมราคาแพงที่มีแต่สารเคมีมาทาหน้าทาตัวแล้วละค่ะ ลองทำมาส์คน้ำตาลดูสิคะ มาส์คได้ทั้งผิวหน้าและผิวกายเลยค่ะ เลือกน้ำตาลทรายแดงไม่ขัดสี น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊ป เลือกแบบที่เป็นออร์แกนิคได้ยิ่งดีค่ะ น้ำมันบดให้เป็นผงละเอียดในเครื่องปั่นหรือเครื่องบดกาแฟ ผสมกับน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันมะกอก และน้ำผึ้งดิบ 1 ช้อนชา ทาทิ้งไว้สัก 15-30 นาที แล้วล้างออกค่ะ สูตรนี้สามารถมาส์คผิวให้ลูกเพื่อป้องกันลมหนาวได้ด้วย แต่ต้องแน่ใจว่าลูกไม่แพ้ส่วนผสมใดๆ เลยก่อนจะใช้นะคะ
นอกจากนี้ยังมีสกินแคร์ตามธรรมชาติ ช่วยให้ผิวของคุณแม่ปิ๊งปั๊งเด้งดึ๋งเหมือนสมัยยังสาวๆ ด้วยค่ะ
มะละกอ
ผลไม้ไทยที่มีดีมากกว่าการช่วยขับถ่ายและเป็นมากกว่ามะละกอตำหรือส้มตำค่ะ คุณแม่ทราบไหมคะว่ามะละกอมีวิตามินซีเข้มข้นที่สูงมาก แน่นอนว่าส่วนใหญ่เมื่อพูดถึงวิตามินซี จะคิดถึงส้ม มะนาว หรือฝรั่งกันใช่ไหมละคะ วิตามินซีมีบทบาทสำคัญในการควบคุมการผลิตคอลลาเจน และยังมีประโยชน์สำหรับสุขภาพผิว เส้นผม และเล็บด้วยละค่ะ นอกจากนี้ยังเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยชะลอริ้วรอยแห่งวัย ปกป้องผิวจากรังสียูวีอีกด้วย
เนื่องจากผิวจะถูกทำร้ายโดยควัน มลพิษ และการได้รับรังสียูวี การที่ร่างกายได้รับวิตามินซีทุกวันอย่างเพียงพอ จึงเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ คุณแม่จึงควรกินมะละกอโดยไม่ผ่านความร้อนใดๆ ทั้งสิ้น ทั้งกินตอนที่ยังดิบ เหมือนส้มตำ หรือจะกินตอนที่สุกแล้วก็ได้ทั้งนั้นค่ะ
สาหร่ายคลอเรลล่า
คลอเรลล่า (Chlorella) หรือสาหร่ายสีเขียว อุดมไปด้วยกรดอะมิโนและสารต้านอนุมูลอิสระ รวมไปถึง วิตามิน B และ C โปรตีน และกรดไขมันโอเมก้า 3 แคลเซียม ธาตุเหล็ก และใยอาหารนะคะ ไม่ว่าคุณแม่จะรับประทานหรือเอามาทาผิว ก็ช่วยทำให้ผิวกระชับ และยังช่วยต่อสู้กับขั้นตอนไกลเคชั่นอีกด้วยค่ะ แต่เนื่องจากสาหร่ายคลอเรลล่าอาจจะไม่ถูกปากนักถ้าจะกินสดๆ คุณแม่อาจจะลองดูเป็นเม็ดหรือผงเป็นทางเลือกเพิ่มเติมค่ะ
สาหร่ายวากาเมะ
มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง และยังมีสารต้านริ้วรอยตามธรรมชาติอย่าง วิตามิน A C และ E อีกด้วยค่ะ ช่วยในการชะลอริ้วรอยแห่งวัยอีกด้วย การหาทานสดๆ นั้นอาจจะยากสักหน่อย แต่คุณแม่ลองดูในซุปเปอร์แถวที่มีคนญี่ปุ่นอาศัยอยู่เยอะอย่างเส้นสุขุมวิทนะคะ หรือถ้าหาไม่ได้จริง แบบอัดเม็ดหรือแบบเป็นผงก็มีจำหน่ายทั่วไปค่ะ
คอมบุฉะ
มีโปรไบโอติกที่สามารถรับประทานได้ เป็นอาการที่ทำให้เกิดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ลดอาการอักเสบที่เป็นสาเหตุหลักในการเกิดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย อาการบวม และแดงจากการระคายเคือง
โปรไบโอติกนั้นสามารถเอามาใช้ทาผิวได้ จะช่วยคืนสมดุลของแบคทีเรียที่ดีให้กับผิวได้ เนื่องจากการใช้สบู่หรือผงซักฟอกที่แรงเกินไปจะทำให้ผิวเสียสมดุลนั่นเองค่ะ ถ้าคุณแม่อยากจะรับประทานก็ทำได้เหมือนกัน ชาคอมบุฉะมีขายอยู่ทั่วไป ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกที่ไม่มีการเติมน้ำตาลลงไปเพิ่มอีกค่ะ เนื่องจากตัวชานั้นมีรสหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว
น้ำมันออร์แกน
ถ้าจะมีอะไรที่สุดยอดกว่าน้ำมันมะกอก ก็ต้องเป็นน้ำมันออร์แกนนี่แหละค่ะ เพราะน้ำมันออร์แกนมีวิตามินเป็นสองเท่าของน้ำมันมะกอก ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต้านอักเสบอีกด้วยค่ะ ช่วยให้ผิวมีความชุ่มชื่น ลดเลือนรอยแผลเป็น เพิ่มความยืดหยุ่นและลดเลือนริ้วรอยให้ตื้นขึ้น
กินก็ได้ทาก็ดีนะคะ หากจะกินน้ำมันออร์แกนไม่ควรให้ถูกความร้อยค่ะ เนื่องจากวิตามิน E ในน้ำมันจะสลายไป ใช้ผสมกับผลไม้อื่นๆ หรือในโยเกิร์ตแล้ว ราดลงบนสลัดก็จะทำให้กินได้ง่ายขึ้นค่ะ หากไม่กินใช้ทาผิวหลังอาบน้ำก็ได้เช่นกันค่ะ
ที่มา Dailymail
บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
หน้าใสไร้ริ้วรอย ด้วยโยคะหน้า
ดื่มชาเขียวตอนท้อง ดีหรือไม่ดีกันแน่นะ?