ทาน ถั่งเช่า มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือให้โทษร้าย อันตรายของถั่งเช่า

ถั่งเช่า มีประโยชน์หรือโทษต่อร่างกาย มีสรรพคุณอะไรบ้าง กินแล้วมีข้อควรระวังและข้อห้ามอย่างไรบ้าง

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ถั่งเช่า หรือที่เรียกกันว่า หญ้าหนอน เป็นยาสมุนไพร ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศแถบเอเชีย โดย ถั่งเช่า นั้นเกิดมาจากสปอร์เห็ดรา ที่ไปเจริญเติบโตบนตัวอ่อนหนอนผีเสื้อ (Cordyceps Sinensis) ซึ่งจำศีลอยู่ใต้ดินในฤดูหนาว แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนจึงทำให้สปอร์เห็ดเติบโตขึ้น โดยดูดสารอาหารจากตัวอ่อนหนอน และงอกขึ้นบริเวณส่วนหัวของตัวหนอน จึงพบว่าถั่งเช่าจะประกอบด้วย 2 ส่วน ส่วนที่เป็นตัวอ่อนของผีเสื้อและอีกส่วนเป็นสปอร์เห็ด ข้อมูลเพิ่มเติมจากโครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ

ถั่งเช่าถือได้ว่าเป็นยาสมุนไพร ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายในประเทศจีน ถั่งเช่าอุดมไปด้วยสารที่เป็นประโยชน์ ได้แก่ โพลีแซคคาไรด์ (galactomannan), นิวคลีโอไทด์ (adenosine, cordycepin), cordycepic acid, กรดอะมิโน และสเตอรอล (ergosterol, beta-sitosterol) 

นอกจากนี้จากรายงานโครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ถั่งเช่ายังประกอบด้วยสารอาหารสำคัญอื่น ๆ เช่น โปรตีน วิตามินต่าง ๆ เช่น Vit E, K, B1, B2 และ B12 แร่ธาตุต่าง ๆ เช่น โพแทสเซียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม เหล็ก สังกะสี และซิลิเนียม เป็นต้น

ถั่งเช่า มีประโยชน์ หรือ ให้โทษ กันแน่1

ถั่งเช่า แบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่

  1. ถั่งเช่าทิเบต หรือ ถั่งเช่าแท้  (Ophiocordyceps sinenses หรือ Cordyceps sinenses) 
  2. ถั่งเช่าสีทอง (Cordyceps militaris) 
  3. ถั่งเช่าหิมะ หรือ ถั่งเช่าเกาหลี  (Snowflake Dongchunghacho) 
  4. ถั่งเช่าจักจั่น หรือ ว่านจักจั่น  (Cicadae fungus หรือ Cicadae flower)

ถังเช่าที่ได้รับความนิยม และขายกันทั่วไปในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็น ถั่งเช่าสีทอง ซึ่งเป็นชนิดที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับถั่งเช่าทิเบตที่สุด สามารถเพาะเลี้ยงได้เอง แต่ทั้งนี้ในถั่งเช่าสีทอง มีสารเคมีบางตัวที่มีผลต่อผู้ป่วย โดยเฉพาะโรคไต เพระาฉะนั้น ต้องระมัดระวังในการรับประทาน

 

การรับประทานถั่งเช่าเพื่อประโยชน์ด้านการแพทย์นั้น มีมานานตั้งแต่อดีต เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพตามการศึกษาโครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ส่งผลดีต่อร่างกาย โดยเชื่อกันว่าสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย รักษาโรคไตและตับ เสริมสมรรถภาพของเพศชาย ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยเพิ่มการทำงานของตับในผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ บี รักษาความผิดปกติในระบบทางเดินหายใจ เพิ่มกำลังและความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้ ยังช่วยบรรเทาอาการไอ บำบัดอาการของผู้ป่วยที่ติดยาเสพติดในกลุ่มสารแอลคาลอยด์ วิงเวียนศีรษะ เป็นต้น

 

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ด้วยสรรพคุณหลากหลายของถั่งเช่า จึงทำให้ได้รับฉายาว่า เป็นยอดสมุนไพรจีนที่หลายคนสรรหามาบำรุงร่างกาย และยังมีราคาสูง อย่างไรก็ตาม ก่อนการเลือกรับประทาน หรือใช้ถั่งเช่าเพื่อรักษาโรคใด ๆ ตามคำกล่าวอ้าง ควรศึกษาข้อมูลทางการแพทย์และโครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ ที่แนะนำการใช้อย่างปลอดภัยเสียก่อน สำหรับงานวิจัยและค้นคว้าเกี่ยวกับคุณสมบัติของถั่งเช่าในการรักษาโรคมีมากมายหลายด้าน 

ถึงแม้ว่าถั่งเช่าจะมีประโยชน์และสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย แต่การรับประทานถั่งเช่าก็มีข้อห้ามและข้อจำกัดสำหรับบุคคลบางกลุ่มเช่นกัน

ถั่งเช่า มีประโยชน์ หรือ ให้โทษ กันแน่2

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

ประโยชน์ทางทางการแพทย์ของถั่งเช่า

ถั่งเช่าอาจจะดูมีสรรพคุณในด้านดี อย่างมากมาย แต่จากฐานข้อมูลที่ครอบคลุมเกี่ยวกับการแพทย์ทางธรรมชาติ (Natural Medicines Comprehensive Database) ได้แบ่งระดับความน่าเชื่อถือ ของการใช้ถั่งเช่า เพื่อเป็นการรักษาทางเลือกจากธรรมชาติ ส่วนใหญ่พบว่าอยู่ในระดับที่ ยังมีหลักฐานไม่เพียงพอต่อการบ่งบอกประสิทธิภาพ (Insufficient Evidence to Rate) และในด้านเสริมประสิทธิภาพในการออกกำลังกาย ถูกจัดให้อยู่ในระดับที่อาจไม่ได้ผล (Possibly Ineffective)

 

ข้อควรระวังในการบริโภค ถั่งเช่า ข้อห้าม อันตรายของถั่งเช่า

การรับประทานถั่งเช่า อาจมีผลข้างเคียงที่อาจก่อให้เกิดมีอาการแพ้ โดยโครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ กล่าวว่าอันตรายจากถั่งเช่าอาจจะขึ้นอยู่กับปริมาณที่บริโภค และสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล หากร่างกายได้รับถั่งเช่าในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น หรือบริโภคอย่างไม่เหมาะสม ก็อาจทำให้เกิดผลเสียข้างเคียงตามมาในภายหลังได้ ดังนั้น

  • ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดได้ จะไปเสริมฤทธิ์กับยาลดน้ำตาลในเลือด
  • ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่มป้องกันการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด เนื่องจากถั่งเช่ามีฤทธิ์ต้านการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือด
  • ควรระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน (immunosuppressive) ทั้งนี้เพราะว่าถั่งเช่ามีฤทธิ์กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน
  • ขนาดบริโภคของผู้ใหญ่ (อายุมากกว่า 18 ปี) ในแต่ละวัน ประมาณ 3-9 กรัม ชงกับน้ำร้อน หรือประกอบอาหาร ขนาดการใช้ที่มากเกินไปอาจจะก่อเกิดผลเสียได้
  • การใช้ในหญิงมีครรภ์ หญิงในนมบุตร และในเด็ก ยังมีข้อมูลไม่เพียงพอ
  • ห้ามใช้ในคนที่แพ้เห็ด Cordyceps ผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และผู้ป่วยที่มีการเต้นของหัวใจผิดปกติ

นอกจากนี้ กลุ่มของคนที่ปลูกถ่ายอวัยวะ และกินยากดภูมิแล้ว กลุ่มของคนไข้ที่มีเชื้อ HIV และมีค่า CD4 น้อยกว่า 200 ก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงเช่นกัน เพราะอาจจะเกิดปัญหาการติดเชื้อราได้

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

 

การรับประทานถั่งเช่าอย่างปลอดภัย

หากรับประทานในระยะเวลาสั้น และปริมาณที่พอเหมาะ ถั่งเช่าค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่มีข้อควรระวังบางประการ ดังนี้

  • การเลือกรับประทานถั่งเช่าเป็นอาหารเสริม ควรเลือกจากแหล่งผลิตที่เชื่อถือได้ และผ่านกรรมวิธีที่ถูกต้อง เนื่องจากมีความเป็นไปได้ต่อการปนเปื้อนสารพิษและสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
  • ถั่งเช่าอาจก่อให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้ หรือปากแห้งในบางราย
  • การรับประทานถั่งเช่าควบคู่กับยาบางประเภท เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ยายับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ยาซัยโคลฟอสฟาไมด์ หรือคาเฟอีน อาจก่อให้ปฏิกิริยาระหว่างยา ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาบางตัวในขณะนั้นควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง
  • ก่อนการรับประทานถั่งเช่าในรูปแบบปกติหรืออาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับปริมาณและระยะเวลาในการรับประทาน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยาระหว่างยาและร่างกาย
  • สตรีมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรควรหลีกเลี่ยงที่จะรับประทาน เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันความปลอดภัยในการรับประทานมากเพียงพอ หากต้องการรับประทานควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง
  • ผู้ป่วยในกลุ่มโรคภูมิต้านตนเอง เช่น โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งหรือโรคเอมเอส โรคลูปัส โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์  ไม่ควรรับประทาน เนื่องจากถั่งเช่าอาจส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายไวต่อการกระตุ้นมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้อาการของผู้ป่วยแย่ลง
  • โครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพกล่าวว่า ถั่งเช่าอาจทำให้เลือดแข็งตัวช้า ผู้ป่วยภาวะเลือดออกผิดปกติอาจมีความเสี่ยงในการเกิดเลือดออกได้ง่ายขึ้น รวมทั้งผู้เข้ารับการผ่าตัดควรเลี่ยงที่จะรับประทานถั่งเช่าก่อนเข้ารับการผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดเลือดออกมากในขณะผ่าตัด

ถั่งเช่า มีประโยชน์ หรือ ให้โทษ กันแน่3

ผลข้างเคียงซึ่งอาจส่งผลให้ผู้ทาน เกิดอาการแพ้ มีดังนี้

  • อาการร้อนใน รู้สึกกระหายน้ำ และมีอาการริมฝีปากแห้งร่วมด้วย
  • อาการง่วงซึม ซึ่งมักเกิดขึ้นได้ในผู้บริโภคที่รับประทานถั่งเช่าสีทองทั้งในรูปแบบการดื่มน้ำสกัด น้ำชา หรือบริโภคเนื้อเห็ดในปริมาณสูง
  • ปวดท้องคล้ายจุกเสียด
  • ถ่ายเหลว คล้ายท้องเสียแต่ไม่มีไข้ และไม่มีอาการปวดท้องร่วม
  • เหงื่อออกมาก 
  • มีผื่นคันตามผิวหนัง 
  • มีตุ่มสิวขึ้นบริเวณบนใบหน้าหรือแผ่นหลังหลังรับประทานถั่งเช่า ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นประมาณ 2-7 วัน
  • หากมีอาการแพ้รุนแรง อาจมีเลือดกำเดาไหล 
  • วิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ตาพร่ามัว ขอบตาแดง อาการวิงเวียนศีรษะมักพบในผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หรือผู้ที่ทานถั่งเช่าหลังการออกกำลังกายทันที

 

วิธีการแก้อาการแพ้เบื้องต้น 

  • ดื่มน้ำอุ่นหลังทานถั่งเช่า และดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อช่วยให้ดูดซึมได้ง่ายขึ้น
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อให้ร่างกายรับสารถั่งเช่า โดยไม่มีอาการแพ้
  • โครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพแนะนำว่า หากทานแล้วมีอาการหายใจไม่ออก หรือเกิดอาการแพ้รุนแรงอื่นๆ ให้หยุดทาน และพบแพทย์ ทันที

 

ผู้ที่ไม่ควรรับประทานถั่งเช่า

  • เด็ก สตรีมีครรภ์ และหญิงที่กำลังให้นมบุตร ไม่ควรรับประทานถั่งเช่า เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลยืนยันเรื่องความปลอดภัยสำหรับการรับประทานถั่งเช่าที่ชัดเจน
  • เด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่ควรรับประทาน
  • ไม่ควรรับประทานถั่งเช่าควบคู่กับยาบางประเภท เช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยายับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน รวมไปถึงผู้ที่พึ่งผ่านการผ่าตัด หรือมีแผลขนาดใหญ่ ก่อนและหลังเป็นระยะเวลา 1 เดือน เนื่องจากฤทธิ์ของถั่งเช่าส่งผลให้เลือดแข็งตัวช้าและอาจทำให้มีอาการรุนแรงอื่นๆ ตามมาได้
  • ผู้ป่วยในกลุ่มโรคภูมิต้านตนเอง ไม่ว่าจะเป็น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคเอมเอส และโรคลูปัส ไม่ควรรับประทานถั่งเช่า เนื่องจากสารสำคัญในถั่งเช่าบางตัวอาจไวต่อการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้มากขึ้น และเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการของผู้ป่วยแย่ลง
  • ผู้ที่ต้องขับขี่ยานพาหนะประเภทต่าง ๆ บนท้องถนน ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ หรือรถจักรยานยนต์ และผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรกล หรือของมีคมในการทำงาน โครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เน้นย้ำว่าควรเพิ่มความระมัดระวังให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากการรับประทานถั่งเช่าในช่วงแรกอาจทำให้ผู้บริโภคมีอาการง่วงซึม ซึ่งอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดตามมาได้

ถั่งเช่า มีประโยชน์ หรือ ให้โทษ กันแน่4

ก่อนการรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญและศึกษาโครงงานสมุนไพรเพื่อสุขภาพ เกี่ยวกับ ปรืมาณความเหมาะสมในการทาน และระยะเวลาในการรับประทาน เพื่อความปลอดภัย และลดความเสี่ยงของในการเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายอีกด้วย 

แต่ทั้งนี้ในต่างประเ้ทศ มีมีงานวิจัย ที่เกี่ยวกับถั่งเช่า ซึ่งพบว่า การรับประทานทาน ถั่งเช่าอาจให้เกิดอาการเสี่ยงไตวายได้ ซึ่งในงานวิจัยได้กล่าวว่า

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา
  • ถั่งเช่าทิเบต (C. sinensis) ที่เจริญเติบโตตามธรรมชาติ มี cordycepin ปริมาณน้อยมาก
  • ถั่งเช่าทิเบต (C. sinensis) ที่เพาะเลี้ยงในห้องทดลอง ส่วนใหญ่มีสาร adenosine และตรวจไม่พบสาร cordycepin
  • ถั่งเช่าสีทอง (C. militaris) ที่เพาะเลี้ยงในห้องทดลอง ส่วนใหญ่มีสาร cordycepin

ทั้งถั่งเช่าทิเบต และถั่งเช่าสีทอง เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะสลายตัวไปเป็นกรดยูริก ดังนั้น ควรระวังเรื่องปริมาณในการรับประทาน ในผู้ที่มีกรดยูริกในเลือดสูง ผู้ป่วยโรคเกาต์ และผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง

อย่างไรก็ตาม การปรึกษาแพทย์ ก่อน ทาน จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด สำหรับคนที่ตัดสินใจจะทานสมุนไพรชนิดนี้

ถั่งเช่า มีประโยชน์ หรือ ให้โทษ กันแน่5

ที่มา: (Goldicore) (Cordyzhi) (Pobpad) (Facebook)

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :

รวมไว้ให้กินตรงนี้ อาหารและสมุนไพร ที่ช่วยเพิ่มน้ำนมแม่ ไม่ต้องไปหาอ่านที่ไหนแล้ว

คนท้องกินสมุนไพรได้ไหม สมุนไพรที่เป็นอันตรายต่อคนท้อง VS สมุนไพรสําหรับคนท้อง

คนท้องกินสมุนไพรรางจืดได้มั้ย สมุนไพรอะไรที่คนท้องห้ามกินบ้าง

บทความโดย

@GIM