คลอดลูกในน้ำ ปลอดภัยสำหรับแม่และลูกจริงหรือ?
จากการศึกษาของวิทยาลัยสูตินรีเวชแห่งอเมริกา (ACOG) เรื่อง คลอดลูกในน้ำ พบว่าการ คลอดลูกในน้ำ ยังมีความเสี่ยงสูงอยู่ครับ
การคลอดในน้ำนั้นเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่มีการศึกษาวิจัยว่า คลอดลูกในน้ำ นั้นส่งผลดีต่อคุณแม่ อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีรายงานใดยืนยันว่าการคลอดลูกในน้ำนั้นมีความปลอดภัย 100%
โรงพยาบาลหลายแห่ง รวมถึงศูนย์การแพทย์เดคัลบ์ในเมืองแอตแลนตา เริ่มลดอัตราการคลอดในน้ำ เนื่องจากการที่ไม่มีการศึกษาใดที่สามารถยืนยันผลดีต่อสุขภาพได้อย่างชัดเจน โดยที่ผ่านมา ผลจากการศึกษาระบุแค่เพียงว่าการ คลอดลูกในน้ำ ช่วยให้ระยะการคลอดสั้นขึ้นและลดอาการปวดของคุณแม่เท่านั้น โดยที่ไม่มีการระบุผลดีด้านสุขภาพที่คุณแม่และลูกน้อยจะได้รับจากการคลอดในน้ำครับ
ข้อดีจากการ คลอดลูกในน้ำ
การ คลอดลูกในน้ำ ช่วยในการสร้างความรู้สึกที่สบาย คุณแม่สามารถขยับตัวไปมาได้อย่างอิสระ เพื่อปรับท่าและตำแหน่งที่ช่วยให้ลูกคลอดออกมาได้ง่ายขึ้น อีกทั้งลดอาการเจ็บปวดของช่องท้อง เนื่องจากการลอยตัวอยู่ในน้ำนั้นช่วยลดการหดเกร็งของมดลูกและช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีกว่า ทำให้ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้ดี เมื่อคุณแม่มีอาการเจ็บปวดน้อยลง ออกซิเจนจะมีมากพอที่จะส่งไปยังทารกได้มากขึ้น
อันตรายจากการคลอดลูกในน้ำมีอะไรบ้าง ติดตามหน้าถัดไปครับ
อันตรายจากการคลอดลูกในน้ำ
จากการศึกษาของวิทยาลัยสูตินรีเวชแห่งอเมริกา (ACOG) พบว่าการ คลอดลูกในน้ำ มีความเสี่ยง รวมถึงความเสี่ยงในการติดเชื้อทั้งคุณแม่และลูกน้อย สายสะดือได้รับการกระทบกระเทือน รวมถึงอาจทำให้ลูกน้อยสลบหรือเป็นลมได้ในขณะคลอด
ACOG ยังระบุอีกด้วยว่าขณะนี้ยังไม่มีการศึกษาใดยืนยันผลดีผลเสียของการ คลอดลูกในน้ำ อย่างชัดเจน ดังนั้น การคลอดลูกแบบธรรมดาจึงยังคงเป็นวิธีการคลอดที่ดีที่สุด คุณแม่ที่เลือกคลอดลูกในน้ำควรศึกษาความเสี่ยงก่อนคลอดเสมอเพื่อความปลอดภัยต่อทั้งคุณแม่และลูกน้อยนะครับ
วิธีการคลอดขึ้นอยู่กับคุณแม่
ขณะที่ยังมีการโต้เถียงเรื่องความปลอดภัยระหว่างการคลอดลูกในน้ำอยู่ ข้อสำคัญที่คุณแม่ควรคำนึงถึงคือวิธีการคลอด โดยคุณแม่ที่ศึกษาทั้งข้อดีและข้อเสียของการคลอดลูกในน้ำ สามารถเลือกได้ว่าคุณแม่จะยังอยากคลอดลูกในน้ำหรือไม่ ซึ่งก่อนการตัดสินใจ คุณแม่ควรปรึกษากับคุณหมออย่างละเอียด เพื่อให้วิธีการคลอดที่คุณแม่เลือกปลอดภัยและมีประโยชน์สูงสุดต่อตัวคุณแม่เองและลูกน้อยที่รักครับ
ที่มา ph.theasianparent.com