กำจัดสัตว์ร้ายบุกบ้าน ด้วย 5 วิธีง่ายๆ
อย่าปล่อยให้สวนหย่อมหลังบ้าน (หรือหน้าบ้าน) ที่คุณตั้งใจไว้ในตอนแรกที่มาอยู่อาศัยต้องกลายเป็นรังสัตว์ร้าย ด้วยความละเลย เพราะนอกจากที่สัตว์เหล่านี้จะเข้ามากวนใจให้คุณรู้สึกรำคาญแล้ว ยังอาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวเจ้าของบ้านและสมาชิกคนอื่นภายในบ้าน โดยเฉพาะลูกน้อย จึงต้อง กำจัดสัตว์ร้ายบุกบ้าน ให้อยู่หมัด หากพอมีเงินแนะนำให้จ้างคนสวนเป็นกิจลักษณะเพื่อช่วยดูแลแทน แต่ถ้าใครไม่อยากเสียเงินในส่วนนั้น เราก็ขอแนะนำวิธีดูแลสวนง่ายๆ ที่แม้แต่คนไม่ค่อยมีเวลาก็สามารถทำได้
1. รดน้ำ
กรณีที่ไม่ได้ติดตั้งระบบรดน้ำอัตโนมัติ หรือที่เรียกกันว่าสปริงเกอร์แล้ว เราก็ต้องรดน้ำด้วยตัวเอง ซึ่งการรดน้ำ เป็นวิธีดูแลสวนที่ง่ายที่สุด ประหยัดเวลาที่สุด และลดความเสี่ยงที่จะมีสัตว์ร้ายมาเยือนได้ อย่างน้อย สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ควรมารดน้ำ โดยแนะนำว่า ควรใช้สายยางในการฉีดน้ำ หรือบัวรดน้ำที่ใหญ่หน่อย เพื่อให้ต้นไม้ต่างๆ ที่เราปลูกไว้ ชุ่มฉ่ำ สดชื่น และได้รับน้ำอย่างเต็มที่
อีกทั้ง การที่เรารดน้ำอย่างสม่ำเสมอ จะไม่ทำให้สัตว์ร้ายมาซ่อนตัวได้ด้วย เพราะสัตว์ร้ายเหล่านี้จะเก็บตัว นิยมอยู่ในพื้นที่รก นิ่งๆ เป็นพื้นที่ที่ไม่เคลื่อนไหว แต่แรงของน้ำจากการฉีด และการรดน้ำสม่ำเสมอ จะทำให้พื้นที่เหล่านั้นมีการเคลื่อนไหว ลดความเสี่ยงที่จะซ่อนตัว
2. เดินผ่านบ่อยๆ
ถ้างานรัดตัว ไม่มีเวลาแม้กระทั่งรดน้ำได้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สิ่งที่ควรทำก็คือ เดินผ่านสวนบ่อยๆ โดยเฉพาะที่เป็นสวนรอบบ้าน ควรเดินวนรอบบ้านสักรอบสองรอบ ถือเป็นการออกกำลังกายไปในตัว และยังช่วยให้สวนเหล่านั้นมีความเคลื่อนไหวด้วย โดยระหว่างเดิน ถ้าไม่ได้เอาน้ำฉีด ก็เอามือปัดๆ ไปรอบสวน เพื่อสร้างความเคลื่อนไหวให้กับพื้นที่เหล่านั้น ซึ่งตามสัญชาตญาณของสัตว์ร้ายก็จะไม่นิยมมาซ่อนตัวในพื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหว
3. เคลื่อนย้ายของตกแต่งสวน
อีกวิธีที่จะช่วยสร้างความเคลื่อนไหวให้กับสวน ควรหาเวลา โยกย้ายของแต่งสวนที่มี อย่าละเลยให้กลายเป็นพื้นที่ตาย แม้ว่าต้นไม้ที่ปลูกไว้ อาจจะตาย เพราะขาดการดูแลให้น้ำ ให้ปุ๋ย แต่อย่างน้อยภาพรวมของสวน ต้องยังมีความเคลื่อนไหว ไม่ให้มีอะไรแอบซ่อนอยู่ในจุดบอดของพื้นที่ เช่น ตุ่มน้ำ ถังน้ำ ส่วนใหญ่ใต้สิ่งของเหล่านี้จะมีตะขาบเล็กๆ ซ่อนอยู่ ซึ่งเป็นอันตรายกับผู้อยู่อาศัย ไม่ควรละเลย
4. งดสร้างแหล่งอาหารให้สัตว์ร้าย
ถ้าเราไม่มีเวลาดูแล เราก็ต้องป้องกันตัวเองไว้ส่วนหนึ่งก่อน ด้วยการไม่เผลอสร้างแหล่งอาหารให้กับสัตว์ร้ายเหล่านั้น เพราะแหล่งอาหาร เช่น ขยะ จะเป็นที่มาของหนู และหนูก็เป็นอาหารที่โปรดปรานของงู ถ้าเผลอตั้งจุดทิ้งขยะไว้บริเวณสวน จะยิ่งทำให้มีสัตว์ต่างๆ และสัตว์ร้ายมามากขึ้น รวมถึง ก่อให้เกิดจุดสร้างเชื้อโรคต่างๆ ด้วย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการวางถังขยะไว้บริเวณจุดอับ หรือสวนของบ้าน หรือถ้าให้ดี ควรกำจัดขยะสด ขยะประเภทอาหารออกจากบ้านแบบวันต่อวัน นำไปทิ้งที่ขยะนอกบ้าน หรือขยะกลางของหมู่บ้าน ก็จะช่วยหลีกเลี่ยงการสร้างแหล่งอาหารให้กับสัตว์ได้
5. ปลูกหญ้าต้องดูแล
กรณีที่ปลูกหญ้าไว้รอบบ้าน อันนี้จำเป็นต้องดูแล ถ้าไม่มีเวลารดน้ำ ก็ต้องควรตัดให้สั้น หรือถ้าประเมินแล้วว่า เราไม่มีเวลาดูแลหญ้า ควรจ้างคนมารื้อหญ้าเอานี้ออก แล้วปูปูนซีเมนต์แทน เพราะหญ้า จะขึ้นเร็วมาก และจะเกิดเป็นพื้นที่รกซุกซ่อนของสัตว์ร้ายได้ โดยเฉพาะจุดบอดของพื้นที่บ้าน เช่น พื้นที่นอกตัวบ้านที่อยู่ฝั่งด้านหลังบ้านมีความเสี่ยงมากที่สุด เพราะหลายครั้งที่หลังบ้านของเราติดกับพื้นที่อื่น เป็นพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ก็อาจทำให้สัตว์ร้ายเล็ดลอดเข้ามาในพื้นที่บ้านของเราในส่วนที่เป็นจุดบอดได้
5 ข้อแนะนำดังกล่าว เป็นแนวทางลดความเสี่ยงอันตรายจากสัตว์ร้ายที่อาจจะแอบมาอยู่ในสวนภายในบ้านสำหรับคนที่ไม่มีเวลาจริงๆ แต่ถ้าเราเลือกจะมีสวนแล้ว ดูแลให้ดีก็จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อให้บ้านยังคงสดชื่น น่าอยู่ จัดสรรเวลาในการรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ตัดแต่งใบเล็กๆ น้อยๆ ก็เชื่อว่า สวนของเราก็ยังคงน่ามองเช่นเดิม
แต่แม้จะดูแลอย่างดี ก็เป็นไปได้ว่า เราอาจจะเจอสัตว์ร้ายมาเยือนได้บ้าง ก็ควรศึกษาวิธีจัดการกับสัตว์ร้ายเหล่านั้นอย่างปลอดภัย หรือถ้าเป็นสัตว์ร้ายอย่าง “งู” ก็ควรโทรศัพท์แจ้งขอความช่วยเหลือไปที่ 199 ดับเพลิงและกู้ภัย ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
บทความข้างต้นเผยแพร่ครั้งแรกที่ DDproperty.com เว็บไซต์สื่อกลางอสังหาริมทรัพย์ ที่รวบรวม ข่าวอสังหาฯ คู่มือซื้อขาย และ รีวิวโครงการใหม่ ไว้กว่า 10,000 บทความ
บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ:
เห็บหมาเข้าหู จนลูกน้อยงอแง นอนเกาหู เหมือนมีอะไรในหู แม่แคะออกดูถึงกับสยอง!
แชร์คลิป คุณพ่อหัวใสสอนลูกหัดเดินด้วยวิธีนี้ก็คูลดีนะ!!