กิจกรรมที่ลูกทำแล้ว เรียนเก่ง อารมณ์ดี ไม่งอแง

กิจกรรมที่ทำแล้วลูกไม่โง่ เรียนเก่ง อารมณ์ดี ไม่งอแง มีอะไรบ้างไปดูกันเลย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

พ.ญ.สุธีรา เอื้อไพโรจน์กิจ กุมารแพทย์ด้านทารกแรกเกิด และให้คำปรึกษา ได้แนะนำ 7 กิจกรรมที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำกับลูกทุกวัน ซึ่งจะช่วยพัฒนาเสริมสร้างความฉลาดทางสติปัญญา และอารมณ์ เรียกว่าเป็น กิจกรรมที่ลูกทำแล้ว เรียนเก่ง อารมณ์ดี ไม่งอแง

7 กิจกรรมที่ลูกทำแล้ว เรียนเก่ง อารมณ์ดี ไม่งอแง

1.อ่านหนังสือให้ลูกฟัง

สามารถทำได้ตั้งแต่แรกเกิดเลยนะคะ เพราะการให้ลูกได้ฟังเรื่องราวที่คุณพ่อคุณแม่อ่านจะช่วยพัฒนาสมอง เพิ่มคลังคำศัพท์ให้ลูกได้เรียนรู้คำใหม่ ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน กระตุ้นการเรียนรู้วิธีพูด การใช้ภาษา และปลูกฝังการรักการอ่านให้กับลุกตั้งแต่ยังเล็ก

2.พูดคุยกับลูกบ่อย ๆ

เวลาอยู่กับลูก หรือทำกิจกรรมอะไรกับลูกก็แล้วแต่ ให้คุณพ่อคุณแม่พูดกับลูกไปด้วย เช่น แม่กำละงอาบน้ำให้หนูอยู่นะคะ น้ำอุ่นสบายดีไหมจ๊ะ อาบน้ำแล้วจะได้เนื้อตัวหอม ๆ สบายตัวแล้วเราไปกินนมกันนะคะ เป็นต้น เพราะงานวิจัยพบว่าพ่อแม่ที่พูดกับลูกวัยละ 2,000 คำขึ้นไปต่อวันลูกจะมีพัฒนาการที่ดีกว่า เด็กที่พ่อแม่พูดกับลูกวันละ 600 คำต่อวัน เพราะฉะนั้นอย่าคิดว่าลูกยังเล็กอยู่คุยไปเขาก็ไม่รู้เรื่องนะคะ

หาเวลาอยู่กับลูก อ่านหนังสือให้เขาฟัง พูดคุยกับเขาบ้าง

3.ร้องเพลงให้ลูกฟัง

พ่อแม่บางคนอาจพูดคุยไม่เก่ง ไม่รู้จะพูดอะไรกับลูก ก็หันมาร้องเพลงให้ลูกฟังแทนก็ได้ค่ะ ถือว่าเป็นสารสื่อสารกับลูกอีกทางหนึ่ง หรือถ้าใครอยากทั้งพูดคุย ทั้งร้องเพลงไปด้วย ก็ได้นะคะ

4.ใช้ศิลปะช่วย

ให้ลูกได้วาดรูป ระบายสี  ทำงานศิลปะ การจับดินสอหรือพู่กันจะเป็นการฝึกกล้ามเนื้อมัดเล็กให้กับเด็ก ๆ และการทำงานศิลปะยังช่วยพัฒนาสมองทั้งซีกซ้าย และซีกขวาให้ทำงานสอดประสานกัน และช่วยให้เด็กมีสมาธิจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานขึ้นด้วย

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

5.ให้ลูกเล่นเยอะ ๆ ยิ่งเลอะยิ่งเยอะประสบการณ์

ให้ลูกได้ออกไปเล่นนอกบ้าน ได้เล่นดินเล่นทราย เล่นน้ำ ได้เรียนรู้จากธรรมชาติ เพื่อเสริมสร้างจินตนาการและเรียนรู้จากการสัมผัสของจริงตรงหน้า ได้ออกไปเคลื่อนไหวร่างกายจะได้มีสุขภาพแข็งแรงไม่ต้องกลัวว่าลูกจะเลอะเทอะ เพราะเสื้อผ้าเราซักได้แต่เรื่องประสบการณ์จริงที่ลูกจะได้ถ้าไม่ออกไปทำด้วยมือตัวเองก็ไม่มีทางได้เรียนรู้ และควรมอบหมายงานบ้านให้ลูกช่วยทำไม่ว่าจะเป็นกวาดบ้าน ถูกบ้าน ทำกับข้าว หรือปลูกต้นไม้ ลูกจะได้รู้จักช่วยเหลือตัวเอง และมีความภูมิใจในตัวเองกลายเป็นเด็กที่มีความมั่นใจ ที่สำคัญเมื่อลูกเล่นสนุกเละจนพอใจแล้วคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกเก็บกวาด เช็ดถูให้เรียบร้อย และเก็บของเล่นให้เป็นระเบียบเพื่อเป็นการฝึกวินัยให้ลูกไปในตัว

ให้ศิลปะช่วยพัฒนาสติปัญญา และอารมณ์ของเจ้าตัวเล็ก

6.อย่าจำกัดพื้นที่ลูก

คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรจับลูกให้อยู้แต่ในรถเข็นหรือคอกกั้นเด็กแคบ ๆ แต่ควรหาบริเวณให้ลูกได้เคลื่อนไหวอย่างเต็มที่เพื่อเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ รอบตัวได้อย่างปลอดภัยโดยมีคุณพ่อคุณแม่ดูแลให้ความช่วยเหลืออยู่ใกล้ ๆ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

7.จำกัดเวลาการจ้องจอ

ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต โทรทัศน์ หรือสมาร์โฟน สมาคมกุมารแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำไม่ให้เด็กอายุต่ำว่า 18 เดือนดูสื่อจอเลย ยกเว้นการวิดีโอคอลล์คุยกับญาติหรือคนในครอบครัวเป็นครั้งคราว เพราะสื่อจอเหล่านี้เป็นการสื่อสารแบบทางเดียว ไม่ช่วยพัฒนาสมอง ทั้งยังทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ตามมาเช่น โรคอ้วน ปัญหาการนอนยาก มีปัญหาพฤติกรรมเช่น สมาธิไม่ดี เลียนแบบสิ่งไม่ดีจากโทรทัศน์ และขาดทักษะทางสังคมเสี่ยงป่วยเป็นโรคออทิสติกเทียมได้

ปล่อยลูกอยู่กับจอมาเกินไป ทำให้ลูกขาดโอกาสในการเจอโลกกว้าง

นอกจากกิจกรรมเสริมสร้างพัฒนาการต่าง ๆ แล้ว โภชนาการอาหารก็เป็นปัจจัยสำคัญ อาหารอะไรบ้างที่จะช่วยส่งเสริมความฉลาดของลูกให้มากขึ้นไปอีก ไปดูกันค่ะ

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

7 อาหารบำรุงสมองลูก ให้ลูกกินบ่อยๆ เเล้วฉลาด ความจำดี

บทความ : อยากให้ลูกฉลาดต้องกินอะไร ? 7 อาหารบำรุงสมองลูก ให้ลูกกินบ่อยๆ เเล้วฉลาด ความจำดี

1.สตรอว์เบอร์รี่

ผลไม้รสอมเปรี้ยวอมหวาน ทานแล้วสดชื่นน..เมนูโปรดของคนหลายคน อ่านมาถึงตรงนี้ต้องยิ้มแน่นอน! เพราะว่า เป็นผลไม้ที่อุมดมไปด้วยวิตามินซี ป้องกันโรคหวัด โรคภูมิแพ้ เเล้วยังมีประโยชน์ช่วยบำรุงสมอง เพราะสตอร์เบอร์รี่อุดมไปด้วยสารแอนโทไซยานิน สามารถทานได้เเบบสดๆ

2.ถั่ว

ถั่วนั้นอุดมไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ทั้งยังมีไขมันไม่อิ่มตัวที่ดีต่อหัวใจ โดยเฉพาะลูกวอลนัทเเละอัลมอนต์ แต่ไม่ควรทานเกิน 250 กรัมต่อวัน เเละไม่ควรทานเเบบโรยเกลือหรืออบเกลือเพื่อป้องกันโซเดียมค่ะ

3.ปลา

ปลาเป็นเนื้อสัตว์ที่ย่อยง่าย รสชาติอร่อยเเถมมีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะปลาเเซลมอนที่มีประโยชน์มากมายเต็มไปด้วยโอเมก้า 3 ค่ะ ซึ่งบำรุงสมอง ทำให้ความจำดี ไม่หลงลืมง่าย เเต่นอกจากปลาแซลมอนแล้วไทยพื้นบ้านของเราก็มีโอเมก้า 3 สูงไม่เเพ้กัน เเถมราคายังถูกกว่าเยอะมากเช่น ปลากะพงขาว ปลาดุก ปลาสวาย ปลาจาละเม็ด ปลาทู ปลาเก๋า ฯลฯ ค่ะ สามารถนำมาทำได้หลายเมนูมากเลยค่ะ

7 อาหารบำรุงสมอง

4.แปะก๊วย

สมุนไพรที่ทานง่าย เเละมีชื่อเสียงเรื่องการรักษาโรคเกี่ยวกับสมอง เพราะประโยชน์ของเเป๊ะก้วยมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบไหลเวียนเลือดในสมอง เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองช่วยป้องกันอาการหลงลืมง่าย

5.แครอท

ผักรสชาติหวานกรอบเเสนอร่อย ทานง่าย สามารถทำอาหารได้หลากหลายมากๆ ซึ่งเจ้าเเครอทนั้นเต็มไปด้วยวิตามินที่มีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง ช่วยในเรื่องของความจำได้ดี โดยแนะนำให้ทำอาหารด้วยแครอทบ่อยๆ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง

6.น้ำเต้าหู้

สุดยอดอาหารบำรุงที่มีประโยชน์หลากหลายมาก ซึ่งอุดมคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน แคลเซียม ฟอสฟอรัส จึงช่วยบำรุงทั้งร่างกาย เเละมีสารอาหารที่จำเป็นต่อสมองมีผลส่วนช่วยให้บำรุงสมอง เพิ่มความสามารถในการจำ ช่วยป้องกันการเกิดโรคสมองเสื่อม เเนะนำให้อุ่นให้ลูกทานทุกเช้าค่ะ

7.ไข่

อาหารสารพัดประโยชน์ที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัยจริงๆ โดยเฉพาะเด็กๆ ค่ะ รสชาติอร่อย ทำอาหารได้หลากหลายเเถมเต็มไปด้วยโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย สารโคลีนในไข่มีส่วนช่วยต่อการทำงานของสมอง ช่วยในเรื่องความจำเสริมสร้างและซ่อมแซมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ควรนำมานำอาหารให้ลูกทานวันละ 1 ฟองค่ะ

_________________________________________________________________________________________

Loading...
You got lucky! We have no ad to show to you!
ติดต่อโฆษณา

theAsianparent Thailand เชื่อว่าการศึกษาที่ดี จะช่วยเสริมสร้างรากฐานที่ดีให้กับเด็ก เป็นการเริ่มต้นสร้างสภาวะแวดล้อมในการเรียนรู้ได้อย่างสมวัย และเป็นไปตามที่พ่อแม่ต้องการ การเลือกโรงเรียนให้กับลูก คือหัวใจหนึ่งของการศึกษา เพราะการเลือกโรงเรียนตั้งแต่เนอสเซอรี่ การเลือกโรงเรียนอนุบาล เป็นด่านแรกที่จะช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกได้ เช่น มีหลักสูตรที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง หลักสูตรวิชาการที่พอดีกับการเรียนรู้ การใช้ Play Base Learning เพื่อเสริมสร้างพหุปัญญาทั้ง 8 ด้าน หรือ EF ที่ทำให้ลูกได้เรียนรู้ทั้ง Hard Skill และ Soft Skill อย่างสมดุลย์ เพราะการเรียนรู้ที่ดี สามารถเรียนรู้ได้ต่อเนื่อง ไม่จำกัด และทำให้เด็กค้นพบตัวตน และมีความสุขกับการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง

แหล่งข้อมูล  www.facebook.com

บทความอื่น ๆ เกี่ยวข้อง

ความฉลาดของลูกมาจากไหน กินอะไรให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในท้อง 

ความเชื่อผิด ๆ ในการเลี้ยงลูกที่อาจทำให้ลูกโง่ และเจ้าอารมณ์ 

พ่อแม่อย่าเมิน 17 วิธี เลี้ยงลูกให้เก่งกว่าคนอื่น 

 

บทความโดย

Weerati