หน้าฝนนี้ Back to School ลูกเปิดเทอมอีกครั้ง ของใช้เด็กประจำหน้าฝน
หลังจากที่ลูกรักหยุดอยู่บ้านมาอย่างยาวนาน ในที่สุดก็ถึงวัน Back to School วันเปิดเทอมที่ลูกต้องกลับไปเรียนหนังสือที๋โรงเรียนกันอีกครั้ง เปิดเทอมช่วงหน้าฝนแบบนี้ นอกจากเครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า หรือเครื่องเขียน อุปกรณ์การเรียนแล้ว สิ่งที่คุณแม่ต้องเตรียมตัวมากขึ้นนั่นก็คือ ต้องรู้ว่า ในช่วงหน้าฝนลูกควรระวังอะไรเป็นพิเศษ และ ของใช้เด็กประจำหน้าฝน มีอะไรบ้าง จะได้จัดกระเป๋าไปโรงเรียนให้ลูกได้ถูกและรู้สึกอุ่นใจ
เรื่องควรระวังประจำหน้าฝน ที่อาจส่งผลต่อความสนุกในการเรียนรู้ของลูก
ด้วยสภาพอากาศในหน้าฝนนั้น ทำให้คุณแม่ต้องคอยระมัดระวังและใส่ใจลูกเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นเรื่องน่าปวดหัวมากมายอาจส่งผลต่อความสนุกในการเรียนของลูกได้ ไม่ว่าจะเป็น
- โรคหน้าฝน ด้วยอากาศที่เย็นและชื้นของหน้าฝน ทำให้เชื้อโรคเติบโตและแพร่กระจายได้ดี คุณแม่จึงควรระวังเรื่องสุขภาพของลูกเป็นพิเศษ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของเด็กยังไม่แข็งแรงเท่าผู้ใหญ่ และในหน้าฝนนี้ก็มีโรคที่เด็กเล็กเสี่ยงป่วยง่ายเช่น โรคไข้หวัดใหญ่, โรค มือ เท้า ปาก, ไข้เลือดออก และ อีสุกอีใส เป็นต้น
- ยุงกัด หรือ แมลงสัตว์กัดต่อย นอกจากความเย็นชื้นแล้ว อีกสิ่งที่มาเยอะขึ้นพร้อมหน้าฝนนั่นก็คือ ยุง รวมถึงแมลงและสัตว์มีพิษ ซึ่งคุณแม่ต้องคอยระวังเรื่องเจ้ายุงตัวร้ายเป็นพิเศษ เพราะยุงเป็นพาหะของโรคร้ายอย่างไข้เลือดออก และยังต้องระวัง แมลงหรือ สัตว์มีพิษมากขึ้นอีกด้วย
- อุบัติเหตุ เพราะหน้าฝน พื้นถนน หรือพื้นสนามเด็กเล่นที่โรงเรียนนั้นจะลื่นขึ้นเพราะเปียกฝน ทำให้ลูกลื่นล้มเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายเป็นพิเศษ ดังนั้น คุณแม่ควรเช็คสภาพรองเท้าของลูก ว่าพื้นรองเท้าที่ใส่อยู่ สามารถกันลื่นได้ดีหรือไม่ และควรสอนให้ลูกเดินหรือวิ่งอย่างระมัดระวัง พยายามอย่าไปวิ่งเล่นในที่ ๆ พื้นเปียก
อุปกรณ์การเรียนพังเพราะฝน นอกจากสุขภาพร่างกายแล้ว สภาพของอุปกรณ์การเรียนก็เป็นสิ่งสำคัญ ในหน้าฝนนี้ ลูกคงเรียนไม่สนุกแน่ หากหนังสือเรียนทั้งหมดเปียกฝนจนชุ่ม คุณแม่ควรเตรียมถุงพลาสติกให้ลูกห่อหนังสือกันฝน และเตรียมร่มหรือเสื้อกันฝนที่ใหญ่พอจะคลุมกระเป๋าเรียนให้เขาได้ค่ะ จะช่วยได้เยอะเลย
ของใช้เด็กประจำหน้าฝน ที่คุณแม่ควรเตรียมให้ลูก จัดกระเป๋าไปโรงเรียนอย่างอุ่นใจ
เมื่อรู้แล้วว่าควรระวังอะไร ก็ถึงเวลาจัดกระเป๋าไปโรงเรียนให้ลูกค่ะ มาดูกันว่าหน้าฝนนี้ ต้องเตรียมของใช้อะไรให้ลูกบ้าง
ตัวช่วยเคลียร์จมูกลูก อย่างเช่น Lamoon Freshii Nozz น้ำมันหอมแดงออร์แกนิค ตัวช่วยในการเคลียร์ทุกลมหายใจของลูกรักภายใน 5 นาที เพราะในหน้าฝน ปัญหาการคัดจมูก คันจมูก เป็นสิ่งที่มาคู่กันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งคุณแม่สามารถให้ลูกรักพกใส่กระเป๋าไปโรงเรียนได้อย่างสบายใจ เพราะปลอดภัยด้วย Natural Essential Oil ปราศจากน้ำหอม ส่วนผสมของเมนทอล เปปเปอร์มิ้น และการบูร ที่ทำให้ลูกเกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ คุณแม่จะหยดใส่เสื้อผ้าลูกรักหรือให้ลูกพกติดตัวใช้ดมระหว่างวันก็ได้เช่นกัน
เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามินซีเข้มข้น นอกจากอุปกรณ์ภายนอกแล้ว คุณแม่ยังสามารถเตรียมตัวลูกน้อยรับหน้าฝนด้วยความแข็งแรงจาก วิตามินซีเข้มข้น ที่ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันอย่าง Immushi หรือที่เรียกกันติดปากในกลุ่มแม่ๆว่า วิตามินเห็ด
ที่ผลิตจากส่วนผสมธรรมชาติมากมายเช่น เบต้ากลูแคน จากเห็ดชิตาเกะที่ได้รับรางวัลจากประเทศนอร์เวย์ ที่มีส่วนช่วยให้ภูมิคุ้มกันทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังมีส่วนผสมจาก Elderberry ที่เข้มข้นเป็นพิเศษถึง 6 เท่า Acerola Cherry รวมถึง วิตามินซีและซิงค์ มาช่วยเสริมทัพความแข็งแรงของร่างกาย ให้ลูกน้อยหายป่วยไวอีกด้วย
ร่ม, เสื้อกันฝน อุปกรณ์กันฝน คือสิ่งที่ขาดไม่ได้เลย สำหรับการไปโรงเรียนของลูก โดยสำหรับร่มนั้น เราขำแนะนำให้เตรียมเป็นร่มที่สามารถพับเก็บใส่กระเป๋าได้เพื่อความสะดวกและคล่องตัวของลูก ส่วนเสื้อกันฝนนั้นก็แนะนำว่า ให้ใช้ขนาดสำหรับเด็ก ไม่งั้นจะใหญ่เทอะทะ อาจเหยียบปลายเสื้อคลุมกันฝนแล้วลื่นล้มได้ค่ะ
รองเท้าคู่ใหม่ เพื่อความปลอดภัยของลูก การเปลี่ยนรองเท้านักเรียน ให้เป้นคู่ใหม่ที่สภาพพื้นยางดีเยี่ยมนั้น จะช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุจากพื้นลื่นได้เยอะเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน หรือการวิ่งเล่น พื้นรองเท้าที่สมบูรณ์ จะช่วยให้สามารถเกาะติดกับพื้นได้ดี ไม่ล้มง่าย
ถุงคลุมกระเป๋า หรือจะเป็นถุงพลาสติกที่ใหญ่พอจะใส่หนังสือเรียน รวมถึงอุปกรณ์การเรียนของลูกได้ เพื่อใส่ซ้อนไว้ในกระเป๋าอีกที เพื่อป้องกันไม่ให้อุปกรณ์การเรียนของลูกเสียหายจากฝน
และหากคุณพ่อคุณแม่สนใจตัวช่วยเคลียร์จมูกลูกอย่าง Lamoon Freshii Nozz น้ำมันหอมแดงออร์แกนิค หรือ วิตามินซีเข้มข้นอย่าง Immushi สามารถสอบถามสั่งซื้อได้ที่ Line: @lamoonbaby หรือคลิกสั่งซื้อได้ทันทีที่ https://tinyurl.com/bdjwz9zc
แต่ถ้าลูกเกิดได้รับบาดเจ็บที่รุนแรง หรือถูกสัตว์มีพิษอันตรายกัดต่อย และคุณแม่มีคำถามสงสัย ขอแนะนำให้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือเภสัชกร เพื่อรับคำแนะนำและรับการรักษาที่ถูกต้องทันท่วงทีนะคะ