โดยส่วนตัวฉันไม่ชอบการรับยาเพื่อกระตุ้นให้คลอดด้วยเหตุผลหลายประการ ประการแรก ฉันเคยได้ยินมาว่าการรับยากระตุ้นจะทำให้เจ็บปวดกว่าการเจ็บท้องคลอดตามธรรมชาติมาก และเนื่องจากฉันนิยมการคลอดแบบธรรมชาติไม่ต้องพึ่งยาแก้ปวด ฉันเกรงว่าฉันจะเปลี่ยนใจได้ง่าย ๆ ถ้าจะต้องเจ็บขนาดนั้น
ประการที่สอง ฉันเชื่อว่าร่างกายของผู้หญิงถูกออกแบบมาเพื่อให้คลอดลูกได้เองตามธรรมชาติ และการให้ยาใด ๆ จะยิ่งเป็นการทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ทวีความซับซ้อนยิ่งขึ้น และประการสุดท้าย ฉันเชื่อว่าเราใช้ยากระตุ้นมากเกินจำเป็นในกรณีที่ไม่ได้ฉุกเฉิน ท้องแรกของฉันคลอดตามที่แพลนไว้ โดยไม่ได้ใช้ยาใด ๆ เป็นการคลอดที่ง่าย ไร้ปัญหา
แต่ท้องที่สองกลับเป็นคนละเรื่อง ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับยากระตุ้นให้คลอด ต่อไปนี้เป็นเรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังทั้งหมดเกี่ยวกับชั่วโมงเตรียมคลอดโดยใช้ยาที่ฉันประสบมา
กำหนดรับยากระตุ้น
ช่วงครรภ์อายุได้ 37 สัปดาห์ ความดันของฉันเริ่มสูง คุณหมอบอกฉันว่าอาจต้องคลอดโดยใช้ยากระตุ้นช่วยถ้าความดันของฉันยังไม่ลด หรือฉันไม่เจ็บท้องคลอดเองในเร็ววัน แต่หมอไม่ได้นัดหรือพูดอะไรมากกว่านั้น ฉันจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ฉันเลยค่อย ๆ ทำนู่นนี่เพื่อหวังจะลดความดันลง หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ความดันของฉันก็ยังไม่ลด คุณหมอเลยพูดถึงการให้ยากระตุ้นอีกครั้ง แต่จะตรวจอะไรบางอย่างก่อนเผื่อจะหาสาเหตุของความดันสูงได้ ไม่นานโรงพยาบาลก็โทรมาแจ้งผลการตรวจ
ต้นตอของปัญหาความดันยังไม่ชัด แต่บังเอิญตรวจพบว่าร่างกายฉันมีปริมาณโพแทสเซียมในระดับต่ำมากโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อหัวใจของฉัน (และเด็กในท้อง) เมื่อไปพบคุณหมอครั้งถัดมา คุณหมอนัดวันให้ยากระตุ้น 1 สัปดาห์หลังจากนั้น แต่ลอกเยื่อออกเพื่อให้ฉันเจ็บท้องคลอดเองตามธรรมชาติ ฉันภาวนาให้วิธีนี้ได้ผลเพราะใจก็ยังไม่ชอบวิธีให้ยาอยู่ แต่ถ้าจะต้องทำเพื่อให้ตัวเองและลูกปลอดภัย ก็คงต้องใช้
บทความเกี่ยวข้อง: 14 วิธีใน14วัน เพื่อเร่งการเจ็บท้องคลอด
ใกล้วันรับยา
เมื่อคุณหมอนัดวันรับยาแล้ว ฉันมีเวลาหนึ่งสัปดาห์ที่จะรอให้ปวดท้องเอง ฉันพยายามทำทุกอย่างที่คิดได้เพื่อให้เจ็บท้อง แต่ไม่ได้ผลสักอย่าง รู้อีกทีก็ถึงวันนัดซะแล้ว ฉันประหม่ามาก แต่ก็ต้องยอมรับว่าการคลอดโดยรู้ล่วงหน้านี้ทำให้หลาย ๆ อย่างง่ายขึ้น ฉันแพ็คข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นและมีเวลาตรวจตรา ชาร์จแบตกล้องและ โทรศัพท์มือถือพร้อม ทำความสะอาดบ้าน จัดของเตรียมต้อนรับสมาชิกใหม่ และที่สำคัญที่สุด เอาลูกสาวคนโตของฉันไปฝากไว้ที่บ้านพี่สาวพอดิบพอดี จะได้มีเวลาอยู่กับลูกทั้งวันก่อนจะพาไปส่ง เพราะการเจ็บท้องคลอดเองมักเกิดขึ้นกลางดึก ทำให้ไม่มีเวลาทำอะไรสักอย่าง
18 ธันวาคม 2555
หลังจากที่นอนไม่หลับมาทั้งคืน (ใครจะไปนอนหลับล่ะคะ?) ฉันตื่นตั้งแต่ตีห้าครึ่ง และโทรไปโรงพยาบาลเพื่อคอนเฟิร์มว่าฉันจะไปแอดมิทเข้าในอีกหนึ่งชั่วโมง เผื่อโรงพยาบาลต้องทำคลอดคนที่เจ็บท้องเองเยอะและไม่มีห้องให้ฉัน แต่โรงพยาบาลบอกว่ามีห้องพอ ฉันเลยแอบผิดหวังเล็ก ๆ ในที่สุดฉันก็ได้เข้าห้องเตรียมคลอดตอนแปดโมงครึ่ง ขั้นตอนเริ่มจากการให้ยาที่ชื่อพิโตซิน
ฉันรู้สึกว่ามดลูกบีบตัวแทบจะในทันที ตอนแรกก็ไม่เจ็บ แทบจะไม่รู้สึก แต่มันบีบมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อมดลูกบีบตัวตามธรรมชาติ มันจะค่อย ๆ บีบแรงขึ้นช้า ๆ โดยแทบจะไม่รู้ถึงความแตกต่าง แต่การบีบจากการรับยากระตุ้น มดลูกจะบีบแรงขึ้นมากทุกครั้งจนรู้สึกได้ชัด ประมาณ 10 โมง คุณหมอก็มาเจาะถุงน้ำและเริ่มทำคลอด พยาบาลเช็คดูว่าฉันไปถึงไหนแล้ว ปรากฏว่าไปได้ประมาณครึ่งทางแล้ว ณ จุดนั้นฉันรู้สึกเจ็บจนแทบจะหมดสติ ฤทธิ์ของยาพิโตซินนี่มันร้ายกาจจริง ๆ
แล้วความสนุกก็เริ่มขึ้น
11.30 น. หนึ่งชั่วโมงครึ่งหลังจากเจาะน้ำ และสามชั่วโมงหลังเริ่มเจ็บท้อง พยาบาลก็มาเช็คอีกครั้ง ฉันยังคงอยู่ครึ่งทางเหมือนเดิม ความเจ็บมันมากเกินจะทน จนฉันเปลี่ยนใจมาพึ่งยาแก้ปวด เพราะระลึกว่าถ้าต้องทนความเจ็บระดับนี้ไปอีกนาน ฉันต้องหมดสติแน่ พยาบาลซึ่งรู้ว่าชั้นไม่ต้องการบล็อกหลังเสนอจะให้ยาแก้ปวดแทน ยาแก้ปวดจะช่วยลดความเจ็บปวด ต่างจากการบล็อกหลังซึ่งจะทำให้ชา ฉันตอบตกลงหลังจากเช็คแล้วว่ามันจะหมดฤทธิ์ก่อนที่จะต้องเบ่ง และมันจะไม่ทำให้ชา ฉันถามพยาบาลว่านานแค่ไหนกว่ายาจะออกฤทธิ์ เธอตอบว่าประมาณ 15 นาที สิบนาทีต่อมา ฉันกำลังเบ่ง และ 5 นาทีถัดมา ลูกสาวฉันก็ลืมตาดูโลก ฉันเบ่งแค่สามครั้งสั้น ๆ เท่านั้น เธอก็ออกมาสู่โลกภายนอก ยาแก้ปวดออกฤทธิ์หลังจากที่เธอเกิดไม่นาน ฉันดีใจที่มันไม่ได้ออกฤทธิ์ก่อนที่เธอจะออกมา ช่างโชคดีซะนี่กะไร
ลูกสาวของฉันสมบูรณ์แข็งแรง สรุปเรื่องสยองเกี่ยวกับยากระตุ้นทั้งหลายที่ฉันได้ยินมาก็เป็นจริงทุกประการ คนอื่น ๆ อาจจะประสบเหตุการณ์ต่างกันไป แต่ถ้าให้เทียบกับท้องแรกที่ฉันคลอดเอง ครั้งหลังนี่แย่กว่าเยอะ อย่างไรก็ตามการคลอด และการฟื้นฟูหลังคลอดก็ง่ายกว่ามาก
สุดท้าย การมีเวลาวางแผนทำให้ทุกอย่างพร้อมและเรียบร้อย ทั้งสองวิธีก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน แต่ถ้าเลือกได้ ฉันก็ขอเลือกแบบธรรมชาติดั้งเดิมดีกว่าค่ะ
บทความน่าสนใจ: ระยะต่างๆของการคลอดลูก