นิทานธรรมะ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน : ความเมตตา สอนลูกด้วยนิทาน
วันนี้ theAsianparent Thailand ขอนำ นิทานธรรมะ ความเมตตา มาแบ่งปันเหล่าคุณพ่อคุณแม่ เพื่อนำไปอ่านให้กับลูก ๆ หลาน ในการสอนให้พวกเขาได้เรียนรู้ธรรมะและได้นำคำสอนในนิทานไปปรับใช้ในชีวิตพวกเขาได้
งูเห่ากับความเมตตา
มีเรื่องเล่าว่า ครั้งหนึ่งมีงูไปฟังเทศน์พระ งูก็คงเข้าใจภาษาคนได้แบบงู ๆ ปลา ๆ ฟังพระท่านเทศน์เรื่องศีล เรื่องการไม่เบียดเบียน ก็เกิดความเข้าใจ เกิดความศรัทธา ไปกราบพระ บอกว่าต่อจากนี้ไปข้าพเจ้าจะไม่ฉกใคร จะไม่กัดใคร ข้าพเจ้าจะเมตตาคน พระก็อนุโมทนาสาธุ และหลังจากนั้นงูตัวนั้นก็พยายามสำรวม พยายามไม่ฉกใคร เด็ก ๆ ในหมู่บ้านทราบว่างูอสรพิษตัวนี้ไม่กัดใครแล้ว ก็เลยชอบไปเล่น ไปรังแก ไปจับ เหวี่ยง ๆ ไปทรมานงูมาก งูก็อดทน พยายามแผ่เมตตาให้คนที่ทำอย่างนั้น
วันหนึ่งพระธุดงค์กลับมาที่ป่าช้าแห่งนั้นอีกครั้งหนึ่ง ไปเยี่ยมงู ซึ่งเป็นลูกศิษย์ ไงเจ้างู โอ๊ย ผมแย่ครับ ผมมีศรัทธา ผมพยายามไม่กัดใคร ไม่ทำร้ายใคร แต่พวกเด็กในหมู่บ้านเขามาทำร้ายผมอยู่เรื่อย พระธุดงค์บอกงูเข้าใจผิดนะ อาตมาห้ามไม่ให้ฉก ไม่ให้กัด แต่เรื่องขู่ฟ่อ ไม่ห้ามนะ ฟ่อได้
คนเราเป็นคนที่ไม่กัดใคร ไม่เบียดเบียนใคร แต่บางครั้งขู่ได้ ไม่ใช่ว่า ปล่อยให้เขาเอารัดเอาเปรียบ อย่างนั้นก็ไม่ถูกนะ บางทีปล่อยให้เขาเอารัดเอาเปรียบเราแล้ว เราก็บาปด้วย บาปเพราะอะไร ก็เราส่งเสริมให้เขาทำไม่ดี
:: นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :: เราควรมีความเมตตากับตัวเองด้วย
หมีกับสุนัขจิ้งจอก
กาลครั้งหนึ่งสัตว์ป่าทั้งหลายออกมาพบปะพูดคุยกัน ทุกตัวต่างก็พยายามเล่าถึงความดีของตนเอง หมีตัวหนึ่งเล่าให้สัตว์ตัวอื่น ๆ ฟังว่า “ข้าเป็นผู้ที่มีความเมตตามากที่สุด เพราะข้าไม่เคยกินมนุษย์ที่ตายแล้วเลยสักครั้ง” สุนัขจิ้งจอกได้ยินจึงหัวเราะแล้วพูดว่า “โอ้ แสดงว่าเจ้ากินเฉพาะคนที่ยังหายใจอยู่น่ะสิ อย่างนั้นก็ยิ่งแย่กว่ากินคนตายแล้วเสียอีก แล้วอย่างนี้จะเรียกว่ามีความเมตตาได้อย่างไร” พูดจบมันก็เดินจากไป
:: นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :: ควรมีความเมตตาต่อผู้อื่นเมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ ไม่ใช่ทำเมื่อเขาได้ตายจากไปแล้ว
ดอกไม้วิเศษกับนิดหน่อยผู้อารี
นิดหน่อยเป็นเด็กหญิงกตัญญู อาศัยอยู่กับคุณยายที่ชายป่า ทุก ๆ วันนิดหน่อยกับยายจะต้องเข้าป่าไปเพื่อหาผลไม้มาเป็นอาหาร นิดหน่อยชอบสัตว์ทุกตัวในป่า นิดหน่อยแบ่งอาหารให้พวกมันทุกครั้ง ทำให้สัตว์ในป่ารักนิดหน่อย
วันหนึ่งยายของนิดหน่อยเกิดมีอาการป่วย ทำให้นิดหน่อยต้องเข้าป่าไปเก็บผลไม้เพียงลำพัง แต่แล้วนิดหน่อยก็หลงเข้าไปในป่าลึก ทำให้นิดหน่อยต้องหาทางออกจากป่า ระหว่างทางในขณะที่นิดหน่อยกำลังจะดื่มน้ำ นิดหน่อยก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของดอกไม้ที่กำลังจะเหี่ยวตาย นิดหน่อยจึงได้แบ่งน้ำดื่มของตัวเองให้กับดอกไม้ดอกนั้น เพื่อต่อชีวิตให้กับเจ้าดอกไม้ ทันใดนั้นเองเจ้าดอกไม้ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว
โดยดอกไม้ดอกนั้นเป็นดอกไม้วิเศษ ได้ซึ้งใจกับสิ่งที่นิดหน่อยมอบให้ ดอกไม้วิเศษจึงมอบพรให้กับนิดหน่อย โดยที่นิดหน่อยเองก็เลือกขอพรให้ยายของนิดหน่อยหายป่วยเท่านั้นเอง แต่ดอกไม้วิเศษก็ได้มอบอาหาร เสื้อผ้า และของใช้ต่าง ๆ อีกมากมายให้กับยายและนิดหน่อย เมื่อนิดหน่อยและยายได้รับของมาแล้ว ก็ได้นำมันไปแบ่งปันให้กับชาวบ้านด้วยเช่นกัน ทำให้ชาวบ้านรักนิดหน่อยกับยายมาก
:: นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :: ความเมตตากับผู้อื่นก็จะส่งผลดีกับเราในอนาคต
เคล็ดลับง่าย ๆ ที่ช่วยให้คุณอ่าน นิทานธรรมะ ความเมตตา ให้ลูกฟัง
1. เลือกหนังสือที่คุณคิดว่าจะกลายเป็นหนังสือโปรดของลูก
อย่ากังวลไปหากคุณพบว่าลูกชอบให้คุณอ่านหนังสือเล่มเดิมให้ฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่าพยายามแนะนำหนังสือเล่มใหม่ให้เขาถ้าเขายังไม่พร้อมเปิดรับ เด็ก ๆ เรียนรู้จากการทำซ้ำ ๆ เขาอาจไม่เข้าใจเนื้อหาในหนังสือด้วยซ้ำแต่เขาชอบฟังเสียงของแม่และความคุ้นเคยกับคำที่คุณเคยอ่านให้เขาฟังซ้ำ ๆ ดังนั้น คุณควรเลือกหนังสือที่อ่านง่าย มีคำซ้ำ ๆ มันจะดีมากถ้าคำเหล่านั้นคล้องจองหรือเป็นคำสัมผัสเพื่อที่คุณจะได้อ่านเป็นเพลงหรือเป็นทำนองให้ลูกฟัง
2. เลือกหนังสือที่อ่านง่ายและมีรูปภาพที่ใหญ่
ลูกคุณชอบที่จะชี้นิ้วที่รูปภาพใหญ่ ๆ การอ่านหนังสือที่มีรูปภาพใหญ่ ๆ ประกอบและเป็นหนังสือที่ทำจากบอร์ดแข็ง ๆ ก็จะทำให้หนังสือไม่ขาดง่ายจากการที่ลูกคุณใช้นิ้วจิ้มไปที่หนังสือหรือกัดหนังสือ แต่คุณจะต้องดูด้วยว่าหนังสือที่คุณอ่านนั้นสะอาดหรือไม่ เพราะลูกมักจะเอาหนังสือเข้าปากอยู่เสมอ
3. คุณไม่จำเป็นต้องเริ่มอ่านตั้งแต่หน้าแรกเสมอไป
คุณอาจข้ามไปที่หน้าที่ลูกชอบ มันอาจเป็นเพราะรูปภาพที่ทำให้ลูกชอบ หรืออาจเป็นเพราะท่าทางที่คุณแสดงออกหรือน้ำเสียงที่มากกว่าเดิมของคุณเมื่อคุณอ่านหน้านั้น ๆ หรืออาจเป็นเพราะการที่คุณใช้น้ำเสียงสำหรับตัวละครที่ต่างกัน เลียนเสียงสัตว์ หรือพูดเลียนเสียงรถไฟ นอกจากนี้ คุณอาจไม่จำเป็นต้องอ่านให้จบเรื่องก็ได้ เพราะเด็กยังไม่เข้าใจเนื้อเรื่องอยู่ดี
4. เพิ่มเรื่องราวในเรื่องเล่าของคุณ
เมื่อคุณอ่านหนังสือให้ลูกฟัง คุณไม่จำเป็นต้องอ่านทุกคำหรืออ่านให้ตรงกับคำที่ผู้แต่งเขียนเสมอไป คุณอาจเพิ่มเรื่องราวอื่น ๆ เสริมเข้าไปเพื่อให้คุณได้มีปฏิสัมพันธ์กับลูก (ข้อนี้จะดีสำหรับเด็กที่สามารถตอบสนองหรือชี้นิ้วได้แล้ว) เช่น “ดูสิ นั่นไงลูกเป็ดตัวน้อย” “อ้าว แล้วลูกเป็ดตัวน้อยหายไปไหนล่ะ?” “อ๋อ..นั่นไงลูกเป็ดตัวน้อย ก๊าบ ก๊าบ” “ลูกเป็ดร้องว่าไงลูก?” หรือคุณอาจชี้ไปที่ภาพวาดหรือรูปภาพแล้วพูดว่า “อันนี้เป็นบ้าน และเป็นบ้านสีแดงด้วย” เป็นต้น
theAsianparent Thailand เว็บไซต์ข้อมูลคุณภาพและสังคมคุณแม่ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศและเอเชีย เรามีผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ แหล่งความรู้แม่และเด็ก รวมถึงแอพพลิเคชั่น theAsianparent Thailand ที่ติดตามการตั้งครรภ์ให้คุณแม่ได้ลงทะเบียนใช้งาน เพื่อติดตามพัฒนาการทารกตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนถึงติดตามหลังคลอดที่ครอบคลุมที่สุดและผู้ใช้งานสูงสุดในประเทศไทย นอกจากความรู้ยังมีไลฟ์สไตล์และสื่อมัลติมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าสุขภาพแม่และเด็ก โภชนาการแม่และเด็ก กิจกรรมสำหรับครอบครัว
การวางแผนครอบครัวไปจนถึง การดูแลลูก การศึกษา และจิตวิทยาเด็ก theAsianparent Thailand เราพร้อมสนับสนุนพ่อแม่ทุกท่าน ให้มีความรู้และมีสุขภาพกายใจเข้มแข็ง เพื่อเสริมสร้างครอบครัวอย่างแข็งแรง
เพราะเราเชื่อว่า “พ่อแม่เข้มแข็ง ครอบครัวแข็งแรง”
Source : kalyanamitra
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
“นิทานก่อนนอน” ช่วยเรื่องพัฒนาการของลูกได้นะ
7 เทคนิค ฝึกลูกเก่งศัพท์ภาษาอังกฤษแบบไม่น่าเบื่อ
Finding Nemo การ์ตูนที่ให้ความสนุกพร้อมกับข้อคิด สอนลูกไปพร้อม ๆ กับการ์ตูน