ขู่ฆ่าลูกลงโซเชียล วิกลจริตหรือเหยื่อ ผลลัพธ์ออกมายิ่งเลวร้าย และคนซวยคือเด็ก
ขู่ฆ่าลูกลงโซเชียล วิกลจริตหรือเหยื่อ ผลลัพธ์ออกมายิ่งเลวร้าย และคนซวยคือเด็ก รับวันแม่กับข่าวแย่ๆ แต่หัววัน
ณ วินาทีนี้คงไม่มีเรื่องไหนที่ถูกแชร์และมีกระแสเกลียดชังและสาปแช่ง ไปมากกว่าคลิปขู่ฆ่าลูกตัวน้อยประชดสามีอีกแล้วใช่ไหมคะ
รับวันแม่ด้วยความรุนแรง
ในยุคปัจจุบันต้องยอมรับค่ะว่าเราทุกคนมีช่องทางการสื่อสารที่ไม่ได้เป็นส่วนตัว แต่ส่วนใหญ่ก็ชอบเอาเรื่องส่วนตัวมาลง อย่างในโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ทั้งที่ตั้งให้เห็นได้เฉพาะเพื่อนและเห็นได้ทั่วไป แต่ฉลองรับวันแม่ในปีนี้ด้วยเรื่องที่ทำให้ขวัญผวา น้ำตาแตก และกลายเป็นความเกลียดชัง สาปแช่งกันทั่วบ้านทั่วเมือง กลับกระแสข่าวอื่นแทบจะมิดกันเลยทีเดียว
วันที่ 11 สิงหาคม ผู้ใช้เฟสบุ๊ค Soraya Saisuphan ได้แชร์คลิปความรุนแรงกับหนุ่มน้อยวัยเพียงไม่กี่ขวบ โดยข้อความภายในคลิปเป็นการตัดรอนและขู่ฆ่าลูกชายของตัวเองของสาวนางหนึ่ง จากนั้นภาพที่สะเทือนใจทุกคนที่พบเห็นคือ การนำเชือกมารัดคอเด็กน้อย พร้อมเสียงกรีดร้องไห้จ้าของเด็ก เรียกน้ำตาและความสงสารจับใจ เราที่เป็นคนเปิดคลิปได้แต่ส่งแรงใจหวังว่าเด็กน้อยจะยังปลอดภัย
หลังจากนั้นตอนประมาณ 20.00 น. ของวันเดียวกัน จึงได้มีข่าวว่าจับแม่รายนี้ได้แล้ว โดยผู้ก่อเหตุคือนางสาวนฤมล เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 9 นาฬิกาที่ผ่านมา ตนได้อัดคลิปวีดีโอ เพื่อจะส่งต่อไปให้สามี เนื่องจากเครียดจากการทำงาน ขายของได้น้อย ประกอบกับน้อยใจที่สามีไม่สนใจมัวแต่ทำงาน และกลัวว่าจะไปมีหญิงอื่น จึงลงมือทำเพราะประชดสามี จากนั้นได้ส่งคลิปไปให้สามี และนอนหลับไป จนพี่สาวได้โทรศัพท์มาหาหาว่า สิ่งที่เธอทำ กลายเป็นเรื่องใหญ่แล้ว เมื่อแม่ของสามีได้นำคลิปวีดีโอดังกล่าวไปโพสต์ลงโซเชียล เธอยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาทำร้ายลูก แต่ที่ทำเพราะอยากให้สามีสนใจครอบครัว และเหตุการณ์นี้ ถือเป็นบทเรียนแก่ชีวิต ที่ทำลงไปเมื่อเห็นลูกเจ็บ ตัวเองก็เจ็บเช่นกัน พร้อมวอนสังคมหยุดต่อว่า ด่าทอ และข่มขู่เธอ เพราะเธอสำนึกในสิ่งที่ทำแล้ว
เจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ได้เดินทางมาพูดคุยกับนฤมล โดยเปิดเผยว่า หลังจากนี้จะต้องพาเด็กไปตรวจร่างกาย และลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาครอบครัว ว่าสามารถช่วยเหลือเรื่องใดบ้าง ทั้งนี้ จะยังคงให้ลูกอยู่ในความดูแลของแม่ เนื่องจากประเมินแล้วว่าแม่ไม่มีเจตนาทำร้ายลูกแต่เป็นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานให้ครอบครัวช่วยดูและรวมถึงทางเจ้าหน้าที่เองก็จะคอยติดตามอย่างต่อเนื่อง
ด้าน พ.ต.ท.สามารถ กลิ่นเก้า สารวัตรสอบสวน สน.ฉลองกรุง กล่าวว่า เบื้องต้น จะส่งเด็กไปตรวจร่างกาย หากไม่มีบาดแผล จะแจ้งข้อหาข่มขู่ให้ตกใจกลัว และทำร้ายร่างกาย ซึ่งเป็นคดีลหุโทษ จากการสอบสวน พบว่าทำไปเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ไม่มีเจตนาทำร้ายร่างกายลูก จึงได้เตือนสติ จากนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มาสอบสวน ดูสภาพจิตใจอีกครั้ง ว่าจะสามารถให้เด็กกลับไปอยู่กับครอบครัวได้หรือไม่
ความรุนแรงมาจากอะไร
ขณะที่สังคมส่วนใหญ่ ทั้งสาปแช่งและเกลียดชังกับการกระทำดังกล่าว เนื่องจากสงสารเด็กน้อย และเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยต่อจากนี้ไปนั้น หากย้อนกลับไปที่สาเหตุของปัญหานี้ หลายคนอาจเจอประเด็นของการเลี้ยงลูกที่ผู้หญิงต้องรับบทหนักทุกวินาทีตั้งแต่ลูกลืมตาออกมาดูโลก และผู้ชายที่เป็นต้นเหตุของการออกมาทำคลิป (เรียกร้องความสนใจและประชดที่ไม่รับโทรศัพท์) กลับถูกพูดถึงน้อยมาก และกลับกลายเป็นฮีโร่ที่เด็กน้อยสามารถอยู่ด้วยได้อย่างสบายใจ เนื่องจากไม่ต้องกังวลว่าจะทำร้ายเด็ก
แต่ที่สังคมอาจคิดไม่ถึงคือ คนร้ายตัวจริงไม่ใช่สิ่งนั้น สิ่งที่เป็นตัวจุดชนวนให้เกิดเรื่องราวดังกล่าวขึ้น นั่นหมายความว่าตรรกะที่บอกว่า ไม่มีฆาตกรคนใด ที่โดนเลี้ยงมาอย่างปกติสุขดี หรือไฟอาจไม่ได้ไหม้ หากไม่มีเชื้อเพลิงและคนจุด
และจากเรื่องราว กระแสข่าวเหล่านี้ สังคมมองไปถึงสาเหตุที่แท้จริงกันหรือยัง นอกจากการสาปแช่งหรือขู่ฆ่าแม่ที่ก่อเหตุอีกทอดนึง
สถาบันครอบครัวล้มเหลว
ยอมรับค่ะว่าผู้เขียนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่หลั่งน้ำตาเมื่อได้เห็นคลิปนี้เช่นกัน ตอนแรกก็คิดเหมือนทุกคนแหละว่า แม่อะไรใจร้าย ทำร้ายลูกได้ลง แต่พอลองนั่งพิจารณาดูดีๆ แม่ที่เลี้ยงลูกได้เอง จนลูกโตเกือบสองขวบนั้น ถ้าไม่มีความรักลูกอยู่บ้างเลย เด็กคงไม่ได้โตมาถึงขนาดนี้ค่ะ แล้วอะไรที่ทำให้คนเป็นแม่คนนึง ลุกขึ้นมาทำอะไรแบบนี้ได้ ?
กรณีนี้ชัดเจนว่าชนวนที่ทำให้เธอระเบิดอารมณ์ คือสามีไม่ใส่ใจต่อความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา นั่นคือความล้มเหลวต่อชีวิตคู่ค่ะ ต่อมาคือการระเบิดอารมณ์ของคนเป็นแม่ กับลูกวัยเพียงไม่กี่ขวบเท่านั้น ที่กลายเป็นภาพน่าอนาถยิ่งค่ะ
ความรุนแรงไม่ได้มีแค่ที่ตาเห็น
ส่วนใหญ่ความรุนแรงในครอบครัว และความรุนแรงที่เห็นได้ทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากความรุนแรงทางกายภาพไม่ใช่ทางจิตใจ แต่จริงๆ แล้วนั้นความรุนแรงทางจิตใจอย่างการว่ากล่าวหรือด่าทอนั้น หรือแม้แต่การพูดจาหยาบคาย ส่อเสียด และสำหรับคนเป็นแม่นั้น นอกจากจะแกร่งในหลายๆ ด้านแล้ว เราก็ต้องการการสนับสนุนและการแก้ไขปัญหาเช่นกันค่ะ
ที่มา Social Hunter และ สวพ.
บทความที่น่าสนใจ
สุดเศร้า ข่าว แม่ทับลูก 1 เดือนดับคาเตียง เพราะแม่เผลอกลิ้งทับตอนหลับ