ความเชื่อ vs ความจริง ที่เค้าว่ากันเรื่องเด็กแรกเกิด

ห้ามทักเด็กว่าน่ารัก ผีจะเอาตัวไป เด็กบิดขี้เกียจบ่อย จะทำให้โตเร็วเนื้อเยอะ และความเชื่ออื่นๆที่คนโบราณเค้าบอกให้ทำตาม จริงหรือ? ไขข้อข้องใจ ความเชื่อ VS ความจริง

ความเชื่อ vs ความจริง ที่เค้าว่ากันเรื่องเด็กแรกเกิด

ความเชื่อ vs ความจริง ที่เค้าว่ากันเรื่องเด็กแรกเกิด จริงไหม ที่เค้าว่ากันมา

ความเชื่อ

พาทารกแรกเกิดกลับบ้านวันแรก ต้องทำพิธีเรียกขวัญก่อนเข้าบ้าน

ความจริง

ความเชื่อในข้อนี้ ส่วนมากเป็นความเชื่อของทั้งคนไทยและคนจีน ที่เชื่อกันว่ามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คอยปกปักรักษา คุ้มครองบ้านที่อาศัยอยู่ การบอกกล่าวแก่สิ่งศักดิ์สิทธิ์เปรียบได้กับการบอกกล่าวเพื่อความเป็นสิริมงคล ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข

ความเชื่อ

เด็กแรกเกิดนอนหลับแล้วยิ้ม เพราะกำลังเล่นกับแม่ซื้อ

ความจริง

การที่เด็กนอนหลับแล้วยิ้ม ขยับปากคล้ายจะขอนม หรือขมวดคิ้ว เป็นหนึ่งในพัฒนาการของกล้ามเนื้อใบหน้าของลูก โดยนักวิจัยได้วัดคลื่นสมองของทารกแรกคลอด และสังเกตกิริยาท่าทางของทารก ที่มีอายุระหว่าง 10 – 20 สัปดาห์ ในขณะที่กำลังหลับ พบว่าทารกจะไม่อยู่นิ่งเลย หากเป็นการหลับในช่วงกลางวัน ภายในครึ่งชั่วโมงทารกจะเคลื่อนไหวร่างกายเฉลี่ยแล้ว 10.5 นาที และหากเป็นช่วงกลางคืน เขาจะเคลื่อนไหวถึง 24.4 นาที เลยทีเดียว

ความเชื่อ

ห้ามทักเด็กทารกว่าน่ารัก ให้ทักว่าน่าเกลียดน่าชัง ไม่เช่นนั้นผีจะมาเอาตัวเด็กไป

ความจริง

อาจจะเป็นไปได้ว่า ความเชื่อในข้อนี้ เป็นเพียงแค่การเตือนใจพ่อแม่ ไม่ให้รักใคร่ หลงไหลลูกของตัวเองอย่างไม่สนใจเหตุและผล ถูกหรือผิด เพราะบางครั้งการรักลูกมากเกินไป เลี้ยงแบบตามใจทุกอย่าง ไม่เคยขัดใจลูกแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ก็จะทำให้เด็กโตขึ้นมามีนิสัยเอาแต่ใจตัวเอง ดื้อรั้น เถียงคำไม่ตกฟาก ไม่เคารพ หรือบางครั้งอาจมองเห็นพ่อแม่เป็นแค่คนรับใช้ก็มี

ความเชื่อ

เด็กร้องไห้ (ร้องโคลิค) เพราะเห็นผี

ความจริง

เด็กร้องโคลิค จะมีอาการร้องไห้รุนแรง ทำอย่างไรก็ไม่หยุดร้อง โมโห หน้าแดง ร้องแบบแผดเสียง กำหมัดแน่น ขางอเข้าหาหน้าท้อง มักจะเกิดขึ้นในช่วงบ่ายหรือเย็น โดยมีอาการนานกว่า 3 ชั่วโมงต่อวัน มากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์

เด็กร้องโคลิด หรือที่คนเฒ่าคนแก่มักจะเรียกกันว่า ร้องร้อยวัน เป็นอาการที่พบได้ทั้งในเด็กผู้ชายและผู้หญิง พบได้ค่อนข้างบ่อยประมาณ  20 – 30% เริ่มมีอาการเมื่อเด็กมีอายุได้ประมาณ 2 สัปดาห์ แต่อาการจะรุนแรงขึ้นในช่วงอายุ 6 – 8 สัปดาห์ แล้วอาการจะหายไปเองเมื่อลูกอายุประมาณ 3 เดือน โดยสาเหตุของอาการอาการที่ทำให้ลูกร้องโคลิคเป็นเรื่องของการปวดท้อง ไม่สบายท้องของเด็กทารก

ความเชื่อ

เด็กทารกที่บิดขี้เกียจบ่อยๆ จะทำให้เด็กโตเร็ว และโตขึ้นมาจะมีเนื้อเยอะขึ้น

ความจริง

อาการบิดตัวไปมาพร้อมกับร้องอ้อแอ้ของเด็กทารกนั้น เป็นอาการปกติของเด็กวัยทารกที่ยังไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อได้นั่นเอง

ความเชื่อ

ให้เด็กใส่กำไลข้อเท้า เพราะจะนำพาโชคลาภมาสู่ครอบครัว

ความจริง

ประโยชน์จริงๆของการใส่กำไล หรือกระพรวนนั้น ก็เพื่อเป็นการบอกว่าเด็กหลับ หรือว่าตื่นอยู่ อีกทั้งยังช่วยบอกตำแหน่งของเด็กทารกได้ เมื่อเด็กเคลื่อนที่ ก็จะทำให้เกิดเสียง ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทราบว่าลูกอยู่ตรงไหน

อย่างไรก็ตาม การให้ลูกใส่วัสดุที่มีค่าอย่างเช่น ทองคำ ก็อาจจะเป็นการล่อตาล่อใจโจรผู้ร้าย และต้องคอยเปลี่ยนขนาดตามข้อมือข้อเท้าของลูก เพื่อไม่ให้รัดแน่นจนเด็กบาดเจ็บได้

ความเชื่อแบบโบราณ เป็นสิ่งที่ไม่ผิดตราบเท่าที่เลือกปฏิบัติอย่างเหมาะสม คิดถึงความปลอดภัยของเด็กทารกเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดอันตราย และต้องไม่ลืมว่า ทารกแรกเกิดนั้น มีร่างกายที่ยังอ่อนแออยู่มาก หากมีการทำพิธี หรือให้กินอะไรที่ไม่เหมาะสม ก็อาจเป็นอันตรายกับเด็ก หรืออาจถึงขั้นเสียชีวิตได้เลยก็มี


บทความอื่นๆที่น่าสนใจ

แม่จ๋าอย่าเพิ่งตกกะใจ! 10 อาการของทารกแรกเกิด เป็นได้ ไม่นานก็หาย

ลูกถนัดซ้าย มีแนวโน้มเป็นเด็กสมองไว ฉลาด หรือเป็นปัญหากันแน่?

ของเล่นเสริมพัฒนาการเด็กแรกเกิด – 6 เดือน ซื้ออะไรให้ลูกเล่นแล้วฉลาดสมวัยดีนะ?

บทความโดย

P.Veerasedtakul