ความลับทั้ง 9 ข้อ ที่ลูกไม่อยากให้คุณรู้

ความลับทั้ง 9 ข้อ ที่ลูกไม่อยากให้คุณรู้ เพราะไม่ว่าจะใครก็ต้องมีความลับกันทั้งนั้น เเต่ถ้าเป็นลูกเรา ก็ไม่สบายใจอยู่ดี เลยขอมากระซิบบอกว่าลูกมีความลับอะไร

ความลับทั้ง 9 ข้อ ที่ลูกไม่อยากให้คุณรู้

เเม้ว่าลูกจะยังเป็นเด็กเสมอในสายตาคุณพ่อคุณเเม่ ยิ่งถ้าลูกมี ความลับทั้ง 9 ข้อ ที่ลูกไม่อยากให้คุณรู้ คุณพ่อคุณเเม่จะยิ่งรู้สึกว่าลูกกำลังจะบินออกจากอกไปเสียเเล้ว น่าใจหายนะคะ เเต่เราเเอบมากระซิบว่ามีเรื่องอะไรที่ลูกขอเถอะ พ่อแม่ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องหรอก

1.เมื่อลูกแอบปิ๊ง

เเม้จะเป็นรักเเรกเเบบ Puppy Love ซึ่งคุณพ่อคุณเเม่ส่วนใหญ่มองว่าน่ารักดี เพราะเป็นเรื่องของเด็กๆ รู้สึกดีๆ ให้เเก่กัน ซึ่งบางทีก็เเค่เป็นเพื่อนรักกัน เเต่ลูกอายค่ะ ยิ่งถ้าลูกไม่มีเพื่อนสนิทเขาก็จะเก็บเรื่องนี้ไว้กับตัวคนเดียว เเต่คุณพ่อคุณเเม่ก็อาจจะสังเกตได้ว่า เวลากลับมาเล่าอะไรให้ฟังก็พูดถึงเเต่เรื่องของเพื่อนคนนี้ เเต่จะดีกว่าถ้าคุณพ่อคุณเเม่ไม่เเหย่ไม่เเซวนะคะ

2.ซ่อนพฤติกรรมการใช้คอมพิวเตอร์

ยิ่งเด็กๆ เกิดในยุคนี้ คุณพ่อคุณเเม่คงเดาไม่ถูกหรอกว่า ลูกเราน่ะมีสกิลคอมที่เก่งกล้าสามารถไปถึงขั้นไหน ทั้งการเคลียร์ History ลบ Cookie ซึ่งคุณพ่อคุณเเม่ไม่มีวันรู้เลยว่าลูกเข้าไปดูอะไรในอินเตอร์เน็ตบ้าง เพราะบางทีเด็กๆ คนอื่นก็เอามาเล่าให้ฟัง ทางที่ดีที่พอจะป้องกันได้คือ Set โหมด parental blocks เพื่อป้องกันสื่อที่ไม่เหมาะสมกับเด็กค่ะ

3.ซ่อนการบ้าน

มันง่ายมากที่จะตอบว่า ไม่มีการบ้าน หากคุณพ่อคุณเเม่ถามลูกว่ามีการบ้านไหมวันนี้ ให้เปลี่ยนคำถามเป็น มีการบ้านวิชาอะไรบ้างจะดีกว่า เพราะเด็กไม่ว่าจะวัยไหนก็ห่วงเล่นด้วยกันทั้งนั้นค่ะ เเละการบ้านเเม้จะเป็นสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ เเต่เด็กๆ จำนวนไม่น้อยก็ไม่อยากจะทำนักหรอกนะคะ

4.ซ่อนความผิด (เล็กๆ น้อยๆ)

การไม่พูดความจริง หรือปกปิดการกระทำบางอย่าง นั่นเป็นความผิดพลาดของคุณพ่อคุณเเม่ ไม่ใช่ลูกค่ะ หากลูกได้เกรดไม่ดีหรือทำอะไรพัง เเล้วเขาเลือกที่จะโกหก ไม่บอก หรือโยนความผิดให้คนอื่น เเสดงว่าคุณพ่อคุณเเม่ทำให้ลูกรู้สึกไม่ปลอดภัย ควรสร้างบรรยากาศที่จะเก็บสิ่งเหล่านี้ไว้เป็นบทเรียน เเละประสบการณ์ ไม่ใช่เป็นวิธีที่จะหาเเต่บทลงโทษเเต่เพียงอย่างเดียว

5.ลูกไปไวมากในเรื่องเพศศึกษา

ในขณะที่โลกเปิดกว้าง ทุกคนเข้าถึงทุกข้อมูล มันก็มีผลเสียที่เเฝงอยู่ค่ะ ยิ่งสื่อในไทยเองทั้งโฆษณา ละคร เพลง เนื้อหาในสื่อเหล่านี้ เเม้ไม่ได้มาเป็นภาพโป๊เปลือยหรือการร่วมเพศที่อล่างฉ่าง เเต่ก็เป็นเป็นมุมมองต่อเรื่องเพศในบริบทที่ต่างออกไป (เเละเเน่นอนว่าด้านลบเยอะกว่าด้านดี) นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องของเว็บหรือสื่อลามกที่หาได้ทั่วไป เเต่ถ้าหากคุณพ่อคุณเเม่มองว่าเรื่องเพศศึกษาสามารถสอนได้ทุกวัย โดยเลือกในเรื่องที่เหมาะสมกับวัยของลูก ความอยากรู้อยากเห็น เเละอยากลองของลูก ก็จะไม่มากเท่าเด็กที่คุณพ่อคุณเเม่ปิดกั้นในเรื่องเเบบนี้ไปเลยค่ะ

6.เขามีภาษาของเขาเอง 

ไม่รู้ว่าในยุคของคุณพ่อคุณเเม่มีไหม เเต่เด็กสมัยก่อนก็มีเหมือนกัน เวลาที่จะคุยหรือนินทาเพื่อน จนทำให้ทักษะการสร้างภาษาใหม่ ไม่ได้ยากจนเกินไป เช่นเดียวกันกับเด็กในวัยของลูกค่ะ อาจจะมีตัวย่อเช่น มมลก ย่อมาจาก เเม่มาเเล้ว เลิกเล่นก่อนนะ หรือ ศัพท์ที่วัยเราๆ ตามไม่ทัน มันก็เลยจำเป็นที่คุณพ่อคุณเเม่ต้องพูดภาษาเดียวหรือเรียนภาษาใหม่ๆ เหล่านี้ไปด้วยนั่นเองค่ะ

7.กลัวว่าจะไม่ดีพอ 

การเเกล้งทำเป็นมั่นใจ ในขณะที่ลูกกำลังวิตกกังวลหรือตื่นเต้นสุดๆ ไม่ใช่เรื่องดีค่ะ หน้าที่ของคุณพ่อคุณเเม่จึงจำเป็นต้องสร้างความมั่นใจเเละกล้าเเสดงออกให้ลูก ไม่ใช่เพื่อให้เขาโดดเด่น (นั่นอาจจะเป็นของเเถม) เเต่เพื่อให้ลูกเข้มเเข็งเเละเเข็งเเกร่ง เพื่อรับมือกับทั้งความเปลี่ยนเเปลงใหม่ๆ เเละอยู่ให้ได้ในสังคมที่โลกที่ไม่มีพรหมเเดนค่ะ

8.ถูกเเกล้ง

ไม่ใช่เด็กทุกคนที่จะมีนิสัยวิ่งโร่มาฟ้องคุณพ่อคุณเเม่หรือคุณครู หากโดนเเกล้งมา เพราะเด็กบางคนก็กลัวว่าจะถูกเเกล้งอีก หรือเเกล้งเเรงขึ้น คุณพ่อคุณเเม่ถ้าไม่เเน่ใจว่าจะเเก้ไขเองได้ การพบเพื่อขอคำเเนะนำจากนักจิตวิทยาเด็กก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยได้ค่ะ เพราะการเเกล้งกันของเด็กๆ อาจบานปลายใหญ่โตได้ ถ้าไม่มีผู้ใหญ่สักคนที่ยื่นมือเข้าไปเเก้ไข

9.ลูกอยากดูหนังต้องห้าม 

แม้ว่าคุณพ่อคุณเเม่ส่วนใหญ่จะไม่ทราบว่าลูกได้ข้อมูลเรื่องหนังเรท R หรือเเม้เเต่หนังโป๊มาจากไหน เเต่เชื่อเถอะค่ะว่าเด็กๆ ก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนสมัยกับที่เราเป็นเด็กน่ะเเหละ การขู่เด็กอาจจะไม่ได้ผลเสมอไปในเด็กบางคน ซึ่งหนังที่มีความรุนเเรง หนังที่สะเทือนอารมณ์ก็อยู่ในเรท R ด้วยเช่นกัน ไม่จำเป็นต้องเป็นหนังโป๊ หรือภาพยนตร์ AV อย่างเดียวเท่านั้น

การจัดอันดับหนังที่ขึ้นอยู่หน้าโรงหนัง หรือขึ้นข้างๆ จอทีวี หากคุณพ่อคุณเเม่อธิบายเพื่อให้ลูกดูหนังให้เหมาะกับวัย ลูกจะเชื่อฟังเเละทำตามค่ะ นั่นก็เพราะคุณพ่อคุณเเม่ไม่ได้ห้ามลูก เเต่ต้องรอให้ถึงเวลาก่อนเท่านั้น เเต่ถ้าจะให้ดีหนังเรื่องที่ลูกยังไม่เคยดู คุณพ่อคุณเเม่ควรดูเองก่อน 1 รอบเพื่อความมั่นใจ ว่าลูกของเราจะเหมาะสมกับหนังเรื่องนั้นจริงๆ นะคะ

ที่มา Familyshare

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

5 วิธี ช่วยลูกบอกลาของเน่าแบบไม่เสียน้ำตา

10 วิธี ช่วยลูกให้ได้คะเเนนดีๆ ในโรงเรียน