ดูชัดๆ ตกเลือดหลังคลอด เป็นอย่างไร

ในระหว่างการคลอด ร่างกายจะสูบฉีดเลือดไปยังมดลูกประมาณ 500-700 มิลลิลิตรต่อนาที และภายหลังการคลอด เลือดจะหยุดไหลเองตามกลไกของร่างกาย แต่หากเลือดยังไหลไม่หยุด คุณแม่อาจกำลังอยู่ในภาวะ ตกเลือดหลังคลอด

การตกเลือดหลังคลอด

การตกเลือดหลังคลอด หรือ Postpartum hemorrhage (PPH) คือ การเสียเลือดหลังการคลอดในปริมาณมากผิดปกติ คือตั้งแต่ 500 ซีซี ขึ้นไปสำหรับการคลอดทางช่องคลอด หรือตั้งแต่ 1000 ซีซี ขึ้นไปสำหรับการผ่าตัดคลอด

ที่น่าสนใจคือ ภาวะตกเลือดหลังคลอด พบได้ประมาณ 10% ของการคลอด และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับต้นๆ ของมารดาทั่วโลก

สาเหตุของการตกเลือดหลังคลอดที่พบบ่อย

  1. มดลูกไม่หดรัดตัว พบได้ 70%
  2. บาดแผลฉีกขาดของช่องทางในการคลอด พบได้ 20%
  3. รกค้าง พบได้ 10%
  4. ความผิดปกติในการแข็งตัวของเลือด พบได้ 1%

จะเห็นได้ว่า สาเหตุอันดับหนึ่งของการตกเลือดหลังคลอด เกิดจากกภาวะมดลูกไม่หดรัดตัว ทั้งนี้ มดลูกจำเป็นต้องมีการหดรัดตัวเพื่อเป็นการห้ามเลือดที่จะออกจากมดลูก เมื่อมดลูกไม่หดรัดตัว จึงทำให้ไม่สามารถห้ามเลือดได้ เลือดจึงไหลออกไม่หยุด

สาเหตุที่ทำให้มดลูกไม่หดรัดตัว

สาเหตุที่ทำให้มดลูกไม่หดรัดตัวหลังการคลอด อาจเกิดจากการที่มดลูกหดตัวก่อนคลอดนาน เช่น เบ่งคลอดนาน หรือคลอดยาก หรืออาจเกิดจากการมีรกค้างในมดลูก

ป้องกันมดลูกไม่หดรัดตัวได้หรือไม่

ในทุกโรงพยาบาลจะมีการฉีดยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก เพื่อป้องกันการตกเลือดหลังคลอดให้คุณแม่หลังคลอดทุกราย แต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ จึงยังสามารถพบภาวะตกเลือดหลังคลอดได้บ่อยๆ

คลิปต่อไปนี้เป็นการจำลองเหตุการณ์ การตกเลือดหลังคลอด ในคุณแม่ผ่าคลอด ซึ่งเกิดจากมดลูกไม่หดรัดตัว และเมื่อได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก เลือดก็จะค่อยๆ หยุดไหลในที่สุด

ข้อมูลอ้างอิงจาก

https://haamor.com/https://th.wikipedia.org/https://www.cast-pharma.com/

 

บทความที่น่าสนใจอื่นๆ

ตกเลือดหลังคลอดอันตรายถึงชีวิต

อาการหลังผ่าคลอด ที่แม่ควรรู้