-
คุณรับประทานอาหารไม่พอ
ใช่ค่ะ การลดน้ำหนักคือการลดอาหารเพื่อจะได้ทานน้อยกว่าปัจจุบัน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณแม่จะต้องอดมื้ออาหาร และทานเยอะๆ อีกมื้อนะคะ การตัดแคลอรี่ไปจนถึงจุดที่คุณรู้สึกหิวตลอดเวลา หรืออยากอาหารอยู่เป็นนิจ มันจะนำไปสู่การกินที่เยอะกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้การลดน้ำหนักยากขึ้น ลองโหลด application ที่ช่วงคำนวณแคลอรี่ที่เหมาะสมสำหรับคุณในการเริ่มต้นลดน้ำหนัก โดยที่ไม่ต้องรู้สึกหิวตลอดเวลา หรือไม่ก็ลองปรึกษากับนักโภชนาว่าตัวคุณแม่นั้นควรรับประทานไม่เกินกี่แคลอรี่ ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ
picture via: fad-diets
-
คุณรับประทานอาหารผิดแบบ
คนเราไม่ได้จดไว้ว่าอาหารที่เรารับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อมีสารอาหารมากน้อยแค่ไหน อาหารที่เหมาะสมกับการลดความอ้วนนั้น ประกอบด้วย โปรตีน 40% คาร์โบไฮเดรต 30% และไขมัน 30% เพราะฉะนั้นก่อนที่คุณจะรับประทานอะไร ควรดูให้ดีก่อนว่ามันเยอะไปหรือน้อยไปสำหรับการบริโภคในหนึ่งวัน
picture via: you-are-what-you-eat
-
คุณอยากทานอะไรก็ได้ในวันหยุด
การทำงานอย่างหนักมาทั้งอาทิตย์ พอถึงเสาร์-อาทิตย์คุณจึงอยากให้รางวัลกับตัวเอง การไปทานข้าวกับครอบครัวหรือเพื่อนนั้นจะทำให้คุณกินได้มากจนลืมตัวได้เช่นกัน บางคนเลือกการกินเป็นทางออกของความเครียด กินได้นะคะ แต่ขอแนะนำให้ควบคุมแคลอรี่ แต่หากคุณยังต้องเผชิญหน้ากับความอยาก ลองเอาอาหารที่คุณอยากกินมาลงตารางไว้ เพื่อคุณจะได้รู้ว่าวันนี้คุณควรลดอะไรบ้าง
-
คุณออกกำลังไม่พอ
ช่วงแรกๆ ที่คุณลดน้ำหนัก คุณอาจะไม่มีแรงพอที่จะออกกำลัง แต่เมื่อคุณโอเคกับอาหารและพลังงานของคุณเริ่มกลับมา ลองจับคู่การไดเอทด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการออกกำลังกายทำให้ปอด หัวใจขยาย และทำให้สุขภาพแข็งแรง ร่างกายฟิต แอนด์ เฟิร์มอีกด้วย การออกกำลังจะช่วยให้มีอิสระในการรับประทานอย่างเต็มที่ อย่างน้อย เราควรออกกำลัง 150 นาทีต่อสัปดาห์ แต่สำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนแล้ว 240 นาทีจะเหมาะสมที่สุด
picture via: exercise
-
คุณออกกำลังท่าเดี่ยวนานเกินไป
ร่างกายของคุณฉลาดกว่าที่คุณคิด เพราะมันสามารถปรับตัวให้เหมาะกับการออกกำลังกายของคุณได้ เพราะฉะนั้นยิ่งคุณฟิตแค่ใหน แคลอรี่ที่คุณเผาผลาญก็จะน้อยลงกับการออกกำลังท่าเดิมๆ ตลอด ลองเอาการออกกำลังหลายๆ รูปแบบมาผสมกัน เช่น สัปดาห์หนึ่งวิ่ง สัปดาห์ต่อมาทำ sky walk อีกสัปดาห์ออกกำลังท้อง และอีกอาทิตย์ออกกำลังแขน เป็นต้น
picture via: cardio
-
คุณประเมินแคลอรี่ที่เผาผลาญจากการออกกำลังกายเกินจริงไป
แน่นอนว่าการออกกำลังกายจะทำให้คุณสามารถเผาผลาญแคลอรี่ และส่งผลให้น้ำหนักลดลง แต่รู้หรือไม่ว่าแค่ เพราะว่าเราเหงื่อออก เหนื่อย หรือปวด ไม่ได้หมายความว่า เราเผาผลาญแคลอรี่ได้เยอะขนาดนั้น ดังนั้น อย่าหักโหม จำเอาใว้ว่า การออกกำลังนั้นจะช่วยให้เราบริโภคอาหารแบบสมดุลถ้าออกแบบพอเหมาะ
-
คุณรับประทานอาหารตอนดึก
ถ้ามื้อหนักของคุณคือ มื้อเช้าหรือมื้อกลางวัน คุณมีแนวโน้มที่จะใช้พลังงานนั้นสำหรับเวลาที่เหลือของวัน เพราะคุณได้เดิน คิด พูด วิ่ง ขึ้นลงบันได แต่เมื่อคุณรับประทานอาหารตอนดึกแล้วนอนเลย คุณจะต้องเก็บความอ้วนเอาใว้ตอนนอน และแน่นอนว่านั่นจะทำไห้คุณอ้วนขึ้น
picture via: mindless eating
-
คุณรับประทานอาหารเยอะไปในบางวัน และอีกวันทานน้อยไป
การรับประทานอาหารแบบวันหนึ่งน้อยไป หรืออีกวันหนึ่งน้อยไป จะไม่ดีต่อตัวเรามากๆ เพราะจะทำให้เป็นโรคกระเพาะได้ อาหารอ้วนๆ ที่กินไปวันก่อนก็ยังอยู่ในตัวคุณในวันต่อมา จนกว่าเราจะเผาผลาญมันออกไป และหลายคนจะคิดว่าทำอย่างนี้ไม่ต้องออกกำลังก็ได้ แต่ขอแนะนำให้รับประทานอาหารให้ครบทุกวัน และออกกำลังทุกวันจะดีกว่า
-
คุณนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมง
การนอนหลับไม่เพียงพอสามารถรบกวนนาฬิกาในร่างกาย (biological clock) ของเราได้ ก่อให้เกิดการปล่อยฮอร์โมนที่เพิ่มความเครียด สิว และความหิว โดยเฉพาะความอยากอาหาร ที่มีแคลอรี่สูง อย่างเช่น ไอศครีม, เค้ก หรือช็อกโกแลต เพื่อให้จังหวะของ biological clock ทำงานแบบเป็นจังหวะ แนะนำให้นอนวันละ 7-9 ชั่วโมงให้สบาย ในสภาพแวดล้อมที่มืด
-
คุณรับประทานฟาสต์ฟู้ดเยอะไป
แม้ว่าคุณจะสั่งอาหารที่คุณคิดว่าอ้วนน้อยที่สุดแล้ว แต่คุณอย่าลืมดู น้ำตาล โซเดียม รือไม่ก็ไขมัน ที่มันไม่ได้บอกในที่ห่อ นอกจากนี้การที่อาหารนั้นมาส่งถึงที่ ทำไห้คุณไม่ต้องขยับเขยื้อนไปไหนเลย และใช้พลังงานเป็นศูนย์ วิธีแก้ก็คือ หากอยากทานอะไร ลองไปหาสูตรและมาทำเองที่บ้านดีกว่า
picture via: healthy life
ขอบคุณข่าวอสังหาฯ-บทความจาก DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์อันดับ 1 ของไทย
บทความที่น่าสนใจอื่นๆ
ระวัง! 9 ของใช้ในบ้าน ตัวการก่อมะเร็ง
แค่จัดบ้านใหม่ ลูกน้อยก็ห่างไกลโรคภูมิแพ้