ใกล้ปีใหม่แล้ว หลายคนคงอยากไปพักผ่อน ต่างจังหวัด สูดอากาศบริสุทธิ์ให้ชุ่มฉ่ำใจ และที่ที่อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จัก และนิยมมากนัก คือ ชุมชน ชาวเขาเผ่าอาข่า ดอยผาฮี้ แหล่งปลูกกาแฟชั้นดีของ จ. เชียงราย ที่ตั้งอยู่บนเทือกเขานางนอน ที่เหล่านักฟุตบอลเยาวชน ทีมหมูป่าไปติดอยู่ในถ้ำหลวงนั่นแหละ ที่ชุมชน ชาวเขาเผ่าอาข่า ดอยผาฮี้ นอกจากจะได้ชิมกาแฟรสเลิศแบบไม่อั้นแล้ว วิวทิวทัศน์ก็สวยงาม แถมอากาศ ยังจัดได้ว่า ดีมากอีกด้วย
ดอยผาฮี้ เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวไทยภูเขา เผ่าอาข่า ที่ยังคงรักษาขนบธรรมเนียมแบบดั้งเดิมอย่างเหนียวแน่น และยังเป็นแหล่งเพาะปลูกกาแฟชั้นดีของจังหวัดเชียงราย ที่ได้รับ การยอมรับถึงคุณภาพของเมล็ดกาแฟ พันธุ์อราบิกา คุณภาพสูง และส่งออกทั้งภายใน และต่างประเทศ
ไม่เพียงชื่อเสียงด้านกาแฟเท่านั้น เรื่องความสวยงามของวิวทิวทัศน์รอบ ๆ หมู่บ้านก็ไม่เป็นรองใคร เนื่องจากมีพื้นที่อยู่บนดอยสูง โดยมีเทือกเขานางนอน ล้อมรอบหมู่บ้านเอาไว้ ไม่ว่าจะมองมุมไหนก็สวยงาม แปลกตา ยิ่งหากมาในช่วงฤดูหนาวแล้ว จะมีต้นนางพญาเสือโคร่งออกดอกสีชมพูแซมให้เห็นละลานตาไปทั่วทั้งหุบเขาอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีร้านกาแฟผาฮี้ ให้นักท่องเที่ยวได้ดื่ม พร้อมชมทิวทัศน์ภูเขาสูงอย่างเพลิดเพลิน รวมถึงมีโฮมสเตย์ให้พักผ่อนในราคาหลักร้อยเท่านั้น
สำหรับคอกาแฟพันธุ์แท้ คงเคยได้ยินชื่อเสียงของ “กาแฟผาฮี้” กันมาบ้าง เพราะเป็นกาแฟไทยภูเขาคุณภาพคับแก้ว มีรางวัลชนะเลิศจากเวทีประกวดเมล็ดกาแฟพันธุ์อราบิกา จากมหกรรมพืชสวนโลก ปี 2554 เป็นเครื่องการันตี
เนื่องจากดอยผาฮี้ มีพื้นที่อยู่แนวตะเข็บชายแดนไทย – เมียนมาร์ ในอดีตชาวเขาเผ่าอาข่าที่อาศัยอยู่ที่นี่ จึงมีอาชีพหลัก คือ ถางป่าเพื่อปลูกฝิ่น แต่ด้วยพระราชปณิธานของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี หรือสมเด็จย่า ส่งเสริมให้ชาวบ้านเลิกถางป่า และปลูกฝิ่น
โครงการพัฒนาดอยตุง จึงเข้ามาที่หมู่บ้านในปี 2531 และสอนให้รู้วิธี อยู่ร่วมกับป่าอย่างยั่งยืน โดยสนับสนุนให้ชาวบ้าน หันมาปลูกกาแฟพันธุ์อราบิกา ซึ่งปลูกแล้วได้ผลดีในภูมิประเทศภูเขาสูง ที่ระดับความสูง 1,200-1,400 ม. เหนือระดับน้ำทะเล จนกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านจนปัจจุบัน ทุกครัวเรือนจึงหันมาปลูกกาแฟเป็นอาชีพหลัก โดยชูสโลแกน “ปลูกกาแฟดีกว่าปลูกฝิ่น”
ใครที่มีโอกาสได้มาที่ดอยผาฮี๊ แนะนำให้ตื่นแต่เช้า เพราะแสงแรกของที่นี่ คือสวยงามมาก นอกจากจะได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ยังจะได้สูดอากาศสดชื่น และชื่นชมไปกับทะเลหมอกที่สวยงามแล้ว ถ้าโชคดีมาช่วงเวลาที่ ทางหมู่บ้านมีพิธีกรรม อาจจะจะได้เห็นประเพณีความเชื่อต่าง ๆ ของชาวบ้านที่หาดูได้ยากอีกด้วย
ชาวอาข่าที่นี่ยังคงอนุรักษ์ประเพณีความเชื่อต่างๆ ไว้เป็นอย่างดี พวกเขายังคงนับถือผี หรือบรรพบุรุษดั้งเดิมเอาไว้ ในหนึ่งปี จะจัดพิธีกรรมถึง 12 ครั้ง เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ เช่น ประเพณีโล้ชิงช้า หรือประเพณีปีใหม่ลูกข่าง
ในวันที่มีการจัดพิธีกรรม จะพบเห็นชาวบ้านแต่งกายเต็มยศ โดยเฉพาะสุภาพสตรี
ชาวเขาเผ่าอาข่าในประเทศไทยมีด้วยกันอยู่หลายที่ แต่ส่วนใหญ่เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์กันหมด มีเพียงชาวอาข่าบ้านผาฮี้เท่านั้น ที่ยังคงนับถือผี หรือบรรพบุรุษอยู่ ใครที่มีโอกาสได้มาเที่ยวบ้านผาฮี้ จะได้เห็นสถานที่สำคัญต่างๆ ที่เป็นความเชื่อของคนในหมู่บ้าน เช่น บ้านหมอผีประจำหมู่บ้าน (ทำหน้าที่ปัดรังควานเรื่องที่ไม่ดี) บ้านผู้นำชุมชน (เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของคนในหมู่บ้าน) ประตูผี (ใครลอดผ่านประตูผีจะรอดพ้นจากสิ่งชั่วร้าย) และความเชื่อต่าง ๆ อีกมากมาย
ถ้าใครมาเที่ยวดอยผาฮี้ แนะนำให้รับประทานอาหารพื้นบ้านของชาวอาข่าโดยเฉพาะที่ ร้านกาแฟผาฮี้ เพราะนอกจากได้ชิมกาแฟชั้นเลิศแล้ว ยังมีอาหารพื้นบ้านของเผ่าอาข่าให้เลือกรับประทานกันอีกด้วย อาหารที่นี่จะถูกจัดเป็นเซทๆ เริ่มที่ ผัดยอดมะระหวาน, ไข่เจียว, ผัดหมูรากชู, ต้มหัวปลี, มะเขือขม และน้ำพริกถั่วเน่าอาข่า อาหารพื้นบ้านของที่นี่ รสชาติโดยรวมไม่จัดจ้าน แต่กลมกล่อมเข้ากันได้ดี
ปัจจุบัน ดอยผาฮี้ เริ่มมีที่พักแบบโฮมสเตย์ให้บริการเยอะขึ้นแล้ว แต่ที่พักที่สามารถมองลงไปแล้วเห็นวิวเมืองเชียงวรายและแนะนำเลยก็คือ ผาฮี้โฮมสเตย์ เนื่องจากตั้งอยู่ที่จุดสูงสุดของหมู่บ้าน จึงเป็นวิวที่สวยที่สุดเช่นกัน เวลากลางคืนสามารถมองเห็นตัวเมืองเชียงรายได้ สิ่งอำนวยความสะดวกมีเฉพาะเครื่องทำน้ำอุ่นแบบใช้แกส และพัดลม ไม่มีแอร์ แต่ก็ไม่จำเป็น เพราะเวลากลางคืนที่นี่อากาศเย็น แค่นอนฟังเสียงของธรรมชาติก็ฟินแล้ว ราคาที่พักคิดเป็นรายคน ตกคนละประมาณ 750 บาท รวมอาหาร 2 มื้อ และกาแฟไม่อั้น
theAsianparent Thailand ขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทริปครอบครัว สถานที่ท่องเที่ยวสำหรับเด็ก คาเฟ่เด็ก ฟาร์ม กิจกรรม 1 เดย์ทริป กิจกรรมสำหรับครอบครัว ทั้งทะเล ภูเขา ที่พักหลากสไตล์ทั้งแบบแคมป์ แบบพูลวิลล่า ที่พักริมหาด ที่พักติดทะเล ที่พักอิงแอบแนบภูเขา ให้ลูกได้ออกไปเรียนรู้กับธรรมชาติ สายลม แสงแดดและหาดทราย เสริมสร้างการเรียนรู้และพัฒนาการได้สมวัย เสริมสร้างทักษะทางสังคมและสติปัญหา สามารถปรับตัวและเรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรมต่างถิ่น การใช้ชีวิตกับผู้อื่นและมารยาททางสังคม
ที่มา : www.autoinfo.co.th
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ :
แนะนำทริป สัมผัสเมือง 3 หมอก เที่ยวภาคเหนือ เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน
ททท. ผุดไอเดีย เส้นทางสละโสด ดึงคนเหงาเดินทาง กระตุ้นการท่องเที่ยว
ท่องเที่ยว ท่องอดีต พาลูกเรียนรู้วัฒนธรรม ณ สุโขทัย เมืองประวัติศาสตร์