นิทานธรรมะ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน : ความสุข สอนลูกให้รู้จักความสุข

ความสุข เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนมักตามหา วันนี้ขอนำ นิทานธรรมะ ดี ๆ มาฝากคุณพ่อคุณแม่เพื่อเล่าให้ลูก ๆ ฟังก่อนนอนและยังทำให้ลูก ๆ มองโลกในแง่ดีอีกด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ความสุข เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลาย ๆ คนคิดว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว แต่แท้จริงแล้วบางคนอาจหลงลืมการมีความสุขไปแล้วก็ได้ เพราะด้วยสิ่งแวดล้อมหรือความเครียดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต บางครั้งการมองโลกในแง่ร้ายของตัวเราเองก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคในการมีความสุขด้วยเช่นกัน วันนี้ theAsianparent Thailand ขอนำ นิทานธรรมะ ดี ๆ เกี่ยวกับการสอนเรื่องความสุขมาฝากคุณพ่อคุณแม่เพื่อนำไปเล่าให้ลูก ๆ ฟังก่อนนอน เผื่อว่าการปลูกฝังเรื่องความสุข จะเป็นอีกหนึ่งภูมิคุ้มกันที่ทำให้ลูก ๆ มองโลกในแง่ดี

 

นิทานธรรมะ ความสุข

ความสุขอยู่ที่ไหน

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว  ยักษ์กับมนุษย์เป็นคู่อริกันมาช้านาน ยักษ์สรรหาสารพัดวิธีกลลวงหลอกล่อเพื่อทำลายความสงบสุขของมนุษย์ วันหนึ่ง ได้มียักษ์ตนหนึ่งตะโกนโหวกเหวกเข้ามาในหมู่ยักษ์ที่กำลังชุมนุมกันอยู่ว่า “ได้แล้ว ข้าได้มันมาแล้ว ต่อไปพวกมนุษย์ต้องไม่มีความสุขแน่ ๆ ”  ยักษ์ตนนั้นวิ่งเข้ากลางวงสนทนามาจนหยุดอยู่ที่ยักษ์รูปร่างสูงใหญ่บึกบึนน่าเกรงขาม ที่นั่งอยู่บนแท่นสูงเหนือหมู่ยักษ์ทั้งหมด ซึ่งเป็นหัวหน้ายักษ์นั่นเอง

หัวหน้ายักษ์จึงถามเจ้ายักษ์ที่ตะโกนโหวกเหวกตนนั้นว่า “ดูสิเจ้าได้อะไรมา”  เจ้ายักษ์ตนนั้นจึงชูกล่องสีทองที่มีขนาดพอดีมือยื่นให้หัวหน้ายักษ์ดูแล้วจึงพูดว่า “ข้าขโมยความสุขของเจ้าพวกมนุษย์มาได้ ต่อไปมนุษย์จะไม่มีความสุขอีกต่อไปแล้ว”  หัวหน้ายักษ์ก็ได้เอ่ยขึ้นว่า “ทำได้ดี ข้าจะทำลายเจ้ากล่องเก็บความสุขของมนุษย์นี่ซะ” แต่ไม่ว่าหัวหน้ายักษ์ผู้กำยำล่ำสรรจะใช้พละกำลังเท่าใดก็ทำลายกล่องความสุขนี้ไม่ได้ เพราะเป็นกล่องวิเศษ

ในเมื่อทำลายไม่ได้พวกมนุษย์ก็ต้องหาวิธีมาแย่งชิงเอาคืนไป แล้วพวกมนุษย์ก็จะกลับมามีความสุขตามเดิม พวกเหล่ายักษ์จึงชุมนุมกันว่าจะเอากล่องใส่ความสุขของมนุษย์ไปซ่อนให้ไกล เพื่อไม่ให้มนุษย์ตามหาความสุขนี้ได้เจอ  ยักษ์ตนหนึ่งจึงบอกว่า “เอาไปซ่อนตามที่ท่องเที่ยว อย่างทะเล น้ำตกดูไหม? เห็นพวกมนุษย์ชอบไปหาความสุขกัน”  อีกตนก็แนะนำขึ้นว่า “เอาไปซ่อนตามสิ่งของต่าง ๆ เช่น ซ่อนตามบ้านสวย ๆ รถหรู ๆ กระเป๋าเสื้อผ้า แก้วแหวนเงินทอง ที่พวกมนุษย์ชอบใช้ ชอบหาดีกว่า”

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

นิทานธรรมะ ความสุข

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ยักษ์อีกตนก็แย้งขึ้นว่า “เอาไปซื้อที่ของจับต้องได้ เดี๋ยวพวกมนุษย์จะหาเจอ เอาไปซ่อนที่ อำนาจ วาสนา การเสี่ยงโชคดีกว่า”  หัวหน้ายักษ์ได้ยินความคิดที่ฟังดูเข้าท่าของลูกน้องตนจึงกล่าวขึ้นว่า “ไม่ว่าเอาไปซ่อนที่ไหนตามที่พวกเจ้าว่า พวกมนุษย์ก็หาเจอทั้งนั้นแหละ พวกมันเก่งจะตาย  ข้าคิดว่าเอาไปคืนพวกมันดีกว่า”  เจ้าลูกน้องจอมโวยวายก็พูดขึ้นว่า “ท่านหัวหน้า กว่าข้าจะขโมยมันมาได้ยากเย็นจะตาย จะให้เอาไปคืนมันง่าย ๆ อย่างนี้หรือท่าน”

หัวหน้ายักษ์ตอบกลับทันที “เจ้าโง่ ข้าหมายถึงให้เอากลับไปซ่อนในดวงใจของพวกมนุษย์มัน แล้วป่าวประกาศไปว่าพวกเราได้เอาไปซ่อนตามที่ท่องเที่ยว อย่างทะเล น้ำตก ตามสิ่งของ เช่น ซ่อนตามบ้านสวย รถหรู ๆ กระเป๋าเสื้อผ้า แก้วแหวนเงินทอง เอาไปซ่อนที่ อำนาจ วาสนา การเสี่ยงโชค ให้พวกมันไปหาความสุขตามที่เหล่านั้นโดยที่มันไม่รู้ตัวเลยว่าความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ใจของมันเอง “แล้วหัวหน้ายักษ์ก็หัวเราะด้วยความสะใจ  “แล้วพวกเรารู้หรือยังว่าความสุขอยู่ที่ไหน”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ความสุขนั้นขึ้นอยู่ที่ใจของเราหาใช่สิ่งของและอำนาจเงินทองไม่

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ความสุขที่ได้ให้

กาลครั้งหนึ่ง มีชายผู้มีความโศกเศร้าอยู่เสมอ เขาเป็นคนที่มีพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ครอบครัว หรือแม้กระทั่งบริวาร แต่เขานึกสงสัยอยู่ตลอดว่าทำไมเขาถึงไม่มีความสุขเสียที

ในทุก ๆ วันเขาเอาแต่คิดว่า เขาจะทำอย่างไรให้เขารวยมากขึ้นไป ทำอย่างให้เขามีอำนาจมากล้นเหนือผู้อื่น หนทางไหนบ้างที่เขาจะสามารถครองโลกได้ ทุก ๆ วันเขาเอาแต่หาหนทางเอารัดเอาเปรียบมิตรสหายที่มีอำนาจต่าง ๆ ที่ตัวเขายังไม่มี เขาตะเวนซื้ออำนาจเหล่านั้นมาไว้ในมือ แต่ทำอย่างไรเขาก็ยังไม่มีความสุข

ผู้คนเริ่มจับกลุ่มนินทาและต่อว่าถึงการกระทำที่ไม่ดีของชายผู้นี้ เขาเริ่มมีโศกเศร้าในหัวในทุก ๆ วัน เพราะเพื่อนฝูงของเขาเริ่มตีตัวออกห่างเพราะกลัวและไม่อยากจะตกเป็นเหยื่อในการหลอกใช้ของเขา จนตอนนี้เขามีเพื่อนสหายเหลือ 1 คน เพื่อนคนนั้นได้คอยตักเตือนและคอยสอนเขาอยู่เสมอ

 

นิทานธรรมะความสุข

 

วันหนึ่งชายผู้นั้นได้เอ่ยกับเพื่อนสหายคนนั้นว่า “ข้ามีพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะอำนาจ เงินทอง บ้านเรือนใหญ่โต เหตุใดเพื่อน ๆ ถึงไม่อยากจะอยู่กับข้างั้นหรือ?” เพื่อนคนนั้นได้ปลอบใจและบอกกับชายผู้นั้นว่า “เพราะสิ่งที่เจ้ากำลังทำ มันไม่ได้ส่งผลดีกับผู้ใดเลย แม้แต่ตัวเจ้าเอง เจ้ามีเงินทอง มีอำนาจแต่สิ่งที่เจ้าขาดไปคือความสุขในการให้และแบ่งปัน รวมถึงความใส่ใจผู้คนรอบข้าง” ชายผู้นั้นไม่เข้าใจในสิ่งที่เพื่อนของเขาได้พูดออกมา จึงได้ถามกลับไปว่า “เช่นนี้แล้ว ข้าควรทำอย่างไร?”

เพื่อนสหายได้เอ่ยขึ้นมาว่า “ทำไมเจ้าถึงไม่ลองนำเงินที่เจ้ามีมากมายนี้ไปช่วยเหลือชาวบ้านที่ขาดแคลน ชาวบ้านที่กำลังเดือดร้อน นำอำนาจของเจ้าที่มีอยู่ จัดการเรื่องไม่ดี คอยดูแลผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ที่มีอำนาจให้ผิดกลายเป็นถูก และคอยช่วยเหลือเพื่อน ๆ ของเจ้า แทนที่จะกดขี่ข่มเหงคนอื่นอย่างที่เจ้ากำลังทำอยู่ ข้าคิดว่าหากเจ้าลองทำสิ่งพวกนี้ เจ้าอาจจะมีความสุขก็เป็นได้”

เมื่อชายได้ยินเช่นนั้นก็ไม่เชื่อและไม่อยากทำตามเพราะเป็นเรื่องที่ไม่อยู่ในความคิดของชายผู้นี้เลย แต่แล้ววันหนึ่ง ชายผู้นั้นก็ได้บังเอิญเจอสองตายายผู้หนึ่งที่กำลังถูกรังแกจากผู้มีอำนาจ โดยการใช้งานสารพัดอย่าง และยังสั่งให้สองผู้เฒ่าหาเงินและนำมาให้ตนอีกด้วย เมื่อชายผู้ไร้ความสุขเห็นเช่นนั้น จึงคิดขึ้นได้ว่าเขาสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เกิดขึ้นได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

เขาจึงได้เข้าช่วยเหลือสองตายาย โดยการแจ้งเรื่องกับผู้ดูแลหมู่บ้านให้มาจัดการกับชายที่รังแกคนแก่เสีย อีกทั้งยังช่วยเหลือคุณตาคุณยายในเรื่องของเงินทองไปส่วนหนึ่ง และสิ่งที่ชายผู้ไร้ความสุขได้รับกลับมาคือ คำขอบคุณที่จริงใจ รอยยิ้มปนน้ำตาแห่งความสุขจากคุณตาคุณยายทั้งสอง เขาได้เข้าใจความรู้สึกของการให้และการเป็นคนดีมากขึ้น เมื่อเขาคิดได้ เขาจึงได้รู้ว่าความสุขนั้นอยู่ไม่ไกล หากไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง การช่วยผู้อื่นและการให้ การแบ่งปันก็สามารถสร้างความสุขแก่ชีวิตได้

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า : ความสุขในการให้แม้จะคำนวณคุณค่าของมันไม่ได้ แต่สำหรับผู้รับมันยิ่งใหญ่เสมอ

 

Source : kroobannok

บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

นิทานธรรมะ เล่าให้ลูกฟังก่อนนอน : ความโกรธ สอนลูกให้ใจเย็น

15 นิทานอีสป นิทานสอนเด็ก คติสอนใจ อ่านสนุกสาระเน้น ๆ

ข้อดีของการอ่านนิทานก่อนนอน ให้ลูกฟัง ว่ากันว่ามันคือกิจกรรมที่ทรงพลังที่สุด

บทความโดย

Khattiya Patsanan